ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 235

จี้เยียนหรันโกรธเคืองมาก!

เดิมทีเธอคิดว่าเก็บกวาดหลงเจี้ยนหัวเสร็จ เรื่องราวในวันนี้ก็สามารถพูดได้ว่าจบสิ้นด้วยดี

แต่เธอจะนึกได้อย่างไรว่า เย่เทียนจะแอบเล่นใหญ่ขนาดนี้ลับหลังเธอ อยากกำจัดแก๊งมังกรให้สิ้นซากอย่างคาดไม่ถึง

กำจัดก็ส่วนกำจัดสิ ทำไมถึงก่อเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ออกมาด้วย

เล่นตะลุมบอนด้วยอาวุธกันบนถนนใหญ่ โทรศัพท์ของสถานีตำรวจไม่หยุดลงสักนิด ชาวเมืองที่กระตือรือร้นแทบไม่ยอมให้วางหูโทรศัพท์

“ไอ้บ้าเย่เทียน นึกไม่ถึงนายจะกล้าหลอกฉัน! อย่าให้ฉันจับนายได้เด็ดขาดนะ!”

ในใจจี้เยียนหรันเต็มไปด้วยไฟโกรธ คิดบัญชีนี้ไว้บนตัวของเย่เทียนทั้งหมดเลย

ถึงแม้จี้เยียนหรันจะเตรียมใจเอาไว้มาดีแล้ว แต่พอตอนมาถึงสถานที่เกิดเหตุ ยังตกใจยกใหญ่กับสถานการณ์ที่น่าเวทนาอยู่ตรงนี้อยู่ดี

เวลามักกระชั้นชิดเกินไปจริงๆ เดิมทีไม่มีทางนำผู้บาดเจ็บทั้งหมดเคลื่อนย้ายไปได้ เหล่ากำลังคนนอนบนถนนใหญ่ร้องคำรามโอดโอยกันเต็มแล้ว

แน่นอนว่า ผู้บาดเจ็บเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคนของแก๊งมังกร ส่วนคนของแก๊งไผ่เขียวและแก๊งเสือดำสองฝ่ายนี้มีเพียงส่วนน้อย

บนพื้นหลงเหลือน้ำเลือดเป็นวงๆ อากาศทั่วทั้งพื้นที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้น

แม้กระทั่งว่า บนกำแพงและพื้นล้วนมีหลุมโผล่ออกมามากมาย เหมือนเจอกับการระเบิดมา ดูน่าสังเวชใจถึงขั้นสุดเสียจริง

สายตามองเห็นการปรากฏตัวของจี้เยียนหรันและตำรวจกลุ่มหนึ่ง ผู้รับผิดชอบที่ถูกจัดเตรียมไว้แต่แรกรีบวิ่งเข้ามาแล้ว วิ่งส่ายก้นมาตรงหน้าของจี้เยียนหรันแล้ว ยิ้มเข้าสู้บอกว่า “ตำรวจจี้ครับ ขอโทษจริงๆ ครับที่ให้ท่านต้องมาด้วยตัวเอง ท่านคงจะเหนื่อยแย่เลย”

“ฉันแก่มากเหรอ?”

จี้เยียนหรันถลึงตาใส่เขาอย่างดุร้ายทีหนึ่ง ในความทรงจำเขาคือสมาชิกคนหนึ่งที่เข้าร่วมการต่อสู้ที่จวี่เค่อโหลว

ลูกน้องที่รับผิดชอบรู้สึกตกใจ ไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองพูดผิดแล้ว รีบพูดแก้ไข “ไม่แก่ๆ ตำรวจจี้ท่านเป็นสาวงามชั้นหนึ่งในเจียงหนันของพวกเรา คู่กับคุณชายเย่นั่นคือกิ่งทองใบหยกจริงๆ ครับ เหมาะสมกัน เหมาสมกันครับ!”

ลูกน้องคนนี้เห็นฉากที่เย่เทียนจูบจี้เยียนหรันมากับตาตนเอง เวลานี้ไม่ใช่แค่อยากประจบประแจงจี้เยียนหรันเหรอ

แต่ เขาจะรู้ได้อย่างไร ตอนนี้จี้เยียนหรันมีความรู้สึกเคียดแค้นต่อเย่เทียนมหาศาล!

ข้างหูได้ยินว่าลูกน้องที่รับผิดชอบจับคู่ให้ตนเองกับเย่เทียนด้วยกัน ไฟโกรธในใจจี้เยียนหรันยิ่งมากขึ้น โบกมือไป พูดเสียงเย็นเฉียบ “ใครก็ได้มานี่ที จับคนนี้เอาไว้ให้ฉัน!”

“ฉันสงสัยมากว่าคนคนนี้เป็นคนวางแผนเรื่องการทะเลาะวิวาทรุนแรงในครั้งนี้ เอาตัวเขากลับไปตั้งใจสอบสวนให้ฉัน!”

“ครับ!” ตำรวจสองสามคนรีบกระโจนเข้ามาแบบดุร้ายราวกับหมาป่าและเสือ

ลูกน้องที่รับผิดชอบสีหน้าเปลี่ยน กลับไม่กล้าขัดขืน ปล่อยให้ตำรวจใส่กุญแจมือตนเองไว้

นี่คือสถานการณ์อะไร? ตำรวจสาวจี้คุณไม่ใช่ผู้หญิงของคุณชายเย่เหรอ? ดีเลวอย่างไรพวกเราก็เป็นคนที่ลงเรือลำเดียวกัน ต้องมีท่าทีร้ายกาจขนาดนี้เลยเหรอ?

แน่นอนว่า ลูกน้องที่รับผิดชอบเหล่านี้ได้เพียงตำหนิอยู่ในใจนิดหน่อย แต่ไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ

“เรียกรถพยาบาล! เอาพวกเขาไปส่งที่โรงพยาบาล”

จี้เยียนหรันจะสนใจลูกน้องที่รับผิดชอบว่าพูดอะไรที่ไหน สั่งการลงไปเรื่อยๆ ทุกอย่างจึงยุติลงได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน

รอเรื่องราวสะสางใกล้เสร็จสิ้นแล้ว จี้เยียนหรันถึงกลับมาที่ข้างกายของลูกน้องที่รับผิดชอบ สอบถามว่า “เย่เทียนล่ะ?”

“ตำรวจจี้ครับ คุณชายเย่พวกเขาออกไปก่อนแล้วครับ”

ลูกน้องที่รับผิดชอบไม่กล้าผิดใจจี้เยียนหรัน ตอบไปอย่างซื่อตรง “ใช่แล้วครับ คุณชายเย่ฝากผมมาบอกคุณสักหน่อย เรื่องในครั้งนี้เขาไม่อยากให้เกิด เป็นคนของแก๊งมังกรลงมือก่อนครับ”

จี้เยียนหรันได้ยิน หางตาอดกระตุกแรงขึ้นมาไม่ได้

คนของแก๊งมังกรลงมือก่อน? นายกล้าพูดคำนี้ออกมา!

ถ้าไม่ใช่พวกนายสมคบคิดแค้นลูกพี่ของแก๊งมังกรเขาก่อน คนอื่นเขาจะสู้กลับกับนายเหรอ?

“เจ้าสารเลวคนนี้! ดูเอาไว้ว่าครั้งหน้าฉันจะจัดการนายยังไง!”

คุณหนูใหญ่จี้เหวี่ยงหมัดอย่างโหดร้าย พากำลังคนยี่สิบกว่าคนที่เหลือไว้เป็นพิเศษกลับสถานีตำรวจ

......

คฤหาสน์ตระกูลฉิน

“คุณอยากยืมเงิน?”

ฉินเจิ้งนายท่านฉินเบิกดวงตาทั้งสองจนโต บนหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

ชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้าฉินเจิ้งพยักหน้านิดหน่อย พูดแบบน่าตกใจ “โดยเฉพาะที่ผมยืมค่อนข้างมาก อย่างน้อยหนึ่งพันล้านครับ!”

ส่วนชายหนุ่มคนนี้ นอกจากเย่เทียนแล้วยังเป็นใครได้อีก?

หลังจากจัดการข่งเทียนเฉิงเสร็จ เย่เทียนไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวเรื่องที่ยึดคืนพื้นที่แก๊งมังกรอีก มอบอำนาจทั้งหมดให้หลิวชิงและเชิ่งหู่ทั้งสองคน ส่วนเขาก็มาที่คฤหาสน์ตระกูลฉินอย่างไม่รีรอ

เย่เทียนรู้สึกจำใจมากเช่นกัน เฉินหวั่นชิงร้องห่มร้องไห้มาอ้อนวอน เขาก็ไม่มีทางเลือก!

ใครให้เดิมทีเบื้องหลังเขาไม่มีบุคคลยิ่งใหญ่ล่ะ นอกจากยืมเงินหนทางนี้ ที่จริงเขานึกไม่ออกเลยว่ามีวิธีอะไรที่สามารถรวบรวมเงินทุนที่เฉินหวั่นชิงต้องการได้เพียงพอในช่วงข้ามคืนสั้นๆ

นายท่านฉินเดิมทีนอนลงอยู่ แต่สำหรับเย่เทียนที่อายุน้อยกลับมีความสามารถแข็งแกร่งแถมยังเป็นปรมาจารย์ปรุงยา จึงลุกขึ้นมาจากเตียงแล้ว

แต่เขาคิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิง เย่เทียนเข้ามาตรงไปตรงมาขนาดนี้ ถึงแม้เขาจะมีประสบการณ์ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ก็แทบจะเด้งขึ้นมาจากบนโซฟาโดยตรง

“หนึ่ง หนึ่งพันล้าน?”

ฉินเจิ้งพินิจพิเคราะห์เย่เทียนด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ถึงแม้ตระกูลฉินจะเป็นตระกูลอันดับหนึ่งที่ร่ำรวยสุดในเจียงหนัน แต่หนึ่งพันล้านก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ เหมือนกัน

เงียบงันไปครู่หนึ่ง ฉินเจิ้งยังสอบถามอย่างอดไม่ได้ “ปรมาจารย์เย่ คุณอย่าหาว่าคนแก่พูดมากเลยนะ ผมสงสัย ไม่รู้ว่าปรมาจารย์เย่จะยืมเงินไปทำไม?”

“จากความสามารถของนายท่านฉิน น่าจะรู้เรื่องราคาหุ้นของบริษัทตระกูลเฉินในวันนี้มั้งครับ?”

สำหรับเรื่องนี้ เย่เทียนไม่มีอะไรน่าปิดซ่อน บอกไปตามตรง

ฉินเจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย “พอเข้าใจมาคร่าวๆ”

“งั้นคุณน่าจะรู้ชัดถึงความสัมพันธ์ของผมและบริษัทตระกูลเฉินด้วย”

เย่เทียนเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มพูดว่า “เฉินหวั่นชิงเป็นภรรยาของผม ภรรยาผมไม่อยากให้บริษัทตระกูลเฉินพังพินาศในมือเธอ ผมในฐานะสามีคนนี้ต้องช่วยเธอแน่”

เมื่อช่วงสาย ข่าวที่เย่เทียนและเฉินหวั่นชิงจดทะเบียนสมรสกันนั้นถูกสื่อมวลชนใหญ่ๆ กระจายอย่างบ้าคลั่ง เย่เทียนไม่เชื่อว่าฉินเจิ้งจะไม่รู้

ฉินเจิ้งได้ยิน ชั่วขณะนั้นนิ่งเงียบลงมาแล้ว

ข่าวของเย่เทียนและเฉินหวั่นชิงแพร่ไปจนโกลาหล เขาเป็นผู้ทำงานด้านสื่อมวลชนของเมืองเจียงหนันจะไม่รู้ได้อย่างไร

เพียงแต่ว่า เขายังคงรักษาท่าทีคอยสังเกตแบบรู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร ไม่ได้ผสมโรงเรื่องนี้

แต่เขานึกไม่ถึงมากๆ เขาไม่ได้อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เย่เทียนกลับอยากดึงเขาเข้าไปเกี่ยวพันด้วย

“คุณไม่ต้องกังวลปัญหาที่ผมคืนไม่ไหว คุณรู้ความสามารถของผม ถ้าผมไม่มีเงินใช้คืน ผมสามารถปรุงยาให้คุณฟรีได้ จนกระทั่งใช้หนี้หนึ่งพันล้านหมดเกลี้ยง”

ไม่รอให้ฉินเจิ้งคิดจนทะลุปรุโปร่ง ข้างหูก็มีคำพูดที่นิ่งเรียบนั้นของเย่เทียนดังขึ้นอีก

ครุ่นคิดอย่างละเอียดพักหนึ่ง ฉินเจิ้งมองเย่เทียนอย่างลึกซึ้ง สุดท้ายยังต้องพยักหน้าตอบรับแล้ว “ได้! คุณต้องการตอนไหน?”

“ถ้าได้ตอนนี้เลยก็ดีที่สุด อย่างช้าที่สุดผมหวังว่าจะเป็นพรุ่งนี้เช้าก่อนตลาดหุ้นเปิด”

ฉินเจิ้งส่ายหน้าอย่างจำใจ “ผมจะพยายามเอามาให้คุณก่อนตลาดหุ้นเปิดพรุ่งนี้เช้า”

“รบกวนแล้วนะครับ”

เรื่องสำคัญเสร็จสิ้น เย่เทียนไม่ได้มีความคิดวุ่นวายต่อไปอีก ลุกขึ้นเตรียมออกไป

ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู เย่เทียนราวกับนึกอะไรขึ้นได้ หันหน้าตะโกนบอกว่า “นายท่านครับ ถ้าคุณสามารถให้ผมยืมมากกว่านั้นอีก ผมก็ไม่ถือสาเหมือนกันครับ”

พูดจบ เย่เทียนก้าวใหญ่ๆ ออกไป ทิ้งฉินเจิ้งที่คืนนี้ลิขิตมาให้นอนไม่หลับไว้......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่