สรุปตอน ตอนที่10 – จากเรื่อง หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi] โดย mimi112233
ตอน ตอนที่10 ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi] โดยนักเขียน mimi112233 เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่10
#หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม
เมื่อเช้ามามหาลัยพร้อมกันแต่พอมาถึงมหาลัยก็ต่างคนต่างแยกย้ายเนื่องจากคินมีสอบเก็บคะแนนนอกเวลาเรียน ส่วนภูก็แยกไปซ้อมก่อน ทางด้านของคินพอสอบเสร็จก็ตามไปซ้อม ชีวิตประจำวันยังคงปกติดีแต่เหมือนเหล่ารุ่นพี่ในชมรมจะดูอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนเสียเหลือเกิน ระหว่างนั่งพักคินเงียบทำเป็นดื่มน้ำโดยที่หูจดจ่อฟังหัวข้อที่ภูกำลังถูกเพื่อนตัวเองเค้นถามว่าแล้วสรุป
“เมื่อคืนมึงไปนอนไหน?”
“นอนห้องเพื่อน” ภูตอบเสียงจริงจัง
“ห้องเพื่อนคนไหนในเมื่อคนที่ตอบไลน์มึงมีแค่ไอ้คิน แล้วงี้มึงจะมาบอกว่าไม่ได้นอนห้องน้องมันได้ไง”
“ก็....” อึกอักอีกครั้ง
“ฮั่นแหน่...”
“เออๆกูนอนห้องไอ้คิน พอใจยัง” พูดความจริงออกไปจนได้ก่อนเสียงร้องจากทั้งกลุ่มจะดังตามมา เจอแบบนี้คินแอบขมวดคิ้ว ไม่น่าให้พวกรุ่นพี่เข้าไปเจอภาพอะไรแบบนั้นเลย ดูดิ ชอบชงเขากับภูอยู่ได้ ทั้งที่ความจริงแทบจะตีกันทุกวันตางหากหละจะมาเป็นคู่จิ้นอะไร ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้มีปัญหาหนักเท่าเมื่อก่อนแต่ก็ยังมีบางครั้งที่ชอบพูดจากัดกันอยู่ดี แต่ที่จริงเวลาคู่เพื่อนคนไหนในกลุ่มคุยงุ้งงิ้งกันสองคนก็มักจะโดนแซวทำนองนี้ เพราะงั้นคินเลยไมได้เครียดอะไรจริงจังนักเพราะถือเป็นเรื่องปกติของชมรมนี้ไปแล้วหละ แต่ทั้งที่ความจริงก็มีแฟนเป็นผู้หญิงกันหมดนะ ก็หยอกล้อกันไปพอเฮฮา ถึงเวลาซ้อมก็ตั้งใจ เลิกซ้อมก็ไปเยี่ยมแม่ของภูเพราะไม่ได้ไปมาหลายวันแล้ว
แถมในตอนนี้ล่าสุด คือแม่ของภูค่อนข้างเอ็นดูคินมากเลยทีเดียว
เอ็นดูจนถึงขั้นที่ว่า....
“โหแม่ งี้พวกผมก็ตกกระป๋องกันหมดแล้วอะดิครับ”
“นี่สินะ อะไรที่เด็กกว่าก็ต้องน่าเอ็นดูกว่าเป็นธรรมดา น่าน้อยใจที่สุด” เพื่อนของภูโอดครวญกันจนคินยังอดขำไม่ได้ นั่งมองภาพตรงนี้ที่ในตอนนี้เหล่ากลุ่มชายหนุ่มกำลังพากันเข้าไปออดอ้อนหญิงวัยกลางคนที่กำลังนอนยิ้มมองด้วยความขบขัน คินยิ้มกว้างแถมยังหัวเราะออกมาเสียงดัง พอสนิทกันมากขึ้นเขาก็เริ่มจะมีความรู้สึกร่วมด้วย มัวแต่มองเหล่ารุ่นพี่ร่วมชมรมจนไม่ได้สนใจว่ามีใครบางคนแอบชำเลืองหางตามองอยู่หลายต่อหลายครั้ง
..กึก... เสียงปิดประตูห้องดังขึ้น หมดเวลาเยี่ยมแล้วก็ต่างพากันเดินออกมา
..หมับ!.. คินโดนล็อคคอจากด้านหลังโดยแบงค์
“ไอ้คิน!คืนนี้พวกกูจะไปผับกัน แล้วมึง...ห้ามปฏิเสธอีกเด็ดขาด!”
“เดี๋ยวนะ พี่เพิ่งไปกันมานะครับ”
“แล้วยังไง ก็จะไปอีกอะ” แบงค์พูดสวนมาก่อนจะหัวเราะขึ้นพร้อมกับคนอื่น แถมคินไม่กล้าปฏิเสธด้วยเพราะจะดูเสียมารยาทมากเพราะงั้นเลยเดินตามไปแบบไม่ได้พูดอะไร ก็ไม่เสียหาย เพราะวันนี้วันเสาร์ดังนั้นพรุ่งนี้ก็วันหยุดเขาสามารถตื่นสายได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากระทบ เดินกันออกมาจนถึงลานจอดรถเหล่ากลุ่มคนเบื้องหน้ากำลังปรึกษากัน
“กูโทรไปจองโต๊ะกับที่จอดรถก่อนแล้วกันคนน่าจะเยอะวันนี้” แบงค์เปรยขึ้นและคนอื่นพยักหน้าเห็นด้วย
แต่คินแอบคิดในใจ เวลาขนาดนี้คนน่าจะมาเที่ยวเต็มแล้วนะยังจะโทรไปจองได้หรอ
บอกว่าโทรไปไล่ที่คนอื่นที่เขามาก่อนน่าจะถูกต้องกว่า
“ไอ้ภูหยุดรถทำไม” จนที่ขับมาถึงผับเหล่าคนที่ติดรถของคินมาด้วยพึมพำขึ้นเมื่อภูที่ขี่มอเตอร์ไซค์นำหน้าจู่ๆก็จอดกะทันหัน ใครอีกคนเพยิดหน้าไปทางรถยนต์หนึ่งคันที่จอดอยู่หน้าทางเข้าของผับ คินไม่รู้ว่าภูจะสื่ออะไรเพราะเห็นแค่ว่าที่จอดรถมีป้ายคำว่าวีไอพีตั้งไว้อยู่ด้วย
“....!” จนพอมองที่รถยนต์คันนั้นแล้วนึกไตร่ตรองในที่สุดคินก็นึกออก
รถยนต์สีแบบนี้ ยี่ห้อนี้ คือมันมีไม่กี่คันหรอกในไทยน่ะ
ใช่แล้ว...
“นั่นรถแฟนใหม่ของแฟนเก่าพี่ภูใช่ไหมครับ” คินถามรุ่นพี่ที่นั่งอยู่ด้านหลังและทุกคนร้องอ๋อ
“เออว่ะจริงด้วย!เอาหละกูว่ามันส์!!” รู้แบบนี้ทุกคนพากันเปิดประตูลงจากรถ คินงุนงงแต่ต้องยอมเดินตามลงไปทั้งที่รถยนต์ยังจอดขวางทางเข้าออกของคนอื่นเขาอยู่เลย ตอนนี้มีรถคันอื่นต่อคิวจะเข้าแล้วด้วยแต่แบงค์ที่เป็นเจ้าของรถอีกคันที่จอดตันทางเข้ายังคงไม่ได้ยอมที่จะขยับรถของตัวเองออกให้ จนกลายเป็นว่าพวกเขากลายเป็นจุดสนใจเพราะภาพตรงหน้าคือภูกับแบงค์ที่กำลังยืนคุยกับบอดิการ์ดของผับ ตอนนี้คินรู้สึกว่าแบงค์ค่อนข้างมีอิทธิพลมากเลยทีเดียวนะ
“เคลียให้หน่อย จะจอดตรงนี้” แบงค์กำลังพูดด้วยน้ำเสียงไม่ได้ล้อเล่นแถมชี้นิ้วไปทางที่รถของมารหัวใจเพื่อนสนิทอย่างภูซึ่งจอดอยู่ บอดิการ์ดก็เอาแต่ทำหน้ากลืนไม่ได้คลายไม่ออก
“ผมเตรียมที่จอดรถไว้ให้ข้างหลังไงครับ ตอนแรกคุณแบงค์ตกลงแล้ว”
“ไอ้แบงค์มันตกลงแต่ผมไม่อะ อยากจอดข้างหน้า...แล้วก็อยากจอดตรงนี้” คราวนี้เป็นภูที่เริ่มพูดขึ้นบ้าง
“ใช่ครับ โทษทีนะพอดีตอนคุยลืมถามไอ้ภูมันว่าจะจอดตรงไหน..เพราะงั้น พี่เคลียให้พวกผมหน่อยนะ” แบงค์กำลังสร้างเรื่องโกหก ความจริงคืออีกคนตกลงกับภูเรียบร้อยว่าจะจอดด้านหลังของผับแต่พอมาเจอศัตรูก็ดันเปลี่ยนใจกะทันหัน
“มันไม่ได้จริงๆครับ คือว่าลูกค้าข้างในเขามาก่อนแล้ว”
“งั้นแล้วจะให้เขาไปจอดข้างหลังไม่ได้หรือไง ก็ผมจะจอดตรงนี้...นะครับพี่” ประโยคขอร้องแต่น้ำเสียงและท่าทางขัดกันมาก
“โธ่คุณภู...คือว่า”
“พวกผมจะจอดรถตรงนี้” สุดท้ายแล้วภูยืนยันคำเดิมจนในที่สุดบอดิการ์ดที่คอยดูแลความปลอดภัยของผับต้องยอมที่จะพยักหน้าและรับคำก่อนเดินหายเข้าไปด้านในเพื่อจัดการเรื่องนี้ให้ คินเห็นว่าทุกคนหันมายิ้มและยักไหล่ให้กันเหมือนว่าเรื่องแค่นี้เคลียได้สบายมาก ส่วนแบงค์ยอมเดินไปขยับรถออกจากที่จอดขวางทางเข้าเพื่อให้นักท่องเที่ยวคนอื่นได้เข้ามา สถานการณ์เกือบจะกลับมาปกติ
จนกระทั่ง...
“อะไร!จะให้ผมขยับไปจอดไหน!!”
“ข้างหลังครับคุณเอิร์ธ ส่วนตัวมากกว่าไม่เสี่ยงรถคุณเอิร์ธโดนถอยชนด้วย”
“ไม่ใช่ว่าไอ้เวรตัวไหนจะมาจอดที่ผมมากกว่าหรอ”
“ไม่ครับไม่เลยคือ...” แต่ยังไม่ทันที่บอดิการ์ดจะพูดจบ
“โหที่จอดรถโคตรดีเลยว่ะ เข้าออกสะดวกสุด!” เสียงจากภูพูดดังขึ้นซึ่งนั่นเรียกสายตาของคนที่เพิง่เดินมาถึงได้ในทันที ชายหนุ่มผิวขาวหน้าตาดี ใบหน้าเอาเรื่องเป็นที่รู้จักในชื่อของพี่เอิร์ธที่ใครหลายคนให้ความสนใจ เอิร์ธตวัดสายตามองทางต้นเสียง ก่อนเค้นยิ้มมุมปากเมื่อพบว่าที่แท้ก็คือไอ้พวกนี้เอง
“กูก็คิดว่าใคร ที่แท้ก็ไอ้พวกที่อยู่คณะไม่มีสมองนี่เอง”
“มึงเก่งมาจากไหนนักวะ” เกิดการถกเถียงขึ้นระหว่างภูกับเอิร์ธส่วนคินยืนเครียดเพราะวันนี้มีเรื่องแน่
“เก่งไม่เก่งไม่รู้ แต่คะแนนคณะกู...เอามาหารก็ยังสอบเข้าคณะมึงติดอยู่เลย” ระหว่างที่พูดเอิรธยังไม่ได้เข้ามาใกล้แต่มือกดพิมพ์ข้อความลงในโทรศัพท์ของตัวเองซึ่งคาดว่าน่าจะบอกเพื่อนด้านในเพราะเพียงไม่นานเท่าไหร่กลุ่มชายหนุ่มหลายคนเดินกรูกันออกมาแถมในตอนนี้เอิรธ์ก็กล้าเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับภูแล้วด้วย
“ผู้หญิงเขาทิ้งมึงมาหากู แค่นี้ควรพิจารณาตัวเองได้แล้วว่ามึงมันกระจอกขนาด...”
...ผลั้วะ!!!... ไม่ต้องรอให้พูดจบภูจัดการเปิดหมัดไปก่อน กลายเป็นเสียงวุ่นวายที่ดังตามหลังมาและคินรีบห้ามคนอื่นไว้เพราะถ้าเกิดวิ่งกรูใส่กันหมดมีหวังเรื่องใหญ่กว่านี้แน่ อย่างน้อยให้ภูต่อยกับเอิร์ธสองคนน่าจะมีปัญหาน้อยกว่า
...ผลั้ก!!ปึก!!!... แต่เริ่มรุนแรงจนบอดิการ์ดต้องเข้ามาช่วยกันห้าม
“พอแล้วพี่ภู!” แต่ภูทำท่าจะกระโจนใส่อีกรอบจนคินต้องเข้ามาดึงไว้เพราสภาพตอนนี้ดูไม่จืดกันเลยทั้งคู่ ทางด้านของเอิร์ธถูกดึงออกไปอีกด้านในขณะที่ภูกำลังโวยวายที่ถูกเขารั้งแขนเอาไว้ คินก็แค่ไม่ชอบให้มีเรื่องกัน ถ้าไม่ถูกใจอะไรกันก็ควรจะคุยกันสิไม่ใช่มาต่อยกันแล้วใช้กำลังตัดสิน
“หน้าแหกหมดเลยเพื่อนกู” คราวนี้เป็นแบงค์ที่พูดขึ้นด้วยเสียงขบขันพลางใช้มือพลิกหน้าของภูไปมา
“ไม่ต้องเที่ยวละ กลับไปทำแผลเหอะมึง” หลายเสียงเริ่มออกความเห็นและภูเพียงทำท่าจะเดินไปที่รถของตัวเองแต่โดนเพื่อนห้ามไว้อีก
“กูขี่รถมึงกลับเอง...มึงกลับรถยนต์นู้น” แล้วก็เพราะรุ่นพี่คนนี้ตอนแรกมากับคินแต่พอขากลับจะขี่รถของภูกลับ ดังนั้นเลยกลายเป็นว่าภูจะต้องกลับรถของคิน บรรยากาศบนรถค่อนข้างเงียบเพราะแต่ละคนดูมีท่าทางที่เครียดโดยเฉพาะภูที่ดูไม่พอใจมาก คินนั่งฟังภูคุยกับเพื่อนที่หัวข้อที่คุยกันก็หนีไม่พ้นเรื่องจะต้องไปเอาคืนเอิร์ธ
“ว่าแต่แผลมึงจะเอายังไง ไปคลินิกไหม” กระทั่งมีหนึ่งคำถามดังขึ้นคินเลยหันมอง
“ผมทำแผลให้พี่เขาก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินให้คลินิก”
“เออว่ะจริงด้วย ลืมไปเลยว่าเรามีคุณหมอนี่หว่า!” ทางด้านของภูยังไม่ได้พูดอะไรแต่เหล่าเพื่อนต่างเห็นด้วย ขับออกมานานพอสมควรคินเริ่มขมวดคิ้วเมื่อรุ่นพี่คนอื่นบนรถต่างพากันบอกว่าจะให้จอดส่งตรงไหน
เดี๋ยวนะ
แต่ภูกลับมานั่งยกมือขึ้นจับอกด้านซ้ายของตัวเอง
...ตึกตักตึกตักตึกตัก...
แม่ง เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย
.........................
แบงค์แยกตัวออกมาหลังจากที่โดนแม่โทรมาด่าชุดใหญ่แล้วบอกให้กลับบ้านเดี๋ยวนี้หลังจากที่เรื่องทะเลาะวิวาทถูกทางด้านของพ่อแม่รับรู้ แวะซื้อของทานลองท้องระหว่างทางเพราะรู้สึกหิวก่อนจะกลับมาขับรถต่อ แต่บ้านของเขาค่อนข้างไกลจากที่นี่พอสมควรเลยต้องใช้เวลาในการขับรถ แต่ภาพตรงหน้าทำคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันนิดหน่อยเมื่อพบว่ามีกลุ่มวัยรุ่นกำลังยืนล้อมอะไรบางอย่างอยู่ข้างทาง ดูแค่นี้ก็รู้ว่ากำลังมีเรื่องกัน แล้วเขาต้องไปช่วยมั้ยนี่ แต่เหมือนรถคันอื่นที่ผ่านไปมาจะไม่ได้กล้าจอดงช่วยเพราะแถวนี้เปลี่ยวพอสมควร เพราะงั้นถ้าเขาเลือกที่จะไม่ช่วยอีกคน
ถ้าเกิดคนนั้นเป็นพลเมืองดีแล้วโดนปล้นหละ
..เอี๊ยดด!.. คิดได้แบบนี้แบงค์จอดรถลงกะทันหัน เสียงเบรกดังเรียกความสนใจ
“ทำอะไรกัน!” เปิดประตูลงจากรถรีบตะโกนถาม พบว่าเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุยังไม่ถึงยี่สิบด้วยซ้ำ
“ไม่ใช่เรื่องของมึงอย่ามาเสือก!” เสียงตะโกนสวนมาแต่แบงค์เห็นเพียงว่ามีชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเขาหนึ่งคนที่นอนกองอยู่บนพื้น สภาพคือเพิ่งโดนรุมกระทืบมาแล้วถ้าเขามาช้ากว่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะโดนหนักกว่านี้ไหม
“รุมกระทืบคนคนเดียวแบบนี้เขาเรียกว่าหมานะ”
“งั้นให้กูกระทืบมึงกันอีกคนไหมหละแส่ไม่เข้าเรื่องนะมึง” ดูท่าไม่ดีแบงค์ถึงได้เดินถอยกลับมาที่รถ แต่เขาไม่ได้จะหนี
เพราะเดินกลับมาอีกทีพร้อมกับบางอย่างในมือ
“โตมาป่านนี้คงยังไม่เคยแดกลูกตะกั่วถูกไหม อยากลองหน่อยหรือเปล่า” เด็กพวกนั้นเริ่มแสดงสีหน้าไม่สู้ดี สุดท้ายยอมที่จะขับมอเตอร์ไซค์หนีกันออกไปโดยที่ยังมีหน้ามาทำกร่างก่อนจะหนีหางจุกตูด และแบงค์พ่นลมหายใจ โยนปืนในมือทิ้งไว้ในรถเหมือนเดิมก่อนตรงเข้าไปหาคนที่นอนกุมท้องของตัวเองอยู่
..หมับ.. รีบเข้าไปพยุง
“เป็นอะไรมากไหนครับ” ส่งเสียงถามออกไปและจังหวะที่คนแปลกหน้าพยุงร่างของตัวเองขึ้นพร้อมหันหน้ากลับมา
“.......!” ถลึงตาใส่กันทั้งคู่ชนิดที่ว่าแทบจะกระโจนต่อยกันแล้ว แบงค์รีบผลักคนในมือออก
“ไอ้เหี้ยแบงค์!!”
“อะไร นี่มึงรู้ชื่อกูด้วยหรอ”
“แล้วทำไมกูจะต้องไม่รู้ชื่อเพื่อนสนิทของไอ้ภูด้วยว่ะ ไม่สิ มึงมันแค่ลูกกระจ๊อกที่คอยเดินตามตูดมันต้อยๆมากกว่า”
“ปากดีนะมึง!!” คว้าหมับเข้าที่คอเสื้อเกือบจะได้ง้างหมัดต่อยแต่แผลบนหน้าอีกคนก็เยอะมากจนแบงค์ที่ยังพอมีความเป็นคนไม่ได้ลงไม้ลงมือ คือเพิ่งจะโดนภูมาไง แล้วดูท่าคงจะโดนพวกเด็กนั่นรุมกระทืบต่อ
“สร้างศัตรูไปทั่ว ระวังตายก่อนแก่นะมึง” แบงค์ผละตัวลุกขึ้นยืน กอดอกมองคนที่กำลังพยายามจะลุกยืน
“ไม่ต้องมาเสือกกับชีวิตกูหรอก”
“เหอะ ขอบคุณกูซักคำยังไม่มี”
“ก็ไม่ได้ขอให้มึงมาช่วยปะ” ในตอนนี้เอิร์ธยืนด้วยตัวเองได้แล้วแถมยังทำหน้าอวดดีใส่แบงค์ก่อนเดินขึ้นรถของตัวเองอีก
...บรืนน!!.... รถยนต์คันหรูถูกขับออกไป แบงค์มองตามด้วยใบหน้าหงุดหงิด
รู้งี้น่าจะปล่อยให้แม่งโดนกระทืบจนตายไปเลย!
# # # # # # # # # # # #
งุ้ยยยย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi]