ยี่สิบนาทีต่อมา เล็กซัสจอดสนิทอยู่ที่หน้าประตูฉินโหลวแล้ว
“ไอ้หนุ่ม ในเมื่อแกตามเข้ามาแบบหนังหน้าหนาขนาดนี้ งั้นวันนี้ฉันจะทำให้แกรู้ อะไรที่เรียกว่าความแตกต่างระหว่างคนเรา!”
หลี่เฟิงที่จอดรถเรียบร้อยจงใจก้าวฝีเท้าช้าลง ให้จ้าวเสว่เฟินและซูเหมยเดินไปข้างหน้า ขยับเข้าใกล้ข้างกายเย่เทียนแล้วพูดถากถางเสียงเบาๆ
“ความแตกต่างระหว่างคนเรามันมากนักเหรอ?”
เย่เทียนเบ้ปาก “ไม่ใช่ว่ามีหนึ่งปากสองตาเหมือนกันหมด?”
“ไอ้หนุ่ม วันนี้ฉันจะถือว่าแกได้อาศัยใบบุญเสี่ยวเหมยไว้ ไม่อย่างนั้นทั้งชาตินี้แกอย่าคิดจะได้มากินข้าวสักมื้อหนึ่งที่ฉินโหลวเลย”
หลี่เฟิงบ่นพึมพำอย่างเหยียดหยาม
เย่เทียนถามแบบฉงนสนเท่ห์ “ที่นี่แพงมาก?”
“สั่งแบบง่ายๆ ยังตั้งสองสามหมื่น คือเงินเดือนหลายเดือนของแก แกว่าแพงไม่แพงล่ะ?”
หลี่เฟิงพูดแบบเสียดสี “แน่นอน นี่ก็จำกัดอยู่แค่แก คนอย่างฉันที่มีรายได้ต่อปีเกินล้าน ได้เพียงพูดว่าไม่แย่เท่าไร”
“เสี่ยวเฟิงนายเร็วหน่อยสิ!” ด้านหน้ามีเสียงร้องเรียกของจ้าวเสว่เฟิน
“ได้เลยครับ น้าจ้าว”
หลี่เฟิงตอบรับเสียงดังไปประโยคหนึ่ง กดเสียงต่ำพูดทางเย่เทียนว่า “ไอ้หนุ่ม ฉันจะทำให้แกรู้ว่าคนขี้แพ้อย่างแก ไม่มีสิทธิ์คบกันกับเสี่ยวเหมยหรอก!”
พูดจบ หลี่เฟิงรีบตามฝีเท้าของจ้าวเสว่เฟินและซูเหมยไปทันที เข้าสู่ด้านในของฉินโหลวแล้ว
ทั้งสี่คนเพิ่งเข้ามาในฉินโหลวเมื่อสักครู่นี้ ก็มีพนักงานต้อนรับชายเข้ามาหาทันทีเลย
“ทุกท่านครับ ตอนนี้ร้านอาหารของพวกเราที่นั่งเต็มแล้วครับ นอกจากว่าก่อนหน้านี้พวกคุณจองล่วงหน้าเอาไว้ ถ้าไม่อย่างนั้น เกรงว่าทุกท่านต้องรับคิวต่อแถวรอสักหน่อยแล้วครับ”
“พวกฉันจองไว้ล่วงหน้า”
หลี่เฟิงพูดด้วยท่าทางหยิ่งยโส “นายค้นดูหน่อยหมายเลขจองล่วงหน้าของฉัน 1xx......”
พนักงานต้อนรับชายรีบพยักหน้า ดึงคอมพิวเตอร์ออกมาค้นหาสักรอบ ชั่วขณะนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปดูไม่ดีขึ้นมาพอสมควร พูดแบบกระอักกระอ่วน “คุณผู้ชายครับ ผมทางนี้ค้นเจอว่าก่อนหน้านี้คุณจองที่นั่งทางนี้ของพวกเราไว้ล่วงหน้า......”
หลี่เฟิงพูดอย่างมั่นใจในตนเอง “ในเมื่อนายหาเจอแล้วยังงงอยู่ทำอะไร? รีบพาพวกฉันเข้าไปสิ!”
“คุณผู้ชายครับ คุณฟังผมพูดให้จบก่อนครับ”
พนักงานต้อนรับชายพูดแบบลำบากใจ “คุณไม่ได้เข้ามาสักที ดังนั้นพวกเราเลยนำที่นั่งนั้น ให้ลูกค้าคนอื่นแล้วครับ”
“อะไรนะ? เอาที่นั่งให้คนอื่นไปแล้ว?”
หลี่เฟิงหน้าเผยความโกรธแค้น จะยอมขายขี้หน้าต่อหน้าแม่ยายในอนาคตได้ที่ไหนกัน ยกข้อมือขึ้นดูเวลาสักนิด เอะอะโวยวายขึ้นมา
“ที่ฉันจองไว้คือเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่งถึงเที่ยงครึ่ง ตอนนี้ยังเหลืออีกสิบนาที พวกแกเอาที่นั่งของฉันให้คนอื่นใช้แล้ว? นี่มันหมายความว่ายังไง!”
“คุณผู้ชายครับ ถ้าไม่อย่างนั้นพวกคุณรอก่อนสักครู่ ขอเพียงมีที่นั่งแล้ว ผมจะรีบจัดเตรียมให้พวกคุณเลยครับ?”
พนักงานต้อนรับชายรีบพูดเกลี้ยกล่อม “อีกอย่างพวกเราจะส่งไวน์ให้พวกคุณเพิ่มอีกหนึ่งขวดด้วยครับ”
“เล่นไม้นี้กับฉันให้น้อยๆ หน่อย! แกคิดว่าฉันเป็นคนที่แม้แต่เหล้าขวดหนึ่งยังซื้อไม่ได้เหรอ? แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
เมื่อสักครู่ยังโอ้อวดกับเย่เทียนอยู่ว่าอยากทำให้เขารู้ว่าอะไรคือความแตกต่าง หลี่เฟิงจะยินยอมเลิกราด้วยดีแค่นี้ได้ที่ไหน คลำหาการ์ดใบหนึ่งออกจากในกระเป๋าเสื้อวางเข้าไปแล้ว
“แหกตาต่ำๆ ของแกดูให้ชัด ฉันเป็นถึงสมาชิกชั้นเงิน! รีบไปเรียกคนพวกนั้นที่แย่งที่นั่งของฉันให้ไสหัวไป”
เพียงแต่ ตอนที่สายตาของเขากวาดมองจ้าวเสว่เฟินที่หน้าผิดหวังเต็มที่และซูเหมยที่ขมวดคิ้วแน่น ไม่อยากเสียศักดิ์ศรีต่อหน้าผู้หญิงที่ตนเองชอบ ชั่วขณะนั้นจึงขมวดคิ้วบอกว่า “นี่คือท่าทีของพวกแกเหรอ? นี่คือวิธีการต้อนรับลูกค้าของกิจการตระกูลฉินอย่างพวกแกทำเหรอ?”
“ทั้งที่เป็นที่นั่งที่ฉันจองเอาไว้ล่วงหน้า และยังไม่เลยเวลาที่จองเอาไว้ด้วย พวกแกกลับเอาที่นั่งของฉันยกให้คนอื่นไป นี่มันหมายความว่าอะไร! ดูถูกฉันหลี่เฟิงงั้นเหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่