ความรู้สึกของเย่เทียนในตอนนี้เหมือนมีไฟกำลังเผาอยู่ภายในตัว อุณหภูมิที่สูงมากทำให้เขาอยากตะโกนให้ลั่นออกมา แต่กลับไม่มีปัญญาออกเสียงได้
จึงกลายเป็นเหมือนตกอยู่กับฝันร้าย ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็เหนื่อยเปล่า
ในจิตสำนึกของเขานั้น ไม่ว่าจะแหกปากร้องยังไงก็ไม่ได้มีเสียงสะท้อนใด ๆ นอกเพียงแต่ความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ในสภาพการณ์แบบนี้มีแต่จะทำให้บ้าหลุดโลกไปเลย
เย่เทียนไม่ใช่คนที่โง่ เมื่อได้ตรวจวิเคราะห์เห็นความผิดปกติแล้วก็แยกแยะได้ว่าสภาพที่ตัวเองเป็นอยู่นั้นอันตรายสุด ๆ จึงได้ฝืนตัวให้หยุดอยู่ในความสงบ
พยายามสุด ๆ ที่จะดึงจิตให้ผสานเข้ากับร่างกายของตัวเอง
และในเวลานั้นเอง เงาร่างคนคนหนึ่งปรากฏขึ้นที่ตรงหน้าเย่เทียน เห็นชัดถึงอีกฝ่ายคนนั้นแล้วเย่เทียนถึงกับขยับมุมปาก ไม่ใช่มั้ง!
เงาร่างนั้นไม่ใช่ใครอื่น ท่านจ้าวนั่นเอง
เพียงแต่ว่าที่เห็นเป็นเงาร่างเลื่อนลอยของท่านจ้าว สองตาปิดหลับแน่น ลักษณะภูมิฐานสูงส่ง
ที่อยู่ข้างหน้าท่านจ้าว เย่เทียนประหลาดใจอย่างสุด ๆ ที่เห็นเงาร่างนั้นเป็นตัวเขาเอง และแล้วท่านจ้าวลืมตาขึ้น เห็นภาพเหตุการณ์นี้แล้วเย่เทียนเหมือนกับเข้าใจถึงอะไรบางอย่าง
เงาร่างทั้งสองได้ทำการต่อสู้กันขึ้นมาที่ข้างหน้าเขา ไม่ต้องสงสัย นั่นเป็นภาพสำนึกจิตตอนที่ท่านจ้าวกำลังใช้ความรุนแรงขืนบังคับเขา แต่ว่ามันน่าแปลกใจที่ว่าทำไมจิตสำนึกนี้มาเกิดเป็นภาพให้เห็นตอนนี้ได้?
กับความรู้สึกในการสัมผัสที่ถูกขืนบังคับในครั้งนั้น แต่ในครั้งนี้เย่เทียนอยู่ในมุมมองของบุคคลที่สามทั้งเหตุการณ์ ทำให้การใช้วิชาฝ่ามือจ้งเหินไป่เหอได้เพิ่มความเข้าใจก้าวหน้าขึ้นไปอีก
โดยเฉพาะด้วยกรรมวิธีการเดินพลังปราณของวิชาฝ่ามือจ้งเหินไป่เหอทำให้เย่เทียนได้เข้าสู่ห้วงความคิด
เย่เทียนนั้นเป็นคนชาญฉลาดอยู่ ไม่งั้นคงไม่ได้มีพลังฝีมือได้อย่างปัจจุบัน คนอื่นที่มองเห็นเขาผ่านทุกสิ่งทุกเรื่องเหมือนราบรื่นตลอด ประสบพบแต่โชคอำนวยให้อย่างที่สุด แต่ไม่มีใครรู้ว่าพรสวรรค์ที่เขารับมานั้นน่ากลัวยังไง ไม่รู้ว่าเขาต้องรองรับความเจ็บปวดมาขนาดไหนถึงจะได้มีพลังฝีมือได้อย่างทุกวันนี้
ไม่มีความโชคดีอะไรที่จะตกลงมาจากฟ้า การทุ่มเทของเย่เทียนเพียงแต่ข้างนอกไม่มีใครรู้เห็นเท่านั้น
ความรู้สึกในการฝึกวิชาทำให้เย่เทียนจมปลักเข้าสู่ห้วงภวังค์ และในสมองของเขาก็ทบทวนฝึกฝนอยู่กับเคล็ดวิชาฝ่ามือจ้งเหินไป่เหออย่างไม่หยุด
มาจนถึงเวลานี้เขาถึงได้พบว่าตอนที่ตนต่อสู้กับออนนีฮานนั้นเขานี่ช่างโง่มากจริง ๆ ขบวนท่าของฝ่ามือจ้งเหินไป่เหอนั้นแม้จะถูกจัดว่าเด่นทางด้านแกร่งแข็งดุดัน แต่แท้ที่จริงแล้วกับการพละกำลังนั้นมีวิถีการใช้ที่ต่างกันได้ คือได้ทั้งแข็งแกร่งหรืออ่อนเนียน นั่นจึงใช่เป็นที่สุดยอดของฝ่ามือจ้งเหินไป่เหอ
แต่เย่เทียนในเวลานั้นแกร่งกล้าเกินไป จึงกลับทำให้พลังอานุภาพของกระบวนท่าฝ่ามือจ้งเหินไป่เหอต้องถูกจำกัด
แล้วจากส่วนที่เขามองไม่เห็นนั้น หัวใจไทเก็กค่อย ๆ เคลื่อนวนเข้ามา เดิมเย่เทียนที่มีไข้สูงอยู่มาตลอดถึงตอนนี้ได้ลดลงเป็นปกติ
ช่ายเหมยเป่าที่นั่งคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ เห็นสภาพนี้ข้าก็คลายกังวลลง กับเย่เทียนนั้นหล่อนยังมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก จะว่าแค้นก็ใช่ที่แน่นอนมาก ถ้าไม่เพราะเย่เทียนหล่อนก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสถานะของกลุ่มกบฏ
แต่พอคิดไปถึงตอนที่ถูกเย่เทียนรังแกเอานั้น ช่ายเหม่ยเป่าก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมา คิดไปคิดไปก็ก้มหน้าลง ด้วยอาการม้วนอาย
สามารถทำให้ผู้ที่เคยเป็นถึงราชินีฝันร้ายออกอาการถึงขนาดนี้ คงเป็นที่น่าภูมิใจสำหรับเย่เทียนแล้ว
ทว่าเย่เทียนซึ่งยังจมหลับอยู่ในแดนฝันแบบว่าไม่รู้เรื่องอะไรใด ๆ ภายนอกแม้แต่น้อย แต่เขาในเวลานี้ได้เข้าไปอยู่ในการรับรู้แจ้งในเคล็ดวิชาฝ่ามือจ้งเหินไป่เหอ
ในสายตาบุคคลที่สามมองดูนั้น เย่เทียนได้เข้าถึงเคล็ดวิชาฝ่ามือจ้งเหินไป่เหอลึกขึ้นไปอีกหลายส่วน ถึงแม้สภาพร่างกายเขาในตอนนี้ยังดูแย่มาก แต่ก็ได้มาเป็นสิ่งที่เรียกว่าทุกขลาภ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่