แน่นอนว่าถูซินเยว่จะไม่ทำร้ายซูเฟิ่งอี๋จนถึงตาย หากตายขึ้นมาเธอต้องถูกส่งตัวไปกินข้าวคุกในอำเภอ
ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าแลกกับเศษสวะเช่นนี้
เธอยืนขึ้นแล้วเดินไปยังซูจื่อหังที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง แล้วพูดว่า "มาอุ้มท่านแม่ออกไปด้วยกันเถอะ"
ในเมื่อตระกูลซูไล่พวกเขาไป ถูซินเยว่จึงไม่หน้าด้านหน้าทนพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป
ซูจื่อหังพยักหน้า เหลือบมองซูเฟิ่งอี๋บนพื้นที่พยายามลุกแต่ก็ลุกไม่ขึ้น แล้วจึงหันไปมองมือของถูซินเยว่ จู่ ๆ ก็ถามขึ้นว่า "มือเจ้าเจ็บหรือเปล่า?"
“ฮะ?” ถูซินเยว่ตะลึงงัน ลูบฝ่ามือของตัวเองโดยไม่รู้ตัว
จะว่าไป เมื่อครู่เธอเองก็ไม่ได้รู้สึก แต่เมื่อถูกซูจื่อหังถามขึ้นเช่นนี้ เธอก็รู้สึกเจ็บแปลบอยู่ที่ฝ่ามือเล็กน้อย
เพราะอย่างไรแล้วการตบกว่าสิบครั้งนั้น ก็เกิดแรงปะทะขึ้นทั้งสองฝ่าย
“ดูเหมือนจะเจ็บนิดหน่อยน่ะ” ถูซินเยว่ยิ้มโง่ให้ซูจื่อหังสองที
ซูจื่อหังกล่าวต่อว่า "คราวหน้าถ้าเจ้าจะตบตีใคร ก็อย่าใช้มือตัวเอง หาคนอื่นมาช่วยดีกว่า"
"ได้" ถูซินเยว่พยักหน้าอย่างจริงจัง เมื่อครู่เธอกำลังโกรธจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน พวกเขาก็อุ้มนางหยูขึ้น และเดินไปที่กระท่อมมุงจาก ทำเหมือนซูเฟิ่งอี๋ที่อยู่บนพื้นเป็นอากาศธาตุ
ส่วนซูเฟิ่งอี๋ที่นอนกองอยู่บนพื้นนั้นกำลังจะอาเจียนเป็นเลือดด้วยความโกรธ
ทั้ง ๆ ที่คนที่ถูกตบคือนาง หน้าของนางถูกตบจนบวมเป่ง แต่จื่อหังกลับถามถูซินเยว่อย่างหน้าตาเฉยว่าเจ็บมือหรือเปล่า?!
พวกสารเลวสองตัว!
“ท่านแม่ รีบมาช่วยดึงข้าลุกขึ้นที” ซูเฟิ่งอี๋เงยหน้าขึ้นและมองไปที่แม่เฒ่าตระกูลซูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างไม่แยแส
“ไม่ได้เรื่อง แค่เด็กผู้หญิงก็สู้ไม่ไหว” แม่เฒ่าตระกูลซูเหลือบมองนาง เมื่อเห็นว่านางไม่ได้อาการสาหัส แค่หน้าบวมแดงจนน่ากลัวไปหน่อยเท่านั้น แม่เฒ่าตระกูลซูก็ยันไม้เท้าหมุนตัวเดินกลับเข้าห้อง ทิ้งซูเฟิ่งอี๋ที่อยากร้องแต่ก็ร้องไม่ออกให้นอนอยู่บนพื้นคนเดียว
เมื่อกลับจากภูเขาก็เกือบจะมืดแล้ว ถูซินเยว่และซูจื่อหังช่วยกันแบกนางหยูไปที่กระท่อมมุงจาก
เมื่อเปิดประตูออก ถูซินเยว่ก็ตกใจจนอ้าปากค้าง สภาพภายในกระท่อมนั้นแย่กว่าข้างนอกเสียอีก ทั้งหมดมีเพียงสองห้องเท่านั้น ข้างในไม่มีอะไรเลยนอกจากเตียงไม้ที่ไม่มีขา เมื่อมองขึ้นไปข้างบนหลังคาก็พบว่าตรงกลางเป็นช่องว่างเปล่า
หลังจากวางนางหยูลงเรียบร้อยแล้ว เมื่อมองดูสภาพแร้นแค้นตรงหน้า จู่ ๆ ซูจื่อหังก็พูดขึ้นว่า "ซินเยว่ ข้าทำให้เจ้าต้องลำบากจริง ๆ "
ทันทีที่แต่งเข้ามา ก็ต้องมาลำบากไปกับเขาด้วย ซูจื่อหังรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
เดิมทีเขาต้องการให้ถูซินเยว่กลับไปหลบที่บ้านพ่อแม่ของเธอ แต่แล้วเขาก็นึกได้ถึงเรื่องวันนั้นที่ซูเฟิ่งอี๋และลุงรองพาเธอเข็นใส่เกวียนวัวกลับไป ปรากฏว่าบ้านตระกูลถูกลับปิดประตูใส่
ในพื้นที่ชนบทสมัยโบราณ เด็กหญิงที่แต่งงานออกไปแล้ว ยากที่จะมีเหตุผลใดสามารถกลับไปที่บ้านได้อีก
หากกลับไปในเวลานี้ คงถูกชาวบ้านนินทาอย่างแน่นอน
ซูจื่อหังเหลือบมองถูซินเยว่อย่างรู้สึกขอโทษ
แต่ถูซินเยว่กลับมองโลกในแง่ดี เธอวางหมูป่าที่อยู่บนหลังลงแล้วนั่งลงกับพื้น พูดด้วยรอยยิ้มว่า "ต่อไปนี่ก็คือบ้านของเรา เราต้องพยายามต่อสู้ไปด้วยกัน สร้างบ้านหลังนี้ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ !"
หลังจากที่แยกครอบครัวออกมาแล้ว เงินที่หามาได้ทั้งหมดก็จะเป็นของพวกเขา แม้ว่าตอนนี้จะลำบากไปบ้าง แต่ตราบใดที่พวกเขาไม่กลัวความยากลำบาก อนาคตก็จะต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ ถูซินเยว่ไม่เชื่อหรอกว่าเธอที่เป็นถึงหน่วยรบพิเศษจากศตวรรษที่ยี่สิบจะอับจนหนทางกับความยากลำบากเล็ก ๆ น้อยๆ ของชีวิตในสมัยโบราณเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หญิงอ้วนทำนา กับสามีบนเขาจอมขี้แกล้ง
รออยู่นะคะ...
รอ.....,....
รอ.........
แอดจ๋า...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ น่าสนุกมาก😭😭😭...
กำลังสนุกเลย ช่วยมาเพิ่มตอนให้ทีนะคะแอดมิน...
สนุกดี ไม่อัพต่อแล้วหรอค่ะ...