ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 167

สรุปบท บทที่ 167 ติดพิษกู่: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

สรุปตอน บทที่ 167 ติดพิษกู่ – จากเรื่อง ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดย Light-Knight

ตอน บทที่ 167 ติดพิษกู่ ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดยนักเขียน Light-Knight เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“น้องน้อยเย่ ในเมื่อคุณมีความมั่นใจ ทำไมถึงไม่ลองดูล่ะ?” ถึงจะถูกแนวคิดของคุณหมอสวี่ทำให้ไขว้เขว แต่มันก็ทำให้เฉาจื้อเหาคิดได้แล้ว

ตอนนี้แม้แต่ว่านชิงเฟิงยังจนปัญญา งั้นให้เย่เทียนลองดูหน่อยจะเป็นไรไป

ต่อให้สถานการณ์จะเลวร้ายลงไปแค่ไหน สุดท้ายมันก็ยังแค่ตายไม่ใช่เหรอ?!

เย่เทียนเหลือบมองเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน แต่ก็ไม่ได้รับปากไปทันที

ยังไงซะ เมื่อกี้เขาก็พูดไปแล้ว เมื่อกี้พวกหวังสูงแต่มือไม่ถึงพวกนี้ไม่ยอมเชื่อใจเขา ตอนนี้กลับหันมาขอร้องตน เขานั้นยังไม่ใจกว้างถึงขนาดจะให้ลืมมันไปได้หรอก

“ก่อนหน้านี้ผมได้พูดไปแล้ว ผมไม่ใช่พวกที่ชอบเอาใจใครด้วย ตอนนี้จะขอให้ผมออกโรง มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแล้ว” เห็นได้ชัดว่าเฉาจื้อเหานั้นคาดการว่าเย่เทียนจะเป็นแบบนี้ไว้แล้ว ยังไงพวกเขาก็ทำผิดไว้ก่อนแล้ว ก็ไม่ควรชักสีหน้าให้คนอื่นสิ!

“ผมเข้าใจ ขอแค่น้องน้อยเย่สามารถรักษาหัวหน้ากงให้หายได้ ผมจะรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งเลย!”

หลังจากที่ตัดเรื่องความต่างของตำแหน่งออกแล้ว ความสัมพันธ์ส่วนตัวของทั้งสองก็ยังถือว่าใช้ได้อยู่ เดิมทีทั้งคู่ก็เป็นนักเรียนที่จบจากโรงเรียนเตรียมตำรวจรุ่นเดียวกัน รู้จักกันมายี่สิบกว่าปี จึงเลี่ยงที่จะรู้สึกผูกพันกันไปนานแล้ว

ไม่อย่างนั้น เขาก็คงไม่เรียกชื่อภรรยาของกงหย่วนตรงๆ อยู่แล้ว และคงไม่เรียกกงหย่วนว่าอะหย่วนด้วย

“เรื่องหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรคุณก็ไม่ต้องเขียนแล้ว ยังไงก็มีคนเยอะขนาดนี้คอยเป็นพยาน ผมเชื่อว่าคนระดับผู้บัญชาของกรมตำรวจคงไม่หลอกผมหรอก”

เย่เทียนนั้นรอคำนี้อยู่แล้ว แล้วเขาก็ได้ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

“คะ คุณชายเย่……”

โจ๋หย่วนหันทำหน้าไม่ถูก เขาไม่คาดคิดเลยว่าเย่เทียนจะใจกล้าขนาดนี้ แม้แต่เฉาจื้อเหายังกล้าเล่นด้วย

ทว่า ต่อให้ในใจจะอยากห้ามเย่เทียนก็ตาม แต่เขาจะไปกล้าได้ยังไงล่ะ?”

เย่เทียนที่วางแผนมาก่อนแล้วจะไปสนใจโจ๋หย่วนหันได้ยังไง เขายังคงจ้องมองเฉาจื้อเหาด้วยความเกียจคร้านทำท่าเหมือนพร้อมจะไปทุกเมื่อถ้าได้ยินอะไรที่ไม่เข้าหู

“ขอแค่ไม่เกินความสามารถของผม ไม่ผิดกฎหมายและไม่ใช่อะไรที่ฝืนใจจนเกินไป อะไรที่ผมช่วยได้ ผมก็จะทำเต็มที่!”

เฉาจื้อเหาไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ แต่พอนึกถึงกงหย่วน ก็ลังเลไปแปบหนึ่งก่อนจะพยักหน้า

ในเมื่อว่านชิงเฟิงได้พูดเอาไว้แล้ว ว่าอาการของกงหย่วนอาจจะไม่พ้นคืนนี้ จะปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไม่ได้!

“ไม่ต้องห่วง ผมไม่มีทางจงใจทำให้คุณต้องลำบากใจแน่นอน เพียงแต่……”

เย่เทียนได้ยิ้มออกมา “ตอนนี้ผมยังคิดอะไรไม่ออก รอผมนึกออกแล้วค่อยบอกคุณอีกทีแล้วกัน”

เฉาจื้อเหาพยักหน้า สีหน้าบึ้งตึง แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “งั้นอย่าหาว่าผมพูดน่าเกลียดเลยนะ ถ้าเกิดว่าคุณไม่สามารถรักษาอะหย่วนให้หายได้ ก็อย่าว่ากันถ้าผมจะจับคุณไปขังคุกสักระยะนะ!”

“งั้นคุณก็รอดูได้เลย!”

เย่เทียนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ว่านชิงเฟิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงตั้งแต่แรกก็ขมวดคิ้วหนักยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ไม่ยอมเดินออกมา

เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าพ่อหนุ่มที่จู่ๆ ก็โผล่มานี้ ทำไมถึงได้บ้าบิ่นขนาดนี้!

เย่เทียนทำเหมือนมองไม่เห็นแล้วเดินไปนั่งลงที่ข้างเตียง รวบรวมสมาธิแล้วมองไปยังกงหย่วนที่นอนอยู่บนเตียง

กงหย่วนในตอนนี้ถึงแม้หน้าตาจะคงเดิม แต่สีหน้ากลับซีดเหมือนกระดาษ ถึงแม้ตาทั้งสองข้างจะหลับสนิท แต่คิ้วกลับขมวดเป็นปม เห็นได้ชัดว่าต่อให้หมดสติก็ยังยากที่จะทนต่อความเจ็บปวดที่มีได้

มองแค่แวบเดียว เย่เทียนก็ถึงกับขมวดคิ้ว ถ้ามองจากสีหน้าของกงหย่วน เหมือนจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอาการของเขาเป็นยังไง!

“น่าแปลกจริงๆ นี่เขาไม่เจ็บไม่ป่วยทำไมถึงหมดสติไม่ยอมฟื้นนะ?”

เย่เทียนพึมพำอย่างเงียบๆ ยื่นมือไปแตะที่ข้อมือของกงหย่วน แล้ววัดชีพจรให้กงหย่วนอย่างเป็นการเป็นงาน

“เพียงแต่ ศักยภาพของโรงพยาบาลคุณมันห่วยเกินไป เลยตรวจหาไม่เจอก็เท่านั้น!”

เย่เทียนเบ้ปาก ทำหน้าไม่ใส่ใจ แค่คำพูดเดียวก็ล่วงเกินโรงพยาบาลในเครือมหาวิทยาลัยแพทย์ทั้งโรงเข้าแล้ว!

“งั้นเธอลองบอกมาหน่อยสิ ว่าหัวหน้ากงติดพิษอะไร!”

หมอที่เป็นหัวหน้าเมื่อกี้กำลังจ้องมองเย่เทียนด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ท่าทางที่ดุร้ายนั่น ทำราวกับว่าถ้าเย่เทียนไม่สามารถให้อธิบายได้ก็จะทำให้เขาต้องรับผิดชอบให้ได้

เย่เทียนเหลือบมองชายคนนั้นอย่างไม่ให้เกียรติไปทีหนึ่ง แล้วพูดออกมาสองพยางค์อย่างสบายๆ ว่า “พิษกู่!”

“พิษกู่อย่างนั้นเหรอ? นี่มันพูดจาเลอะเทอะชัดๆ! ในโลกใบนี้จะไปมีพิษกู่ได้ยังไง!”

“ไอ้หนู ถ้าแกอยากจะหลอกเราก็ช่วยหาข้ออ้างที่มันดีกว่านี้หน่อยได้มั้ย?”

“พิษกู่นั้นถูกพูดถึงไม่น้อย แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยมีใครได้เห็น เห็นได้ชัดว่าตอนนี้แกกำลังแหกตากันชัดๆ!”

หมอหลายคนกำลังชี้หน้าด่าทอเย่เทียนอยู่

เยเทียนเหลือบมองพวกเขาอย่างเหยียดหยาม ที่เขาพูดไปมันคือเรื่องจริง แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมเชื่อ มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้!

“นี่พ่อหนุ่ม ข้าวน่ะกินมั่วๆ ได้ แต่คำพูดจะพูดมั่วๆ ไม่ได้นะ! เธอมั่นใจใช่มั้ยว่าหัวหน้ากงติดพิษกู่จริงๆ?”

ว่านชิงเฟิงอยู่มาจนถึงปูนนี้ แล้วยังมีตำแหน่งที่สูงขนาดนี้ ก็ต้องรู้เรื่องลึกลับที่คนทั่วไปไม่รู้อยู่บ้าง

แม้แต่ว่านชิงเฟิงยังรู้ งั้นก็ไม่ต้องพูดถึงพวกตำรวจระดับสูงอย่างเฉาจื้อเหาแล้ว

ในเมื่อในโลกใบนี้มันมีคนที่สามารถทลายหินผาได้ด้วยมือเปล่า งั้นข่าวลือเลื่องชื่ออย่างพิษกู่จะมีก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่