“น้องน้อยเย่ ในเมื่อคุณมีความมั่นใจ ทำไมถึงไม่ลองดูล่ะ?” ถึงจะถูกแนวคิดของคุณหมอสวี่ทำให้ไขว้เขว แต่มันก็ทำให้เฉาจื้อเหาคิดได้แล้ว
ตอนนี้แม้แต่ว่านชิงเฟิงยังจนปัญญา งั้นให้เย่เทียนลองดูหน่อยจะเป็นไรไป
ต่อให้สถานการณ์จะเลวร้ายลงไปแค่ไหน สุดท้ายมันก็ยังแค่ตายไม่ใช่เหรอ?!
เย่เทียนเหลือบมองเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน แต่ก็ไม่ได้รับปากไปทันที
ยังไงซะ เมื่อกี้เขาก็พูดไปแล้ว เมื่อกี้พวกหวังสูงแต่มือไม่ถึงพวกนี้ไม่ยอมเชื่อใจเขา ตอนนี้กลับหันมาขอร้องตน เขานั้นยังไม่ใจกว้างถึงขนาดจะให้ลืมมันไปได้หรอก
“ก่อนหน้านี้ผมได้พูดไปแล้ว ผมไม่ใช่พวกที่ชอบเอาใจใครด้วย ตอนนี้จะขอให้ผมออกโรง มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นแล้ว” เห็นได้ชัดว่าเฉาจื้อเหานั้นคาดการว่าเย่เทียนจะเป็นแบบนี้ไว้แล้ว ยังไงพวกเขาก็ทำผิดไว้ก่อนแล้ว ก็ไม่ควรชักสีหน้าให้คนอื่นสิ!
“ผมเข้าใจ ขอแค่น้องน้อยเย่สามารถรักษาหัวหน้ากงให้หายได้ ผมจะรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งเลย!”
หลังจากที่ตัดเรื่องความต่างของตำแหน่งออกแล้ว ความสัมพันธ์ส่วนตัวของทั้งสองก็ยังถือว่าใช้ได้อยู่ เดิมทีทั้งคู่ก็เป็นนักเรียนที่จบจากโรงเรียนเตรียมตำรวจรุ่นเดียวกัน รู้จักกันมายี่สิบกว่าปี จึงเลี่ยงที่จะรู้สึกผูกพันกันไปนานแล้ว
ไม่อย่างนั้น เขาก็คงไม่เรียกชื่อภรรยาของกงหย่วนตรงๆ อยู่แล้ว และคงไม่เรียกกงหย่วนว่าอะหย่วนด้วย
“เรื่องหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรคุณก็ไม่ต้องเขียนแล้ว ยังไงก็มีคนเยอะขนาดนี้คอยเป็นพยาน ผมเชื่อว่าคนระดับผู้บัญชาของกรมตำรวจคงไม่หลอกผมหรอก”
เย่เทียนนั้นรอคำนี้อยู่แล้ว แล้วเขาก็ได้ยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“คะ คุณชายเย่……”
โจ๋หย่วนหันทำหน้าไม่ถูก เขาไม่คาดคิดเลยว่าเย่เทียนจะใจกล้าขนาดนี้ แม้แต่เฉาจื้อเหายังกล้าเล่นด้วย
ทว่า ต่อให้ในใจจะอยากห้ามเย่เทียนก็ตาม แต่เขาจะไปกล้าได้ยังไงล่ะ?”
เย่เทียนที่วางแผนมาก่อนแล้วจะไปสนใจโจ๋หย่วนหันได้ยังไง เขายังคงจ้องมองเฉาจื้อเหาด้วยความเกียจคร้านทำท่าเหมือนพร้อมจะไปทุกเมื่อถ้าได้ยินอะไรที่ไม่เข้าหู
“ขอแค่ไม่เกินความสามารถของผม ไม่ผิดกฎหมายและไม่ใช่อะไรที่ฝืนใจจนเกินไป อะไรที่ผมช่วยได้ ผมก็จะทำเต็มที่!”
เฉาจื้อเหาไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ แต่พอนึกถึงกงหย่วน ก็ลังเลไปแปบหนึ่งก่อนจะพยักหน้า
ในเมื่อว่านชิงเฟิงได้พูดเอาไว้แล้ว ว่าอาการของกงหย่วนอาจจะไม่พ้นคืนนี้ จะปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไม่ได้!
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่มีทางจงใจทำให้คุณต้องลำบากใจแน่นอน เพียงแต่……”
เย่เทียนได้ยิ้มออกมา “ตอนนี้ผมยังคิดอะไรไม่ออก รอผมนึกออกแล้วค่อยบอกคุณอีกทีแล้วกัน”
เฉาจื้อเหาพยักหน้า สีหน้าบึ้งตึง แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “งั้นอย่าหาว่าผมพูดน่าเกลียดเลยนะ ถ้าเกิดว่าคุณไม่สามารถรักษาอะหย่วนให้หายได้ ก็อย่าว่ากันถ้าผมจะจับคุณไปขังคุกสักระยะนะ!”
“งั้นคุณก็รอดูได้เลย!”
เย่เทียนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ว่านชิงเฟิงที่นั่งอยู่ข้างเตียงตั้งแต่แรกก็ขมวดคิ้วหนักยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ไม่ยอมเดินออกมา
เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าพ่อหนุ่มที่จู่ๆ ก็โผล่มานี้ ทำไมถึงได้บ้าบิ่นขนาดนี้!
เย่เทียนทำเหมือนมองไม่เห็นแล้วเดินไปนั่งลงที่ข้างเตียง รวบรวมสมาธิแล้วมองไปยังกงหย่วนที่นอนอยู่บนเตียง
กงหย่วนในตอนนี้ถึงแม้หน้าตาจะคงเดิม แต่สีหน้ากลับซีดเหมือนกระดาษ ถึงแม้ตาทั้งสองข้างจะหลับสนิท แต่คิ้วกลับขมวดเป็นปม เห็นได้ชัดว่าต่อให้หมดสติก็ยังยากที่จะทนต่อความเจ็บปวดที่มีได้
มองแค่แวบเดียว เย่เทียนก็ถึงกับขมวดคิ้ว ถ้ามองจากสีหน้าของกงหย่วน เหมือนจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอาการของเขาเป็นยังไง!
“น่าแปลกจริงๆ นี่เขาไม่เจ็บไม่ป่วยทำไมถึงหมดสติไม่ยอมฟื้นนะ?”
เย่เทียนพึมพำอย่างเงียบๆ ยื่นมือไปแตะที่ข้อมือของกงหย่วน แล้ววัดชีพจรให้กงหย่วนอย่างเป็นการเป็นงาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่