หลังเฉาเย่ากับเสี่ยวชิงกลับมา ทั้งห้องก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอม
เสี่ยวชิงตะกละจนน้ำลายไหล กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า "หวางเฟย ท่านไปเอามันมาจากไหนเจ้าคะ บ่าวถึงไม่เคยเห็นอาหารหน้าตาแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน"
"ไม่นานมานี้ข้าบังเอิญเจอชายแปลกหน้าจากโปซือ เขาเป็นคนมอบมันให้ข้า"
ซ่งหวานหว่านปั้นแต่งเรื่องขึ้นมา "มาลองชิมดูสิ หอมไหม"
ระหว่างที่พูด นางก็ยกฝาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเปิดออก จากนั้นก็คลี่ห่อขาหมู แล้วเทขาหมูออกมา
ทั้งเสี่ยวชิงและเฉาเย่าจวนจะร้องไห้เพราะความอยากอาหาร
ซ่งหวานหว่านเป็นคนเปิดฉาก คว้าขาหมูขึ้นมาแทะกินก่อน สาวใช้รุ่นเล็กทั้งสองก็ไม่เกรงใจแล้วเช่นกัน เริ่มลงมือกินทันที
"หวางเฟย ฮือฮือ! นี่มันอร่อยเกินไปแล้ว! ทั้งหอมทั้งอร่อย!"
"ขอบพระทัยหวางเฟยเพคะ ขาหมูนี่อร่อยมาก เป็นอาหารที่ดีที่สุดที่บ่าวเคยกินมาตลอดชีวิต"
"ฮ่าฮ่าฮ่า อร่อยก็ดีแล้ว" ซงหวานหว่านยิ้มกล่าว ก่อนจะมองออกไปที่นอกหน้าต่างแวบหนึ่ง แล้วกระตุกริมฝีปากยิ้มกล่าวว่า "สหายน้อยบนต้นไม้ เจ้าอยากมาลองชิมดูสักคำหรือไม่"
เสี่ยวชิงและเฉาเย่าไม่มีปฏิกิริยาใด แต่ต้นไม้ที่อยู่นอกหน้าต่างกลับสั่นไหวขึ้นมากะทันหัน จากนั้นร่างร่างหนึ่งก็ร่วงตุ้บลงมา
เสี่ยวชิงและเฉาเหยา "...!!!"
ซ่งหวานหว่านแค่นเสียงเย็น "เจ้าอ่อนหัด ตะกละแล้วสิ!"
*
เพียงไม่นาน เสียงเคาะประตูห้องหนังสือของจวนจ้านอ๋องก็ดังขึ้น
องครักษ์ส่วนตัวนามว่าเจียงเทาเดินขึ้นหน้ามารายงาน "ท่านอ๋อง องครักษ์เงาที่เฝ้าอยู่เรือนฮ่วนซีมาขอพบท่านขอรับ"
เจียงอู๋วั่งที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ เมื่อได้ยินหัวคิ้วก็ขมวดเล็กน้อย "บอกให้เขาเข้ามา"
เพียงไม่นาน องครักษ์เงาก็เดินเข้ามา ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าจ้านอ๋องเจียงอู๋วั่ง แล้วกล่าวสารภาพผิดว่า "นายท่าน ข้าน้อยไร้ความสามารถ ร่องรอยถูกเปิดเผย ขอท่านอ๋องโปรดลงโทษ!"
เจียงอู๋วั่ง "หือ? เกิดอะไรขึ้น"
"ข้าน้อยสมควรตาย เมื่อครู่ตอนที่หวางเฟยกำลังเสวยพระกระยาหารอยู่ในเรือน เดิมทีซูเช่อเฟยเพียงส่งสำรับจำพวกผักใบเขียวกับเต้าหู้เข้าไป แต่หวางเฟยไม่ทราบว่าไปเอาขาหมูจำนวนไม่น้อย ทั้งยังมีอาหารหน้าตาแปลกประหลาดอีกจำนวนหนึ่งมาจากที่ใด กลิ่นหอมยั่วน้ำลายคนเหลือเกินขอรับ"
“ข้าน้อยควบคุมการหายใจไม่ได้ไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่ากลับถูกหวางเฟยจับได้ นางชี้มาตรงที่ที่กระหม่อมซ่อนตัวอยู่ ทั้งยังให้ข้าน้อยมาแจ้งแก่นายท่านว่า นางอยากพบท่านขอรับ"
เจียงอู๋วั่งเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ดวงตาปรากฎแววล้ำลึก
ครั้นเจียงเทาเห็นเช่นนี้ก็ส่งเสียงถามว่า "เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้ควบคุมลมหายใจให้ดี เลยถูกหวางเฟยพบร่องรอยเข้างั้นหรือ"
“ใช่ขอรับ... ข้าน้อยยืนยันได้ เป็นเพียงการหายใจผิดจังหวะเฉยๆ ไม่มีเสียงอื่นใดเกิดขึ้นเลย”
เจียงเทาปิดปากเงียบ มองไปทางเจียงอู๋วั่ง
“ไปรับโทษเอง”
“ขอรับ ขอบคุณท่านอ๋องที่เมตตา!” องครักษ์เงาถอยออกไป
"เจียงเทา"
“ข้าน้อยอยู่นี่!”
"ไหนลองว่าความเห็นของเจ้ามาสิ"
"ทูลท่านอ๋อง กระหม่อมรู้สึกว่าหวางเฟยผู้นี้จะต้องมีอะไรแปลกประหลาดอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้กระหม่อมเคยสืบข้อมูลของนาง เป็นเพียงหญิงบ้าผู้ชายที่ดุร้ายไร้สมองผู้หนึ่ง มักจะคอยตามเกาะแกะอยู่ด้านหลังรัชทายาทเสมอ จนเป็นที่ขบขันอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยามนางเกิดมาก็นำพารอยด่างดำติดมากับใบหน้าด้วย อัปลักษณ์หาใดเปรียบ เหมือนว่าตลอดมาก็ไม่เคยได้รับความโปรดปรานจากเยียนซานโหว”
“สตรีเช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะอาศัยเพียงลมหายใจ ก็สามารถตัดสินได้ว่าบนต้นไม้ด้านนอกมีองครักษ์เงาซ่อนอยู่”
ตอนนี้ตนกลายเป็นหมากของบิดาและฮ่องเต้ ให้เป็นเครื่องมือสร้างความอับอายให้กับเจียงอู๋วั่ง หากนางเลิกร้างกับเจียงอู๋วั่ง แล้วถูกขับออกจากจวนอ๋อง ถึงพ่อนางไม่ฆ่านาง ฮ่องเต้ก็คงไม่ปล่อยนางไปแน่
อนิจจา โลกนี้ช่างอยู่ยากจริงๆ และการเอาชีวิตรอดก็ยากเย็นแสนเข็ญ
วิธีเดียวในขณะนี้ คือเป็นมิตรกับเจียงอู๋วั่ง กอดต้นขาของเขาเอาไว้ให้ดี หาที่ลงหลักปักฐานสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตในที่แห่งนี้
ไม่อย่างนั้น วันเวลาต่อจากนี้ได้ใช้ชีวิตลำบากแน่แล้ว
เพียงไม่นาน ก็มีเสียงฝีเท้าอันมั่นคงและทรงพลังดังขึ้นด้านหลัง
“เจ้าต้องการพบข้า?”
ซ่งหวานหว่านหันหน้ากลับมาเพื่อเผชิญกับใบหน้าอันหล่อเหลาสะท้านฟ้าสะเทือนดินใบนั้นของเจียงอู๋วั่ง นางบีบฝ่ามือ กักเก็บโรคบ้าผู้ชายเอาไว้ ก่อนจะย่อตัวกล่าวว่า "ถวายบังคมท่านอ๋อง"
“ไม่ต้องมากพิธี บอกมาตามตรงมีเรื่องอะไรถึงต้องการพบเปิ่นหวัง”
ซ่งหวานหว่านเดินเข้าไปหา ส่งชาเข็มเงินแห่งเขาจวินซานชั้นยอดที่เตรียมไว้ก่อนแล้วให้เจียงอู๋วั่ง "ท่านอ๋องเสวยชาร้อนสักถ้วยก่อนเพคะ พวกเราค่อยๆ สนทนากัน"
เจียงอู๋วั่งชำเลืองมองนางแวบหนึ่ง หยิบถ้วยชาไปแต่ไม่ยอมดื่ม กลับวางไว้บนโต๊ะแทน ก่อนจะกล่าวว่า "เวลาของเจ้ามีจำกัด ความอดทนของข้าก็เช่นกัน เข้าใจหรือไม่"
“ท่านจะรีบร้อนไปทำไม ชาดีเช่นนี้ท่านไม่แม้แต่จะลองชิม เพราะกลัวมีพิษหรือ” ซ่งหวานหว่านกล่าวอย่างแช่มช้า “ท่านอ๋องทรงวางพระทัย ชาไม่มีพิษ ถึงต่อให้มีพิษ ก็สู้พิษที่อยู่ในร่างท่านอ๋องไม่ได้หรอก”
เมื่อเจียงอู๋วั่งได้ยินเช่นนั้น สีหน้าพลันเปลี่ยนไปทันที
พริบตานั้นเขาก็ลุกขึ้น ยกมือบีบลำคอซ่งหวานหว่านไว้ ก่อนจะผลักนางลงบนโต๊ะ แล้วพูดด้วยเสียงเยียบเย็นว่า "ใครส่งเจ้ามา ถึงกับรู้เรื่องที่ข้าถูกพิษ! พูดมา!"
ซ่งหวานหว่านตั้งตัวไม่ทันเอวถูกกระแทก ลำคอก็หายใจลำบาก นางยกมือขึ้นคว้าไปที่มือของเจียงอู๋วั่ง แตะโดนชีพจรของเขาพอดิบพอดี
นางเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก "ปล่อย...ปล่อยมือ! ข้าสามารถ...ขจัดพิษให้ท่านได้..."
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต
ไม่ต่อแล้วหรอออ...
5555555555...
ต่อไหมค่ะ...
สนุกมากกกค่ะ...