ไม่นาน ผู้ชายสีหน้าไม่ค่อยดีก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าบริษัทแซ่เฉินหลายคน
ในหมู่พวกเขานั้น ติงจื่ออี้ลูกศิษย์ของท่านจูอาการหนักที่สุด เขานั่งอยู่บนรถเข็น สีหน้าขาวซีด ดูเหมือนเป็นวัณโรค
“อาจารย์!” ติงจื่ออี้ทักทายท่านจูอย่างสุภาพ หลังจากนั้นก็จ้องไปที่เย่เทียนด้วยสายตาดุดัน
“คุณเองที่หลอกอาจารย์ของผมว่ามันสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของผมได้?” น้ำเสียงของติงจื่ออี้เต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร
“พวกกลุ่มคนเก็งกำไร ถ้าคุณกล้าหลอกลวงอาจารย์ของผม ผมจะไม่ปล่อยคุณไปอย่างแน่นอน! แคก ๆ!”
ติงจื่ออี้รู้สึกโมโห จากนั้นเขาก็ไออย่างรุนแรง กระทั่งมีเลือดปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการหลอกลวงคน ผลการรักษาจะดีหรือไม่ดี คุณก็ไม่ต้องเสียเงิน แล้วคุณจะบอกว่าผมเป็นนักต้มตุ๋นได้อย่างไร?” เย่เทียนไม่พอใจกับทัศนคติของติงจื่ออี้ที่มีต่อตนเอง
ติงจื่ออี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จานนั้นมองหน้าเย่เทียน เขาก็รู้สึกว่าเย่เทียนเป็นนักต้มตุ๋น!
ไม่มีใครรู้อาการบาดเจ็บในร่างกายของตนเองดีไปกว่าเขา ไม่พูดถึงว่าจะรักษาให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เขาฟื้นฟูจนสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แล้วชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาคนนี้อาศัยอะไร!
“ติงจื่ออี้!” ท่านจูดุติงจื่ออี้
หลังจากนั้นเขาก็หันหลัง ประสานมือทั้งสองข้างและคำนับเย่เทียน “จื้ออี้เป็นคนอารมณ์ร้อน และตอนนี้เขาตกอยู่สภาพเช่นนี้ จึงทำให้จิตใจของเขาอยากที่จะสงบได้ คุณชายเย่ โปรดอย่าได้ถือสา!”
ติงจื่ออี้นั้นเคารพท่านจูมาก เมื่อได้ยินท่านจูพูดกับเย่เทียนเช่นนั้น ทำให้เขารู้สึกทนไม่ได้ แต่เมื่อเขาคิดถึงสภาพตอนนี้ของตนเองแล้ว ซึ่งเขาไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย
“ถ้าคุณสามารถรักษาผมได้ คุณจะเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของผม แค่คุณพูดประโยคเดียว ต่อให้บุกน้ำลุยไฟผมก็ไม่ปฏิเสธ! และผมจะขอโทษสำหรับคำพูดของผมเมื่อสักครู่อีกด้วย!”
เย่เทียนรู้สึกชื่นชมติงจื่ออี้ไม่น้อย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่เขาก็เป็นคนที่มีเหตุผล ตอนนี้มิตรภาพแบบนี้หายากมาก
“วางใจเถอะ ผมไม่ต้องการให้คุณถวายชีวิตหรอก อีกสักครู่คุณจะรู้ว่ายานี้ดีหรือไม่ดี!”
เฉินหวั่นชิงเป็นนักธุรกิจที่เก่งมาก และด้วยความฉลาดทางอารมณ์ที่ไม่ธรรมดาของเธอ ทำให้เธอสามารถถ่วงเวลาพูดคุยกับนักข่าวมาจนถึงตอนนี้
แต่เห็นได้ชัดว่านักข่าวที่อยู่ด้านล่างรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อเทียบกับข้อมูลการทดลองที่น่าเบื่อเหล่านั้นแล้ว พวกเขาอยากจะเห็นประสิทธิผลจริงของเม็ดมากกว่า
นี่เป็นเรื่องที่เฉินหวั่นชิงรับประกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ประธานเฉิน เมื่อไหร่การทดลองที่คุณพูดถึงจะเริ่มขึ้นสักที?”
“ถูกต้อง! ประธานเฉิน ไม่ได้ล้อพวกเราเล่นใช่ไหม?”
บางคนเริ่มพูดจาแปลก ๆ
เฉินหวั่นชิงยังคงใจเย็น เงยหน้ามองไปที่ประตู เยว่หยาปรากฏตัวอย่างเงียบ ๆ แล้วส่งสัญลักษณ์โอเคให้เธอ
เมื่อเห็นภาพนี้ เฉินหวั่นชิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ทุกคนไม่ต้องรีบร้อน ผู้ทดลองพร้อมแล้ว ขอเชิญทุกคนมาเป็นพยานในวันนี้!”
หลังจากกล่าวจบ ประตูห้องประชุมก็ถูกผลักออก ติงจื่ออี้ถูกเข็นเข้าไปด้วยสีหน้าขาวซีด นอกจากนี้ยังมีแพทย์หลายคนถือเครื่องมืออยู่ในมือ
“ให้นักข่าวทุกคนรอนานแล้ว!”
เย่เทียนยิ้มและมองนักข่าว “คิดว่าทุกคนคงรอนานแล้ว และคิดว่าทุกคนน่าจะคุ้นเคยกับพวกเขา”
เย่เทียนหลีกทาง คนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขานั้นคือสวีจิ้นเฟิง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมืองเจียงหนัน
“รีบดูสิ คนนั้นเป็นรองประธานโรงพยาบาลที่อยู่ในเมือง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่