ตอนที่19
#หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม
กว่าจะมาถึงกระบี่ก็มืดแล้ว ในตอนนี้คนในทีมกำลังพากันจ้องมองมาที่ภูและคินด้วยแววตาจับผิด เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าสองคนตรงหน้าไม่ค่อยถูกกันนักแต่รู้สึกว่าพักหลังมานี้จะตัวติดกันเหลือเกิน ในขณะที่โค๊ชกำลังต่อว่า เหล่าเพื่อร่วมทีมกลับซุบซิบกันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย หนักสุดก็คือสงสัยว่าภูกับคินกำลังมีซัมติงกัน
ซึ่งในจุดนี้ภูรีบตีหน้าขรึมใส่พร้อมต่อว่าไปว่าไร้สาระ
ทั้งที่ความจริง ก็เออ มีจริงอ่ะ...
“จะนอนห้องรวมหรือแยกห้องนอน” คำถามใหม่ที่ทำให้ภูนิ่งคิด ความจริงโคตรอยากนอนกับคินสองคนแต่ก็จะยิ่งน่าสงสัยเพราะฉะนั้นเลยบอกไปว่าจะนอนห้องรวม เพราะอย่างน้อยก็ยังได้เห็นหน้าคินก่อนนอนแหละนะ
แล้วบรรยากาศภายในห้องรวมนักกีฬาตอนนี้
“มึงสารภาพมาเลยดีกว่าว่าหายไปไหนด้วยกันมา”
“เอออออบอกความจริงมาเลย แน่ะๆๆๆไม่ต้องมาทำเล่นลิ้นเลยนะ” แถมพอภูจะอ้าปากพูดไอ้พวกตัวดีก็พากันพูดแทรก
“ไอ้ลูกหมาเอ้ยยยย” ประโยคนี้ที่ทำภูกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เพราะไม่สามารถจะโต้แย้งอะไร เลยทำตีมึนเดินหนีไปนอนลงยังที่นอนของตัวเองโดยที่ในตอนนี้คินเองนอนที่อีกมุมของห้อง สถานการณ์กลับมาปกติเพราะมีเรื่องอื่นที่ถูกยกมาคุย ภูทำเป็นนอนเล่นโทรศัพท์ทั้งที่ความจริงสนใจฟังตลอดว่าคินกำลังคุยอะไรกับเพื่อนในชมรม
“รองเท้าใหม่หรอวะโคตรสวยเลย กี่บาทเนี่ย”
“ไม่รู้สิ เพื่อนแม่ซื้อมาฝากจากต่างประเทศ” คินกำลังถูกถามถึงสิ่งของที่ตัวเองนำใส่กระเป๋าเป้มาด้วย ภูอดจะให้ความสนใจไม่ได้เพราะเมื่อคืนไม่ได้ถามคินด้วยว่าเอาอะไรมาบ้าง เพราะวุ่นวายอยู่แต่กับการงอนกันอ่ะดิ ตอนนี้เลยมีโอกาสนั่งมองคินคุยกับเพื่อนคนอื่น แอบยิ้มตามนิดหน่อยเพราะคิดว่าคินในมุมนี้ก็น่ารักดี
..ครืดดดด... โทรศัพท์ของคินสั่นเพราะมีข้อความเข้า เมื่อลองเปิดอ่านดู
//อย่าคุยกับผู้ชายคนอื่นเยอะมากดิ หึงนะเนี่ย// พบว่าเป็นภูและนั่นทำให้คินต้องแอบชำเลืองมอง
//หึงให้ตายไปเลย// คินเลยพิมพ์ตอบกลับไปแบบนี้และภูหัวเราะจนไหล่สั่น นอนกันอยู่คนละมุมต่างคนต่างอยู่จนถ้าคนไม่สังเกตก็คงไม่มีใครรู้เลยว่าที่ต่างคนต่างนอนเล่นโทรศัพท์แล้วยิ้มกันอยู่นี่คือนั่งคุยกัน จนตกดึกไฟในห้องถูกปิดลง
//ถ้าคนอื่นหลับแล้วมาหาหน่อยสิ// ภูพิมพ์ข้อความที่ทำให้คินต้องละโทรศัพท์มือถือลงแล้วจ้องไปที่คนตัวสูง
//กูเหลือที่ข้างพนังไว้ให้ มึงมานอนอีกคนได้สบาย//
//คิดถึง อยากกอด// พิมพ์มาไม่หยุดจนตอนนี้คินชักเริ่มจะเขิน ต้องวางโทรศัพท์ลงไว้เพราะกลัวคนอื่นสงสัย ยังไม่ได้ตอบภูว่าตกลงจะไปหาหรือไม่ไป จนเวลาล่วงเลยไปที่ตีสอง ภายในห้องเงียบสนิทแต่กลับมีหนึ่งคนที่กำลังแอบย่องออกจากผ้าห่มของตัวเอง เดินไปหาภูตัวเปล่า
..หมับ... เพราะรู้ว่ายังไงภูก็ต้องให้นอนแขนอยู่แล้ว
“น่ารัก” หลังจากที่หอมแก้มนิ่มเสร็จภูพึมพำที่ข้างหูของคนในอ้อมแขน ก้มหน้าสบตากับคินก่อนจะยักคิ้วให้ด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ นอนกอดกันอยู่ภายใต้ผ้าห่มที่คุมโปง อย่างน้อยมีคนตื่นไปเข้าห้องน้ำก็จะได้ไม่ทันผิดสังเกต ข้างนอกเห็นเป็นยังไงไม่รู้แต่ข้างในตอนนี้หน้าใกล้กัน
ไม่มีการพูดอะไรกัน มีเพียงนอนมองหน้า
แล้วปล่อยให้ภูใช้มือไล่เกลี่ยตามแนวดวงหน้าของคินเท่านั้น
“จูบได้เปล่า” เสียงพึมพำถามที่ทำให้คินต้องรีบส่ายหน้าไปเป็นคำตอบ
“นะ”
“ไม่ได้ เดี๋ยวคนอื่นได้ยิน” คินขยับปากพูดกลับไปและภูส่งยิ้มกลับมาให้
“ไม่ทำเสียงดังหรอก นิดเดียวนะ” ยังคงร้องขอด้วยน้ำเสียงออดอ้อนจนคินอดไม่ได้ที่จะใช้มือตีลงบนปลายจมูกโด่งของคนตรงหน้า ในจังหวะที่เขาเผลอภูยังขยับหน้าเข้ามาจนชิดพร้อมอ้าปากงับเข้าที่กลีบปากของเขา ดึงดูดแผ่วเบาเพื่อพยายามไม่ให้เกิดเสียง คินกำชายเสื้อของอีกคนแน่น กว่าภูจะผละออกกินเวลาหลายนาทีจนตอนนี้ใจสั่นไปหมดแล้ว
“อร่อย” แถมหลังจากที่จูบเสร็จภูยังพูดคำนี้ออกมาพร้อมรอยยิ้มทะเล้น
“พอแล้ว ผมจะกลับไปนอนที่แล้ว”
“ไม่เอาอย่าพึ่ง ขอกอดต่ออีกนิด” พูดจบประโยคภูกระชับกอดพร้อมการซุกหน้าลงบนไหล่ของคิน ทำตัวออดอ้อนยังกับเด็กสามขวบแต่คินกลับคิดว่ามันดูน่ารักดี กว่าจะแยกออกจากกันได้ใช้เวลาอยู่เกือบชั่วโมง ดีที่คนอื่นหลับสนิทไม่งั้นคงได้ความลับแตกไปตามกัน คืนนี้ไม่มีคนให้นอนกอดเหมือนในทุกวัน แต่กลับไม่ได้รู้สึกเหงา เพราะว่าก่อนนอนก็กอดกันไปแล้ว คินเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ส่งสติ๊กเกอร์บอกฝันดีไปให้ก่อนจะนอนจริงเสียที
…………………
ตื่นกันแต่เช้าเพื่อมาวอร์มร่างกาย มีการนั่งฟังแผนที่โค๊ชต้องการจะให้ทำตาม ก่อนจบลงที่การซ้อมอย่างหนักอย่างไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นเลย ไม่ได้คุยกับภูเลยสักคำแต่ถึงอย่างนั้นคินไม่ได้งอแงอะไร รู้ว่าต่างคนต่างมีหน้าที่ของตัวเองแล้วในตอนนี้ก็อยู่ในเวลาซ้อมจะให้เอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวด้วยก็คงไม่ดีแน่ ตั้งใจซ้อมทั้งวัน ถึงเวลาพักทานข้าวเพียงแค่แอบยิ้มให้กันเท่านั้น เอาเข้าจริงเพียงแค่นี้ก็มีความสุขแล้วหละ
“โคตรเหนื่อยยยยย!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายดังจากกลุ่มชายหนุ่มที่ซ้อมหนักมาทั้งวัน หลังจากอาบน้ำทานข้าวเสร็จเมื่อมาถึงห้องพักก็แทบจะทิ้งตัวนอนหลับกันทุกคน แต่คินยังไม่ได้นอนในทันที ยังมีหนังสือที่ต้องอ่านเพราะถ้ากลับไปเรียนเดี๋ยวจะไม่ทันเพื่อน ในขณะที่คนอื่นก็นอนคุยเล่นกันไป คินก็นั่งอ่านหนังสือไป
“เมียกูเป็นเพื่อนกับเมียเก่ามึงอ่ะ แล้วเขามาเล่าให้กูฟังว่าแนทอยากกลับมาคืนดีกับมึงอะไอ้ภู” กระทั่งบทสนทนานี้ที่ทำให้คินที่อ่านหนังสืออยู่ต้องละความสนใจไปยังสิ่งที่คนในห้องคุยกัน
“อืม แอดเฟสมาอยู่”
“หรอ แล้วได้ทักมึงมาปะ”
“ไม่นะ” คำตอบของภูที่ทำให้คินพึงพอใจ
“แต่โทรมา” จนที่ภูพูดต่อสีหน้าของคินแสดงออกชัดเจนว่าคิ้วเริ่มที่จะขมวด เพราะไม่เห็นภูจะบอกเขาสักนิดว่าแฟนเก่าติดต่อมาหา ทั้งที่อยู่ด้วยกันแทบจะทุกวัน เอาเวลาไหนไปแอบคุยกับคนอื่นเนี่ย
“โทรมาว่าไงวะ”
“ก็ถามอ่ะว่าเป็นยังไง สบายดีไหม คิดถึง”
“แล้วมึงว่าไง มึงจะกลับไปหรอ” คินแทบกลั้นหายใจกับการลุ้นในคำตอบของภู
“ไม่กลับไปหรอก กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับแนทแล้ว” สุดท้ายก็ยิ้มมุมปากกับตัวเองเมื่อได้ยินคำตอบของภู ถึงแม้จะต้องคุยกันต่อเรื่องนี้นิดหน่อยแต่ถึงอย่างนั้นก็ถือว่าค่อนข้างสบายใจไปเกินครึ่งเพราะคนแบบภูไม่น่าจะโกหกเพื่อน นั่งอ่านหนังสือต่อจนสังเกตได้ว่ามีไลน์เข้า หยิบขึ้นมากดดูพบว่าเป็นภูที่ทักมา
//โกรธหรอ// คินกดอ่านแต่ไมได้ตอบ วางโทรศัพท์ลงไว้เหมือนเดิม
//อย่าโกรธเลย กูเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยไม่ได้บอก// และภูก็ส่งข้อความมาหาอีก แต่คินก็ยังคงไม่ได้พิมพ์ตอบ รู้ตัวอีกทีก็คือพบว่าภูลุกจากที่นอนแล้วย้ายมานั่งลงข้างกัน อกคนทำเนียนเป็นย้ายมานั่งคุยกับเพื่อนทั้งที่ความจริงแล้วคือมาหาคิน
..พรึบ.. มือหนาเอื้อมมาปิดปกหนังสือของคินลงนั่นทำให้คินต้องเงยหน้ามอง
แต่ก็พูดอะไรกันไม่ได้เพราะเพื่อนอยู่เยอะ คินเลยเบี่ยงตัวหลบแล้วอ่านหนังสือต่อ
..พรึบ.. และภูก็เอื้อมมือตามมาปิดหนังสือที่คินอ่าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยิ่งนักลองมารักกันหน่อยไหม [Yaoi]