“ในเมื่อฉันกล้าบุกเข้ามาในคฤหาสน์ของแก งั้นแกคิดว่าฉันยังกังวลว่าจะผิดหรือไม่ผิดกฎหมายปัญหานี้อยู่เหรอ?”
มองเกาหยุนเสียงที่อยู่ตรงหน้าตกใจจนตึงแน่นไปทั้งตัว เย่เทียนก็แสยะปากเหยียดหยาม
มีความห้าวหาญอันนี้ยังกล้าเล่นละครฮุบทรัพย์สินบริษัทออกมาด้วย ทำให้คนยากจะจินตนาการได้จริงๆ !
เกาหยุนเสียงได้ยินแล้ว รู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง
เขตคฤหาสน์ทางนี้ที่พักอยู่ล้วนเป็นบุคคลร่ำรวยสูงส่ง ด้านการรักษาความปลอดภัยจึงต้องมีความเข้มงวดมากแน่
เพียงแต่ ผู้มาเยือนกลับยังคงเข้ามาได้อย่างสบายๆ แม้กระทั่งนำมีดมาจี้ที่คอของตนเองด้วย จะเป็นพวกธรรมดาได้งั้นเหรอ?
ทันใดนั้น ในหัวสมองของเกาหยุนเสียงมีภาพของศัตรูหลายคนแวบผ่านไปติดๆ กัน แต่ไม่นานกลับเลือนหายไปทั้งหมด
ในบรรดาศัตรูของเขา ไม่มีใครสามารถจ้างนักฆ่าที่ครอบครองความสามารถเช่นนี้ได้!
แน่นอนว่า ไม่ใช่พวกเขาไม่มีเงินจ้าง แต่ว่าเดิมทีไม่มีความจำเป็น
วงการค้าขายเหมือนสนามรบ ก่อนหน้าที่ไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถกำจัดฝ่ายตรงข้ามได้สิ้นซาก ไม่ว่านักธุรกิจคนใดจะไม่ทำเรื่องล่วงเกินคนอื่นเป็นอันขาด
คนชั่วเมื่อหมดหนทางย่อมไม่คำนึงถึงสิ่งใดทั้งสิ้น ใครจะรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะถูกบีบจนร้อนใจทำเรื่องบ้าคลั่งอะไรออกมาได้บ้าง?
“สรุปเป็นใครส่งแกมา?”
เกาหยุนเสียงหันหน้าเข้ามากะทันหัน มองใบหน้าของเย่เทียนชัดๆ ชั่วขณะนั้นก็ตะลึง “แกเองเหรอ? แกมาทำอะไร!”
ถึงแม้เมื่อก่อนหน้านี้ที่บริษัทตระกูลเฉิน เย่เทียนจะวางตัวน่าเกรงขามใหญ่โตปรากฏตัวขึ้นเหมือนกัน แต่เวลานี้กลับเพิ่มแรงอาฆาตแค้นดุร้ายมาอีกระดับหนึ่ง ทำให้เกาหยุนเสียงเดิมทีไม่กล้าบุ่มบ่าม
เจตนาสังหารที่ไม่ได้เสแสร้งสักนิดแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จงใจสร้างออกมาได้เด็ดขาด!
ปากเกาหยุนเสียงเต็มไปด้วยความขมขื่น นึกไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าเย่เทียนที่ภายนอกเล่าลือว่าขี้ขลาดตาขาวจะตรงกันข้ามกัน เก่งกาจถึงขั้นสุดยอดเลยทีเดียว!
“แกคิดว่าไงล่ะ?”
เย่เทียนย้ายมีดเล็กที่จี้บนคอเกาหยุนเสียงออก นั่งลงมาบนโซฟาด้านข้างแบบไม่เกรงใจสักนิด เหมือนยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มมองเกาหยุนเสียงอยู่
สีหน้าของเกาหยุนเสียงอารมณ์ไม่แน่นอน เอื้อมไปหยิบมือถือบนโต๊ะเข้ามา พูดข่มขู่ “ฉันให้เวลาแกสามวินาที ถ้าแกไม่ออกไป ฉันจะเรียกยามแล้วนะ!”
“เรียกยามไม่สนุกเท่าไร ไม่สู้เรียกตำรวจมาเลยล่ะ?”
เย่เทียนส่ายหน้าเล็กน้อย อมยิ้มบอกว่า “แกทายเอาไว้ว่าเป็นแกจะโดนขังนานกว่า? หรือฉันโดนขังนานกว่ากัน?”
เกาหยุนเสียงได้ยินดังนั้น ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าเปลี่ยนไปดูแย่ขึ้นมา ฝืนพูดว่า “นี่คือแกหมายความว่าอะไร? แกบุกเข้าคฤหาสน์ฉันมายังมีเหตุผลอยู่เหรอ?”
“ฉันมีเวลาจำกัด ไม่ว่างมาเล่นแผนการร้ายซ่อนเงื่อนงำพวกนั้นกับแกหรอก”
เย่เทียนพูดอย่างหมดความอดทน “พวกเรามาคุยกันแบบตรงไปตรงมาดีกว่า! ในเมื่อฉันรู้เรื่องของจางเจี้ยถัง งั้นฉันต้องรู้ดีว่าแกก็เข้าร่วมด้วยเหมือนกัน”
เกาหยุนเสียงตะลึง ไม่นานจึงได้สติกลับมา ถามอย่างงุนงง “ในเมื่อแกรู้ดี ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่พูดออกมา?”
โดยเฉพาะเขาคาดคะเนถึงสถานการณ์แบบนี้ได้แต่แรกแล้ว ความสามารถในการยอมรับก็ยิ่งง่ายแน่นอน
“แกควรขอบคุณจริงๆ ที่น้องสาวแกแต่งเข้าตระกูลเฉิน”
เย่เทียนมองเกาหยุนเสียงตรงๆ สายตาชำเลืองมองขวดเหล้าที่ระเกะระกะบนโต๊ะ และบนพื้น อมยิ้มบอกว่า “จากความเข้าใจของฉันที่มีต่อน้องสาวแก ด้วยนิสัยไม่ฟังเหตุผลนั้นของหล่อน ถ้าแกโดนขังเข้าไป จะต้องร้องห่มร้องไห้ไปขอร้องท่านปู่เฉินให้ช่วยเหลือแน่”
“เชื่อว่าแกก็น่าจะรู้สุขภาพของท่านปู่เฉินดี ฉันไม่อยากให้ท่านปู่เฉินโดนน้องสาวแกก่อกวนจนนอนไม่หลับ”
เกาหยุนเสียงเงียบงันลงมาในชั่วขณะนั้น
สำหรับนิสัยของเกาหย่าหยุน เขาในฐานะพี่ชายย่อมรู้ชัดเป็นธรรมดา เข้าใจว่าที่เย่เทียนพูดมาไม่มีผิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่