หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต นิยาย บท 30

หลังทานมื้อเที่ยงเสร็จ ซ่งหวานหว่านก็อยู่เป็นเพื่อนสนทนากับน่าหลันไท่เฟยครู่หนึ่ง ครั้นเห็นน่าหลันไท่เฟยเริ่มจะเหนื่อยแล้ว ก็ประคองนางไปงีบหลับบนเตียง

เจียงอู๋วั่งกำลังพูดอะไรสักอย่างกับเจียงเทาอยู่ในลานวัด ซ่งหวานหว่านจึงเดินเข้าไปถามว่า “ท่านอ๋อง ข้าขอยืมเจียงเทามาช่วยงานได้หรือไม่”

“เรื่องใด”

“ข้ารู้สึกว่ากำลังภายในของข้ากำลังจะทะลวงขั้นพลังแล้ว อยากจะขอให้เจียงเทาช่วยคุ้มกันข้าสักหน่อยเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรบกวน เพราะฮวาอิ่งต้องดูแลเสี่ยวเถาจื่อ”

“เจียงเทา เจ้ารั้งอยู่ที่นี่ หากเสด็จแม่ทรงถามถึง ก็บอกว่าเปิ่นหวังออกไปเดินเล่นกับหวางเฟย”

“ข้าน้อยรับบัญชา!”

เจียงอู๋วั่งเบือนหน้ามามองซ่งหวานหว่านแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ไปเถอะ! เข้าไปด้านในภูเขา ตรงนี้ไม่ปลอดภัย”

เจียงอู๋วั่งลุกขึ้นยืน ใช้วิชาตัวเบาเหินเข้าไปในภูเขาโดยมีซ่งหวานหว่านตามหลังไปติดๆ เหินขึ้นลงอยู่สองสามครั้งก็หายลับไปจากสายตาของเจียงเทา

เจียงอู๋วั่งพาซ่งหวานหว่านมายังส่วนลึกของป่า หยุดอยู่บนต้นไม้โบราณต้นหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ลงไปเถิด เปิ่นหวังจะคอยคุ้มกันให้เอง”

“ขอบคุณท่านอ๋อง”

ซ่งหวานหว่านกระโดดลงจากต้นไม้เบาๆ ก่อนจะนั่งลงขัดสมาธิตรงใต้ต้นไม้ แล้วเริ่มโคจรพลังภายในไปตามเส้นลมปราณ

ปราณศักดิ์สิทธิ์ในภูเขาลึกมีอยู่เต็มเปี่ยม ซ่งหวานหว่านดูดกลืนปราณศักดิ์สิทธิ์อย่างบ้าคลั่งแล้วโคจรไปตามเส้นลมปราณ สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นกำลังภายในกักเก็บไว้ในจุดตันเถียน  

เพียงไม่นาน กำลังภายในในจุดตันเถียนก็ถูกกักเก็บไว้จนเต็ม ซ่งหวานหว่านทะลวงขั้นพลังระดับมหึมาสำเร็จภายในครั้งเดียวโดยไม่แม้แต่จะหยุดพัก

ทว่าเวลานี้ สิ่งที่นางไม่รู้คือในแหวนอวกาศของนาง ก็กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเช่นกัน

ซ่งหวานหว่านลุกขึ้นยืน ปัดเศษหญ้าที่ติดอยู่ตรงบั้นท้ายออก รอยยิ้มเบิกบานประดับอยู่บนใบหน้าพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ท่านอ๋อง ข้าทะลวงขั้นพลังระดับมหึมาสำเร็จแล้ว พวกเรากลับกันเถิด”

“อืม ไปเถิด”

เจียงอู๋วั่งไม่ได้พูดอะไรมากอีก ใช้วิชาตัวเบาเหินไปยังทิศทางที่พวกเขาจากมา

เดิมซ่งหวานหว่านหมายจะพูดว่ารอข้าด้วยสักประโยค แต่คำพูดมาถึงริมฝีปากแล้วจำต้องกลืนกลับลงไปใหม่ ก่อนจะแตะปลายเท้าเบาๆ ตามหลังเจียงอู๋วั่งไปห่างๆ

ครั้นกลับมาถึงวัดจี๋ฝู น่าหลันไท่เฟยก็ตื่นแล้ว กำลังมองเสี่ยวเถาจื่อเล่นสนุกอยู่ในลานวัด ในดวงตาเต็มไปด้วยแววรักใคร่

“เสด็จแม่ ให้คนเก็บข้าวของสักหน่อย พรุ่งนี้เช้าก็เดินทางกลับเมืองหลวงแล้ว” เจียงอู๋วั่งเอ่ยปากทำลายบรรยากาศอันเงียบสงบลง

“ไม่มีอะไรให้ต้องเก็บมากมาย มีเพียงเสื้อผ้ากับของใช้นิดหน่อย แล้วก็เครื่องประทินผิวที่หว่านเอ๋อร์มอบให้เราก็ได้แล้ว”

น่าหลันไท่เฟยเงยหน้ามองเจียงอู๋วั่งแวบหนึ่ง แล้วค่อยผินหน้าไปสั่งสาวใช้ข้างกาย “ฮวนเอ๋อร์ เจ้าไปเก็บของสักหน่อย”

“เพคะ พระนางไท่เฟย” ฮวนเอ๋อร์หมุนกายกลับห้อง ไปเก็บของลงหีบสัมภาระ

“หว่านเอ๋อร์ มานั่งข้างๆ เรานี่ เราสั่งให้คนเตรียมอาหารแล้ว เจ้าอยากกินอะไรก็บอกกับแม่ แม่จะให้คนไปทำให้เจ้า” น่าหลันไท่เฟยโบกมือเรียกซ่งหวานหว่าน

ซ่งหวานหว่านเดินเข้าไปหาแต่ไม่ได้นั่งลง ทว่ายืนอยู่ข้างกายของน่าหลันไท่เฟยแทน ก่อนจะนวดไหล่เบาๆ ให้น่าหลันไท่เฟยพร้อมกับพูดว่า “เสด็จแม่ ข้ากินอะไรก็ได้เจ้าค่ะ ขอแค่อิ่มท้องก็พอแล้ว”

น่าหลันไท่เฟยถูกซ่งหวานหว่านนวดให้จนรู้สึกสบายยิ่ง ขณะดวงตาหรี่ปรือเสพสุข ก็คิดในใจว่าเด็กสาวผู้นี้ช่างไม่เลือกกินเลี้ยงง่ายโดยแท้

หลังมื้อเย็นผ่านไป ซ่งหวานหว่านก็อยู่เป็นเพื่อนคุยกับน่าหลันไท่เฟยเป็นเวลานาน น่าหลันไท่เฟยให้คนไปจัดห้องให้เจียงอู๋วั่งกับซ่งหวานหว่านเพื่อกลับห้องไปพักผ่อน

สิ่งที่ทำให้ซ่งหวานหว่านอับจนวาจาคือน่าหลันไท่เฟยจัดห้องให้พวกนางเพียงห้องเดียวเท่านั้น

จู่ๆ 

ซ่งหวานหว่านก็รู้สึกว่าข้างกายมีคนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง ในสมองเกิดเสียงดังอึงอล ความง่วงอันตรธานหายไป นางลืมตาขึ้นมาฉับพลัน สิ่งที่สะท้อนเข้าสู่สายตาคือใบหน้าหล่อเหลาราวแกะสลักดวงหนึ่ง ตัวนางกอดรัดอยู่บนตัวเจียงอู๋วั่งราวกับปลาหมึก อีกทั้งขาข้างหนึ่งยังพาดอยู่ที่เอวของเจียงอู๋วั่งอย่างไร้ยางอายอีกด้วย

ซ่งหวานหว่านหัวสมองขาวโพลน จบกันๆ ข้าคงไม่ได้ละเมอหรอกนะ เห็นๆ อยู่ว่ากำลังหลับอยู่บนเก้าอี้ ไฉนถึงวิ่งมาที่เตียงเจียงอู๋วั่งได้

ขณะที่กำลังคิดจะฉวยโอกาสตอนเจียงอู๋วั่งหลับดอดหนีไป เวลานี้เจียงอู๋วั่งกลับลืมตาขึ้นมาพอดี ซ่งหวานหว่านตกใจจนหน้าเผือดสี จบกัน! ชื่อเสียงที่สั่งสมมาหนึ่งชาติของข้า ได้พังทลายลงอีกแล้ว

“ข้าขอโทษท่านอ๋อง ท่านฟังข้าอธิบายก่อน ข้าไม่ได้จงใจปีนขึ้นเตียงท่าน ข้าไม่รู้ว่าตัวเองมาหลับอยู่บนเตียงได้อย่างไร สงสัยข้าอาจจะละเมอ”

ครั้นเจียงอู๋วั่งเห็นท่าทางตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกของนาง ก็ไม่คิดที่จะอธิบายว่าเขาเป็นคนอุ้มนางมานอนบนเตียงเอง กลับพูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแทนว่า “ปีนก็ปีนสิ มีอะไรต้องอธิบายกัน เจ้ากอดพอหรือยัง เปิ่นหวังจะได้ลุกจากเตียง”

เช่นนี้ซ่งหวานหว่านถึงค่อยรู้สึกตัวว่าตนยังนอนคว่ำอยู่บนตัวเจียงอู๋วั่ง สวรรค์ อับอายเหลือเกินแล้ว นางรีบปีนขึ้นมา ทำท่าทางราวกับนักเรียนที่ทำผิดแล้วถูกอาจารย์จับได้

“ข้าขอโทษท่านอ๋อง ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” ซ่งหวานหว่านก้มศีรษะเล็กลงต่ำจนไม่อาจต่ำได้อีก ไม่กล้ามองเจียงอู๋วั่ง

“ยังไม่รีบประคองเปิ่นหวังลุกขึ้นอีก มือเท้าถูกเจ้าทับจนชาหมดแล้ว“

พอซ่งหวานหว่านได้ยิน ก็ยิ่งอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ก่อนจะประคองเจียงอู๋วั่งลุกขึ้นมา แล้วดึงประตูห้องเปิดออก ใช้สองมือปิดหน้าพร้อมกับวิ่งออกมาด้านนอก

“นี่! เจ้าไม่สวมรองเท้าหรือไร” เสียงของเจียงอู๋วั่งดังไล่หลังมา

ซ่งหวานหว่านคิดในใจ สวรรค์ เอาสายฟ้ามาผ่าข้าเสียเลยเถอะ!

ซ่งหวานหว่านหันกายกลับไปอย่างไม่มีทางเลือก นั่งลงบนเก้าอี้แล้วสวมรองเท้า สวมไปพลางก็คิดไปพลางว่า ‘เขาเป็นซุนหงอคงที่ถูกส่งมาทรมานข้าหรือไร มารดามันเถอะ ต่อไปต้องอยู่ให้ห่างจากเจ้าสารเลวนี่ยิ่งไกลยิ่งดี อยู่ด้วยกันกับเขาทีไรไม่เคยมีเรื่องดี ทุกครั้งที่เกิดเรื่องล้วนเป็นเพราะเจ้าตัวอับโชคนี่’

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวางเฟยอัปลักษณ์พลิกชีวิต