เห็นหลี่เฟิงถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยหิ้วออกไป จ้าวเสว่เฟินที่ดึงซูเหมยไปห้องน้ำเพิ่งกลับก็มาทำหน้ามึนงง เดิมทีไม่เข้าใจว่านี่สรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หล่อนกำลังเตรียมเข้าไปสอบถามสถานการณ์ สายตาชำเลืองมองผู้จัดการของฉินโหลวที่วางท่วงท่าดูต่ำสุด และกำลังกล่าวขอโทษต่อเย่เทียนไม่หยุด ชั่วพริบตาเดียวก็หักห้ามความคิดอยากจะเข้าไปของหล่อนลงแล้ว
โดยเฉพาะหล่อนไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ความสามารถในการประเมินความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์มากน้อยแค่ไหนก็ยังมี
ลองครุ่นคิดดู จ้าวเสว่เฟินอดกระซิบถามทางซูเหมยไม่ได้ “เสี่ยวเหมย แฟนคนนั้นของลูกสรุปแล้วเบื้องหลังเป็นยังไงกันแน่?”
“แม่คะ เรื่องนี้หนูไม่ค่อยแน่ใจค่ะ” ซูเหมยหัวเราะขมขื่นและส่ายหน้า
ที่ซูเหมยพูดคือความจริง จ้าวเสว่เฟินกลับคิดว่าเธอกำลังจงใจปิดบังไม่กล้าพูดมาก ชั่วขณะนั้นสายตาที่มองทางเย่เทียนดูซับซ้อนขึ้นมา
ในฐานะพ่อแม่ หล่อนเพียงแค่หวังว่าลูกสาวของตนเองจะสามารถมีที่ลงหลักปักฐานอย่างดีได้เท่านั้น
ก่อนหน้าที่เรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้น ในใจลึกๆ หล่อนดูถูกเย่เทียน ก็แค่บอดี้การ์ดกระจอกคนหนึ่งเอง มีความสามารถมากมายสักแค่ไหน? เดือนหนึ่งหาเงินได้สักเท่าไร? จะมาซื้อบ้านซื้อรถได้อย่างไร?
แม้แต่ปัญหาด้านวัตถุขั้นพื้นฐานที่สุดพวกนี้ยังทำไม่สำเร็จ อยู่ในสังคมที่กระแสความปรารถนาด้านวัตถุไหลบ่าแห่งนี้ ยังจะมอบความสุขให้ลูกสาวตนเองได้อย่างไร?
เป็นเพราะเหตุนี้เอง ก่อนหน้าที่จะเข้าใจสถานการณ์ของเย่เทียน หล่อนจึงเลือกขัดขวางซูเหมยและเย่เทียน
ตอนที่หลี่เฟิงใช้เล่ห์เหลี่ยมชั้นต่ำเหยียดหยามเย่เทียน และบีบบังคับเย่เทียนออกไป หล่อนจงใจลากซูเหมยออกไปแบบรู้ดี
แต่ปัจจุบันนี้ผลลัพธ์ไม่เป็นแบบที่หล่อนคาดการณ์เอาไว้โดยสิ้นเชิง จ้าวเสว่เฟินจะคิดจริงว่าเย่เทียนเป็นเพียงบอดี้การ์ดกระจอกได้อย่างไรล่ะ?
บอดี้การ์ดกระจอกคนหนึ่งมีสิทธิ์อะไรทำให้ผู้จัดการของฉินโหลวปฏิบัติอย่างเคารพนบนอบได้?
ไม่ว่าในใจจ้าวเสว่เฟินกำลังคิดอะไรอยู่ ผู้จัดการของฉินโหลวนั่นปฏิบัติต่อเย่เทียนอย่างกับเอาใจปู่แท้ๆ สั่งลูกน้องไปทำความสะอาดห้องอาหารห้องหนึ่ง เชื้อเชิญเย่เทียนและคนอื่นๆ เข้าไปทานอาหารในห้อง
ครืด!
โดยเฉพาะแสดงบทบาทของแฟนหนุ่ม เย่เทียนดึงเก้าอี้ออกให้ซูเหมยแบบเป็นสุภาพบุรุษมาก จากนั้นถึงนั่งลงมาแล้ว
“คุณลูกค้าที่เคารพครับ ท่านดูว่าทานอะไรดีครับ?”
ภายใต้บารมีของการ์ดมังกรดำ แม้แต่สั่งอาหารผู้จัดการฉินโหลวยังบริการด้วยตนเอง หยิบเมนูอาหารแต่ละอันยื่นให้ทั้งสามคนด้วยท่าทีสุภาพ
จ้าวเสว่เฟินกับซูเหมยเพิ่งพลิกเปิดเมนูอาหารในมือเมื่อสักครู่ ข้างหูก็มีเสียงเรียบเฉยนั้นของเย่เทียนดังขึ้น “เมนูอาหารของพวกคุณหนาขนาดนี้ ผมไม่อ่านแล้ว”
“เอาแบบนี้แล้วกัน ร้านอาหารพวกคุณมีของขึ้นชื่ออะไรเอามาให้หมดอย่างละชุด!”
ผลประโยชน์สูงสุดของการ์ดมังกรดำคืออะไร?
นั่นคือสามารถดื่มด่ำบริการแบบไม่เสียเงินจากกิจการใดๆ ก็ตามของตระกูลฉินได้!
ไม่กินก็เสียเปล่า ในเมื่อไม่ต้องจ่ายเงินด้วย จะประหยัดเงินไปทำไมกันเล่า?
ความคิดที่เรื่องราวสมควรเป็นเช่นนี้ของเย่เทียน กลับทำให้ลูกตาของจ้าวเสว่เฟินนับวันยิ่งเร่าร้อนขึ้นมา
จ้าวเสว่เฟินไม่รู้ชัดว่าเย่เทียนมีการ์ดมังกรดำ ภายใต้คำพูดที่เป็นคนรวยโอ้อวดนี้ของเย่เทียน ไม่ตื่นเต้นได้ที่ไหนล่ะ!
ถึงแม้หล่อนจะเพียงแค่พลิกเมนูอาหารเฉยๆ นิดหน่อย แต่โดยทั่วไปยังมองเห็นชัดว่าราคาอาหารถูกที่สุดของฉินโหลวอย่างหนึ่งยังหลักพันขึ้น แล้วกับข้าวขึ้นชื่อนี้จะถูกไปได้ถึงไหนกันล่ะ?
ผู้จัดการไม่กล้าชักช้าสักนิดเดียว ทั้งสามนั่งลงมาไม่ถึงเวลาห้านาที อาหารรสเลิศสารพัดก็ค่อยๆ ยกเข้ามาเสิร์ฟแล้ว
ไม่เพียงแค่นี้ ตอนที่ผู้จัดการขึ้นมาอีกครั้ง ในมือยังถือไวน์แดงไว้ขวดหนึ่ง ยิ้มประจบสอพลอพูดว่า “เจ้านายทั้งสามท่านครับ เมื่อสักครู่พวกคุณลืมสั่งเครื่องดื่มกัน ผมเลยถือวิสาสะนำลาฟิตปีแปดสองขวดหนึ่งเข้ามาให้เองครับ”
“ลาฟิตปีแปดสอง?”
ซูเหมยยักคิ้วขึ้น พูดอย่างไม่พอใจ “ผู้จัดการ ไวน์นี้ราคาขวดหนึ่งตั้งหนึ่งแสน นี่คุณไม่ใช่กำลังมาโกงคนอื่นอย่างโจ่งแจ้งเลยเหรอ?”
“ไม่ๆๆ”
ผู้จัดการรีบปัดมือ “คุณผู้หญิงครับ คุณอย่าเข้าใจผิดเด็ดขาดเลย ไวน์ขวดนี้เป็นร้านอาหารพวกเราส่งให้ฟรีครับ”
ผู้จัดการวางสายตาลงบนตัวของเย่เทียน “คุณเย่ครับ เรื่องเมื่อสักครู่ล้วนเป็นความผิดของทางร้านพวกเรา ไวน์ขวดนี้เป็นพวกเราชดใช้ให้คุณครับ หวังว่าคุณจะเมตตาไม่ถือสาคนต่ำต้อย อย่าเก็บไปใส่ใจเลยนะครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่