หย่าร้ายพ่ายรัก นิยาย บท 1

ตอนที่ 1 การหย่า

“เลอศิลป์ ฉันแต่งงานกับคุณมาสามปีแล้วนะ แต่คุณไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวฉันเลย ฉันจะขออวยพรให้คุณและผู้หญิงที่คุณตกหลุมรักคนแรกด้วยการล้มเลิกชีวิตคู่ของเราไปเสีย พรุ่งนี้คุณจะได้เป็นอิสระเพื่อไปตามหาเธอ แต่ในตอนนี้ ช่วยชดเชยความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานี้หน่อยเถอะ ได้ไหม?” เมื่อพูดเช่นนั้น รษิกา จารุวิทย์ก็โน้มตัวลงไปประกบริมฝีปากกับชายผู้หนึ่งตรงหน้าเธอ ราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ การกระทำของเธอทั้งเสียสติและสิ้นหวัง เธอรู้ว่ามันเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจ แต่เธอก็รักเขามานานมากเหลือเกิน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส และในตอนนี้ สิ่งที่เธอต้องการมีเพียงการปลอบใจเล็กน้อยก็เท่านั้น “รษิกา คุณกล้าดียังไง!” เลอศิลป์ ฟ้าศิริสวัสดิ์กัดฟันแน่นขณะที่โทสะพลุ่งพล่าน ใบหน้าอันหล่อเหลาคมคายฉายแววแห่งความเดือดดาลปานฟ้าผ่า เขาอยากผลักไสเธอออกไป แต่ความปรารถนาที่เพิ่มพูนขึ้นในร่างกายของเขานั้นเกินกำลังจะยับยั้ง มันคุกคามหมายจะเผาผลาญความสามารถในการคิดหาเหตุผลของเขาไปเสียสิ้น เธอกล้าดียังไงถึงได้ทำแบบนี้กับฉัน? “ฉันไม่กลัวอะไรอีกแล้ว...” น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากดวงตาของรษิกา จูบของเธอรัวเร็วขณะที่มืออันไร้ซึ่งประสบการณ์ของเธอนั้นก็คลำไปทั่วร่างของเขาอย่างเร่งรีบ สิ่งที่เธอต้องการมีเพียงการครอบครองเขาทั้งหมดแค่สักครั้งหนึ่ง คลื่นแห่งความเดือดดาลถาโถมเข้าใส่เลอศิลป์ อนิจจา… ทุกสิ่งกลับไม่อยู่ในการควบคุมของเขาเสียแล้ว ไม่นานนัก สัญชาตญาณของเขาก็เข้าครอบงำ ขณะที่ร่างกายถูกแผดเผาด้วยไฟราคะ เขาก็สูญเสียเหตุผลไปอย่างสิ้นเชิง วันต่อมา รษิกาตื่นขึ้นมาในรุ่งเช้า เธอกดทับความรู้สึกไม่สบายใจทั้งหมดเอาไว้ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและสวมเสื้อผ้า หลังจากนั้น เธอก็หยิบข้อตกลงการหย่าร้างที่เตรียมเอาไว้ออกมาจากลิ้นชักและวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะเดินจากไป เธอหันไปจ้องชายที่อยู่บนเตียงนอน “เลอศิลป์ ฉันจะปล่อยคุณเป็นอิสระ จากวันนี้เป็นต้นไป เราต่างคนต่างไปตามทางของตัวเอง เราไม่มีอะไรหลงเหลือให้เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป” รษิกาพึมพำ เธอเบือนหน้าหนีก่อนจะหันหลังจากไป หัวใจเธอเต็มไปด้วยความขมขื่นและปวดร้าวขณะที่ก้าวออกจากบ้านตระกูลฟ้าศิริสวัสดิ์ รษิกาหลงรักเลอศิลป์มาตลอดเจ็ดปี เธอรักเขามาตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นจนกระทั่งเรียนมหาวิทยาลัย ดังนั้นความใฝ่ฝันอันสูงสุดของเธอก็คือการได้เป็นภรรยาของเขา แต่ทว่า เลอศิลป์กลับดูถูกดูแคลนเธอทันทีตั้งแต่วินาทีที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลของเขา ย้อนกลับไปตอนนั้น คุณปู่ของเขาป่วยหนักเข้าขั้นวิกฤติ และต้องการโอกาสร่วมงานเฉลิมฉลองบ้างด้วยมุ่งหวังจะปัดเป่าเคราะห์กรรมออกไป และเหมือนโชคเข้าข้างที่เธอได้รับเลือกให้เป็นภรรยาของเลอศิลป์ พ่อที่แสนละโมบโลภมากและแม่เลี้ยงของเธอรีบตกลงให้แต่งงานกันทันที เธอยังจำได้ดีว่าเธอดีใจมากแค่ไหนขณะที่รอให้ถึงคืนวันแต่งงาน แต่แล้ว เมื่อเลอศิลป์มาปรากฏตัว เขาก็ตีสีหน้าเบื่อหน่ายใส่เธอ “รษิกา ผมจะบอกอะไรให้นะว่าคนที่ผมอยากแต่งงานด้วยคืออัญชสา ภักดีสรวงเท่านั้น ผมไม่ได้ต้องการจะแต่งงานกับคุณเลย! มีเพียงอัญชสาเท่านั้นที่เหมาะสมจะเป็นภรรยาผม คุณน่ะมันไม่มีอะไรดีเลย” เขาประกาศกร้าว รษิการู้ว่าเลอศิลป์ไม่จำเป็นต้องรักเธอ แต่ทว่า เธอก็ยังยึดติดกับความหวังว่าชายคนนี้จะแสดงออกถึงความอบอุ่นต่อเธอบ้างในสักวันหนึ่ง ชีวิตการแต่งงานของพวกเขาในสามปีที่ผ่านมา เธอพยายามอย่างที่สุดเพื่อจะเป็นภรรยาที่ดีและใส่ใจดูแลสามีมาตลอด ทุกคืน เธอจะเตรียมมื้อค่ำเอาไว้ เพื่อที่เขาจะได้กลับบ้านมาทานอาหารที่ทำสดใหม่ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน เธอจะเข้านอนอย่างสงบได้ก็ต่อเมื่อเขากลับมาถึงบ้านแล้ว หากเขาเมามายมาจากงานสังคมต่างๆ เธอก็จะดูแลเขาอย่างใส่ใจในทุกรายละเอียด แทนที่จะปล่อยเขาไว้ให้คนอื่นดูแล ไม่ว่าเมื่อไรที่เขาป่วย หรือเจ็บปวด เธอจะเป็นห่วงเขามากกว่าใครๆ ทุกๆ หน้าหนาว เธอจะเปิดเครื่องทำความร้อนเอาไว้ และเติมน้ำอุ่นใส่อ่างไว้ให้เขาอาบ ในตอนเช้า เธอจะตื่นขึ้นมาเร็วกว่าปกติและอบเสื้อผ้าเขาให้อุ่นเสียก่อน เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องสัมผัสความเย็นจากเสื้อผ้าเหล่านั้น แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร เขาก็ไม่เคยรักเธอ และจะไม่มีวันรักเธอ เมื่อวานซืนเป็นวันเกิดของรษิกา แต่เลอศิลป์กลับต้องไปอยู่เป็นเพื่อนอัญชสาที่โรงพยาบาลแทน และนั่นคือตอนที่รษิกาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาฝ่ายเดียวนั้นจะไม่มีวันได้รับการตอบสนองใดจากเขา เธอไม่สามารถทำให้เลอศิลป์รักเธอได้ เพราะหัวใจของเขาเป็นของผู้หญิงอีกคนไปแล้ว ดังนั้น รษิกาจึงตัดสินใจยอมแพ้ เลอศิลป์ตื่นขึ้นมาในเวลาประมาณสิบโมง สิ่งแรกที่เขาต้องการทำหลังจากลุกขึ้นมาคือบีบคอรษิกาให้ตายคามือ เลอศิลป์เป็นผู้บริหารใหญ่ของฟ้าศิริสวัสดิ์กรุ๊ปที่ขึ้นชื่อเรื่องความเฉียบแหลม ไม่มีใครในโลกธุรกิจที่จะสามารถเทียบชั้นเขาได้ ดังนั้น เขาจึงไม่เคยตกหลุมพรางของใครเลยแม้แต่คนเดียว แต่เขาก็ไม่เคยคิดฝันว่าจะมาตกหลุมพรางของผู้หญิงคนนั้น! เขามองไปรอบห้องด้วยความเดือดดาล แต่ไม่เห็นรษิกาเลย และเขาก็เหลือบไปเห็นจากหางตาว่ามีเอกสารวางอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง “นั่นมันอะไร?” เลอศิลป์ขมวดคิ้วขณะที่หยิบเอกสารที่มีคำว่า “ข้อตกลงการหย่าร้าง” พิมพ์ด้วยตัวอักษรหนาอยู่ที่หน้าแรกขึ้นมาดู เขาหรี่ตาลงอย่างมุ่งร้าย ตอนแรก เธอใช้กลอุบายที่น่ารังเกียจหลอกล่อให้ฉันมีสัมพันธ์สวาทกับเธอ แล้วตอนนี้เธอจะมาขอหย่าเหรอ ฮ่าๆ! เธอซ่อนมารยาไว้สักกี่ร้อยเล่มเกวียนกันเนี่ย? เลอศิลป์ไม่อยากจะเชื่อว่ารษิกาจะอยากหย่ากับเขาจริงๆ เขาลุกขึ้นยืนก่อนจะสวมเสื้อผ้าและตรงไปยังชั้นล่างด้วยความหงุดหงิด “เห็นรษิกาไหม?” เขาถามล้อม ผู้เป็นพ่อบ้านของเขา ล้อมผงะไปก่อนจะตอบอย่างรวดเร็วว่า “คุณเลอศิลป์ครับ คุณรษิกาออกจากบ้านไปพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ตั้งแต่รุ่งสางแล้วครับผม” เมื่อได้ยินอย่างนั้น เลอศิลป์ก็ชะงักฝีเท้าด้วยความประหลาดใจ หกปีต่อมา ที่สถาบันวิจัยทางการแพทย์วัชรา ในเมืองญาตนคร รษิกาเพิ่งจะก้าวเข้าไปในห้องแล็บ ขณะที่ผู้ช่วยเธอที่ชื่อลลิตาบอกกับเธอว่า “คุณหมอรษิกาคะ ศาสตราจารย์หาญชัยต้องการคุยกับคุณก่อนค่ะ เขาอยากให้คุณไปเจอที่ห้องทำงานของเขา” หลังจากไม่ได้นอนมาทั้งคืน รษิการู้สึกง่วงนอนมาก แต่เมื่อได้ยินลลิตาบอกเช่นนั้น เธอก็หลุดออกจากภวังค์แห่งความง่วงงุนขณะที่จิตใจก็ปลอดโปร่งขึ้นทันที “เขาได้บอกอะไรไหม? อย่าบอกนะว่าเจ้าอันธพาลตัวน้อยของฉันไปทำให้ผลการวิจัยเสียหายอีกแล้วน่ะเหรอ?” “ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะคะ” ลลิตาตอบกลับมา เธอมองรษิกาด้วยท่าทีเห็นอกเห็นใจ รษิกาเป็นผู้หญิงที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงมากและเป็นคนมีความสามารถ ด้วยวัยที่ยังเยาว์ เธอได้กลายเป็นแพทย์ฝึกหัดของศาสตราจารย์หาญชัย เลิศบุตย์ ผู้ที่เป็นศาสตราจารย์ที่เก่งที่สุดในแวดวงการแพทย์ ด้วยความสามารถที่โดดเด่นของเธอทำให้เธอไม่เคยถูกตำหนิเรื่องงานเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่กระนั้น มันก็ไม่ได้ขวางเธอไม่ให้กลายเป็นแพะรับบาปแทนลูกชายแสนซนทั้งสองคนของเธอเอง ลลิตาปลอบโยนเธอ “คุณอยู่ในแล็บมาตั้งสามวันติดๆ แล้ว อชิกับเบนนี่ก็คงจะเป็นห่วงคุณ พวกเขาเลยมาใช้เวลาทั้งวันหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงานของศาสตราจารย์หาญชัย ฉันว่าศาสตราจารย์คงได้ผมหงอกนั่นมาจากปัญหาที่พวกเขาก่อแน่เลย” ได้ยินเช่นนั้น รษิกาก็อยากเอามือกุมหัวขึ้นมา แต่เธอก็อดคิดไม่ได้ว่าสถานการณ์นี้มันก็ตลกดีเหมือนกัน หกปีก่อน หลังจากที่เธอออกมาจากบ้านตระกูลฟ้าศิริสวัสดิ์ เธอก็มุ่งหน้าไปต่างประเทศโดยไม่ลังเลใจ ตอนแรก เธออยากจะเรียนต่อ แต่ไม่นานนักเธอก็พบว่าเธอตั้งครรภ์ ย้อนไปในตอนนั้น เธออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกว่าจะยุติการตั้งครรภ์ไปหรือไม่ และเมื่อเธอไปถึงโรงพยาบาล เธอก็เปลี่ยนใจในทันที เธอทนไม่ได้ที่ต้องแยกจากลูกๆ ของเธอไป ในท้ายที่สุด เธอก็เลือกจะเก็บเด็กไว้ รษิกาตั้งครรภ์แฝดสาม เป็นเด็กชายสองคนและเด็กหญิงอีกหนึ่งคน ระหว่างการคลอด ลูกสาวของเธอคลอดออกมาแต่ไร้ซึ่งสัญญาณชีพเพราะขาดอากาศหายใจ มีเพียงเด็กชายสองคนที่รอดมาได้ เธอจึงตั้งชื่อเล่นของเด็กชายทั้งสองว่าอชิและเบนนี่ เมื่อคิดถึงลูกชายผู้เป็นอัจฉริยะตัวน้อยของเธอ มันก็ทำให้เธอมีความสุขมาก แต่ทว่า เธอก็ต้องห่อไหล่เมื่อนึกได้ว่าเธอกำลังจะถูกตำหนิจากพฤติกรรมแผลงๆ ของพวกเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หย่าร้ายพ่ายรัก