ตอนนี้พวกยอดมนุษย์ที่อยู่นอกคริสตจักรก็ได้รวมตัวกันแล้ว หลังจากครั้งก่อนที่สัตว์ประหลาดตัวนั้นออกอาละวาดมันก็ทำให้สถานการณ์วุ่นวายขึ้นมาทันที
เมื่อก่อนก็เคยพูดไว้แล้วว่า ถึงยอดมนุษย์เหล่านี้จะถูกเชิญมา แต่เดิมทีก็มีปัญหากันอยู่แล้ว
มันก็เป็นเรื่องปกติ คนที่ฝีมือพัฒนามาถึงขั้นนี้ มันก็ต้องการทรัพยากรเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แล้วทรัพยากรพวกนั้นมาจากไหน? ใช่ว่าผู้ฝึกตนทุกคนจะทำธุรกิจเป็น ทรัพยากรของผู้ฝึกตนจำนวนมากนั้นได้มาจากการแย่งชิง!
เมื่อเป็นแบบนี้หลายคนจึงมีแต่จะเพิ่งความแค้นมากขึ้น การที่จะมาร่วมมือกันนั้นเป็นเรื่องที่ยากแสนยากเลยทีเดียว
แต่การปรากฏตัวของเลือดปีศาจกลับทำให้เรื่องแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้
“ผมนึกว่าคริสตจักรจะมีเก่งกาจสักแค่ไหน ตอนนี้กลับทำอะไรเลือดปีศาจนั่นไม่ได้เลย!”
“อยากใช้การประกาศอันเดียวมาจัดการเรื่องของพวกเรา? คริสตจักรคงดูถูกเราเกินไปแล้ว!”
คนกลุ่มหนึ่งมองดูคำอธิบายที่เกี่ยวกับเลือดปีศาจจนถึงกับขำออกมาอย่างไม่ชอบใจ
“เอาล่ะ ทุกคนก็ไม่ต้องพูดอะไรที่มันไม่เข้าท่าพวกนี้แล้ว มาคิดกันดีกว่าว่าจะรับมือกับสถานการณ์ตอนนี้ยังไงดี!”
“ผมว่าในนี้มันต้องมีกับดักอันใหญ่วางอยู่แน่ๆ!” พอทุกคนได้ยินอย่างนั้นก็พากันหันมาด้วยความสนใจ
คนที่พูดเป็นชาวตะวันตกในอุดมคติ หลังจากที่สายตาทุกคู่มองมาเขาก็พูดด้วยความมั่นใจว่า “ทุกคนต่างก็ไม่ใช่คนโง่ จะบอกว่าเลือดปีศาจนี่เป็นคนของกิลด์ในความมืด แต่ทำไมก่อนหน้านั้นหนึ่งวันหลังจากที่ลอบโจมตีกิลด์ในความมืดแล้วต้องมาโจมตีเราด้วย? มันไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอ!”
“ประเด็นคือ ถ้าเลือดปีศาจนั่นมีอยู่ก่อนแล้ว ก็แสดงว่าคริสตจักรต้องมีวิธีรับมือกับมันแน่นอน ไม่อย่างนั้นคริสตจักรคงถูกทำลายไปนานแล้วมั้ง!”
พอได้ฟังอย่างนั้น หลายคนก็ขำออกมาเบาๆ บ่งบอกว่าเห็นด้วยกับเขา
“แต่ถ้าเลือดปีศาจเพิ่งปรากฏออกมามันก็ยิ่งน่าสงสัย การที่สมเด็จพระสันตะปาปาเรียกเรามารวมตัวกันแต่ไม่พูดอะไรไม่แน่มันอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่หลังม่านก็ได้!”
พอทุกคนได้ฟังอย่างนั้นก็ตั้งสติได้ทันที ถึงสิ่งที่คนคนนี้พูดจะไม่มีหลักฐาน แต่ถ้าคิดดูดีๆ มันก็สมเหตุสมผลเหมือนกันแน่นอนว่ามีบางคนอยากจะค้าน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน
หรือทั้งหมดนี้มันจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ? ไม่มีทาง!
สำหรับยอดมนุษย์สิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุดก็คือคำว่าบังเอิญ
สำหรับการโต้แย้งแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่เดียว แทบจะทันทีที่ทางคริสตจักรปล่อยประกาศออกไป การโต้แย้งพวกนี้ก็เกิดตามมาติดๆ ทำให้คริสตจักรที่วุ่นวายอยู่แล้วต้องเหนื่อยกับการตอบคำถามเหล่านี้อีก
“อาจัน! ผมทำได้ดีมั้ยครับ!”
เย่เทียนมองดูชายร่างกำยำตรงหน้าทักทายท่านจ้าวด้วยความนอบน้อม ทำเอาเขารู้สึกวินเวียนศีรษะขึ้นมาเลย โดยเฉพาะการออกเสียงจากลิ้นที่แข็งกระด้างนั่น มันทำให้เขาได้เปิดโลกจริงๆ
“ดีมาก! แต่ฉันเคยสอนแกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกฉันว่าอาจารย์! ไม่ใช่อาจัน ฉันไม่ใช่เกมออนไลน์อะไรสักหน่อย จะเรียกว่าอาจันทำบ้าอะไร!”
แต่น่าเสียดายที่พอคำพูดของท่านจ้าวไปถึงหูของอีกฝ่ายมันกลับถูกแปลเป็นอะไรไม่รู้ เขาจึงทำได้แค่ยิ้มอย่างเขินๆ
เย่เทียนมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่ท่านจ้า “ท่านจ้าว เรื่องหลังจากนี้ก้ฝากให้คุณไปจัดการนะครับ!”
“เอาล่ะ เธอรีบไสหัวไปได้แล้ว!” ท่านจ้าวโบกมือให้เย่เทียนอย่างไม่สบอารมณ์ แถมยังเอามือมากุมที่เอวของตัวเองโอ๊ย สุดท้ายก็ถูกเย่เทียนหาโอกาสได้ประมือกันรอบหนึ่ง และสะเทือนมาถึงเอวเขาด้วย!
เย่เทียนครุ่นคิดไปแปบหนึ่ง ด้วยความหลงทิศของตัวเองถ้าคิดจะตามหานานาโกะก็ไม่รู้จะไปถึงเมื่อไหร่ ตอนนี้มีคนมานำทางมันจึงเป็นเรื่องที่วิเศษมาก เขาจึงได้ขำออกมาเบาๆ “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นก็ขอรบกวนคุณ วิลเลียมหน่อยนะครับ!”
“เรียกผมว่าน้อง น้องวิลเลียมก็พอครับ!” วิลเลียมตบๆ ที่หน้าอก จากนั้นก็พาเย่เทียนเดินไปที่โรลส์รอยซ์คันหนึ่ง…
ในที่สุดเย่เทียนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านจ้าวถึงบอกว่าวิลเลียมจะช่วยเขาได้ อยู่ที่นี่ถ้ามาเงินก็แทบจะทำได้ทุกอย่าง! ดูแล้วเบื้องหลังของวิลเลียมจะไม่ธรรมดาซะแล้ว! ก็ว่าทำไมท่านจ้าวถึงได้ข้อมูลที่ลับขนาดนั้นมา คิดว่าคงหนีผลงานของวิลเลียมไม่พ้นหรอก
เขาคือลูกคนรวยที่ถ่อมตน ทำไมถึงไปถกตาแก่ท่านจ้าวที่ไร้ยางอายล้างสมองเอาได้นะ? ช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจจริงๆ!
เมื่อมีคนในพื้นที่อย่างวิลเลียมคอยช่วย เย่เทียนก็สามารถมาถึงที่อยู่ที่นานาโกะส่งให้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ให้ วิลเลียมกลับไปก่อน หลังจากที่ทั้งคู่แลกเบอร์กันแล้วเย่เทียนก็เปิดประตูเข้าไป
ที่นี่เป็นหมู่บ้านวิลล่า ลานหน้าบ้านค่อนข้างกว้าง แต่กลับไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ เลย
เย่เทียนรู้ดีว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ด้วยนิสัยของนานาโกะจะไปมีสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นอยู่ได้ยังไง? เกรงว่าแม้แต่ยุงก็น่าจะตายด้วยคมดาบของเธอไปแล้ว!
เย่เทียนเปิดประตูออกด้วยความรู้สึกที่หดหู่
“วูบ!”
ในตอนที่ประตูบานเปิดอก ปลายดาบก็ได้พุ่งเข้ามาที่หัวของเขา เย่เทียนถอยหลังตามสัญชาตญาณ จากนั้นก็รับรู้ได้ว่าปลายดาบได้เปลี่ยนทิศ พุ่งลงไปข้างล่าง จนทำให้เย่เทียนเหงื่อท่วมไปทั้งตัว
“นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ!” เย่เทียนถึงกับเสียงเปลี่ยน จ้องมองไปยังนานาโกะที่ยืนถือดาบอยู่กลางห้องด้วยความโมโห
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่
55555โดนสะงั้น...
Goๆๆๆๆๆๆ...
สุดยอดๆๆๆๆ...
ต่อไปๆๆๆ...
ยอมรับว่าเล้าใจๆๆ...
ติดตามๆๆๆๆไปต่อ...
ไปต่อๆๆๆ...
ต่อๆๆไปเลย...
สุดยอด...