“เพียงแต่ตอนนี้ที่สำนักชิงหนังสามารถปรากฏตัว อีกทั้งยังสามถทำให้นักพรตเหอเข้าร่วมด้วยได้ นี่เพียงพอแล้วที่จะบ่งบอกว่าพวกเขายังมั่นใจอยู่บ้าง”
ชายชราที่อยู่ตรงกลางเปิดปากของเขา "สิ่งที่ฉันกังวลมากที่สุดก็คืออีกฝ่ายดูเหมือนจะติดต่อกับกองกำลังพิเศษอยู่บ้าง"
เมื่อพูดถึงกองกำลังพิเศษฉีหยู่เหิง ผู้อาวุโสของตระกูลฉีก็แค่นเสียงออกมา “ระยะนี้คนพวกนี้มีความสุขเสียเหลือเกิน จนแทบจะไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา"
“คงลืมไปแล้วว่าในตอนนั้นพวกเราเคยช่วยพวกเขาเอาไว้ยังไงบ้าง คนเรานี่นะ จิตใจเปลี่ยนเร็วเกินไป!”
ที่ ฉีหยู่เหิง พูดแบบนี้นั้นย่อมมีสาเหตุ
ในอดีต ตระกูลฉี เป็นซัพพลายเออร์ของหินทิพย์ให้กับกองกำลังพิเศษ และด้วยสถานะนี้ ตระกูลฉี ก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปได้ไม่น้อย
แต่ตอนนี้หินทิพย์ไม่ใช่สิ่งที่กองกำลังพิเศษจำเป็นอีกต่อไป ดังนั้นการพึ่งพาตระกูลฉีก็ย่อมลดน้อยลงไปด้วย แต่ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นคู่ค้ากันมา ดังนั้นจึงไม่อยากทำอะไรออกนอกหน้าเกินไป
เพียงแต่มีบางเรื่องที่ไม่ยอมให้กันก็เท่านั้นเอง แต่เรื่องนี้กลับทำให้ตระกูลฉีที่เคยเป็นได้ทุกสิ่งตามต้องการไม่พอใจอย่างมาก
อีกทั้งตระกูลฉีก็ย่อมรู้จักตัวตนของเย่เทียนเป็นอย่างดี
เห็นได้ชัดว่าการจัดการกับเย่เทียนไม่ใช่แค่ตระกูลเดียวจะสามารถทำได้ ตระกูลเจี่ยงก็คือบทเรียนนั้น อีกทั้งการร่วมมือกันต่างหากถึงจะมีโอกาสมากขึ้นในการต่อต้านเย่เทียน
และตอนนี้คือโอกาสที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้น ฉีหยู่เหิง ขึงไม่ถือสาที่จะใส่ไฟเพิ่มเข้าไป
เขาเชื่อว่าตระกูลตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันไม่ใช่แค่ตระกูลฉีของเขาอย่างแน่นอน!
มีคนมากมายที่รู้จักตัวตนของเย่เทียน แต่ทุกคนล้วนยอมแสร้งทำเป็นหูหนวกตาบอด สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการทำสิ่งที่มีผลประโยชน์กับตนเอง ส่วนสุดท้ายจะเกิดเรื่องอะไรต่อไป...
เช่นเดียวกับที่กฎหมายไม่ได้ลงโทษประชาชน แม้ว่าเย่เทียนจะน่ากลัวมากแค่ไหนแต่จะให้มองดูพวกเขาถูกฆ่าทิ้งงั้นหรือ?
ถึงตอนนั้นเกรงว่าคนของกองกำลังพิเศษทั้งหมดล้วนออกมาหยุดมันแน่
นี่คือความแข็งแกร่งของพวกเขา!
กฎหมายไม่ได้ลงโทษประชาชน!
“เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เย่เทียนก็ถือเป็นคนมีความสามารถคนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่เขามีนิสัยฆ่าฟันมากเกินไป สุดท้ายเขาก็จะกลายเป็นอันตรายที่ซ่อนอยู่สำหรับเรา!” ชายชรามองไปที่ ฉีหยู่เหิง และไม่ได้เปิดโปงอะไร แต่กลับเอ่ยเสริม
ชายชราคนนี้เองก็ไม่คนต่ำต้อย เขาคือ ซือหม่ามู่หยาง ผู้อาวุโสของสำนักชิงซิน
ชายชราเองก็กำลังจะก้าวข้ามระดับขั้นฟ้าเช่นกัน กล่าวได้ว่าเขาเป็นคนรุ่นก่อนที่มีชื่อเสียงในหมู่ยอดฝีมือ
ด้วยศักดิ์ศรีของเขาแค่เอ่ยปากก็เห็นได้ชัดว่าเขาได้ตัดสินใจในครั้งนี้แล้ว
“ในเมื่อเป็นอย่างนั้นผู้อาวุโสซือหม่ามีความคิดเห็นอย่างไร? ให้ฉันสามารถฆ่าปีศาจตัวนี้ในแดนของมันได้หรือไม่?”
ฉีหยู่เหิง ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและโค้งมือของเขา
“คนอย่างเย่เทียนไม่ใช่คนที่สำนักใดสำนักหนึ่งสามารถควบคุมได้อีกต่อไป วิธีเดียวที่จะปราบปรามเขาคือการรวมตัวกันเป็นหนึ่ง!” ซือหม่ามู่หยางลูบเคราของเขา
"ฉันจำได้ว่าดูเหมือนสมาพันธ์นักบู๊โบราณจะไม่ได้ถูกจัดขึ้นมาหลายปีแล้ว"
เห็นได้ชัดว่า ซือหม่ามู่หยาง เตรียมการไว้นานแล้ว นี่หลังจากกวาดตามองดูทุกคนในที่นั้นอย่างลึกซึ้งแล้วเขาก็เอ่ยความคิดของตนออกมา
“ในเมื่อสำนักชิงเหมินของเขาต้องการก่อตั้งสำนัก อย่างนั้นหากไม่มีการยินยอมจากสมาพันธ์นักบู๊โบราณ สำนักนี้ก็เป็นแค่สำนักนอกกฎหมาย! ในเมื่อเป็นสำนักนอกกฎหมาย อย่างนั้นพวกนายว่าคนของกองกำลังพิเศษจะทำลายญาติมิตรของพวกเขาเพื่อความชอบธรรมหรือไม่?”
ซือหม่ามู่หยาง ยกยิ้มที่มุมปากของเขา หลังจากได้ยินแบบนั้นคนอื่นๆ ก็มองหน้ากัน แล้วทันใดนั้นก็เข้าใจขึ้นมาทันที
"ฮ่าฮ่า! วิเศษมาก! วิธีนี้วิเศษจริงๆ!"
ฉีหยู่เหิงยกนิ้วโป้งขึ้น "เขาเย่เทียนสนิทกับคนในกองกำลังพิเศษมากไม่ใช่หรือ? อย่างนั้นหากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น กองกำลังพิเศษจะทำยังไง?”
ผู้อาวุโสซวนเฮ่อ และคนอื่นๆ พยักหน้าเห็นด้วย แต่ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว "แค่ถ้าสำนักชิงหนังของพวกเขาผ่านแล้วล่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่