วันนี้โรงแรมจุนหลินไม่รับแขกนอก ทั้งโรงแรมถูกเฉินหวั่นชิงผู้ร่ำรวยเหมาไว้หมด เพียงเพื่อฉลองวันเกิดอายุแปดสิบของท่านปู่เฉินชังไห่
ในแวดวงไฮโซมีกฎข้อหนึ่งที่ปฏิบัติตามกันมาแม้ไม่ได้สลักไว้ นั่นก็คือไม่ว่าจะงานมงคลหรืองานศพ ก่อนจะนั่งที่ต้องจัดงานปาร์ตี้แบบตะวันตกด้วย งานวันเกิดของท่านปู่เฉินในวันนี้ก็เช่นกัน
สรุปก็คือเมื่อเย่เทียนมาถึงโรงแรมจุนหลินอีกครั้ง ในห้องจัดเลี้ยงก็มีคนมาถึงกันจำนวนมากแล้ว
ห้องจัดเลี้ยงมีขนาดใหญ่มาก อย่างน้อยหนึ่งพันตารางเมตร ไม่พูดถึงครึ่งห้องแรกที่จัดเป็นงานปาร์ตี้แบบตะวันตก แค่ครึ่งห้องหลังก็มีโต๊ะจัดวางกันถึงหนึ่งร้อยแปดโต๊ะ
ท่านปู่เฉินเป็นคนนึกถึงคืนวันเก่าๆ งานเลี้ยงในวันนี้นอกจากจะเชิญบรรดาไฮโซผู้มีอำนาจมาแล้ว ยังเชิญเจ้าของธุรกิจเล็กถึงกลางที่เคยทุ่มเทช่วยเหลือตระกูลเฉินในยุคที่กำลังก่อร่างสร้างตัวด้วย
ที่วันนี้ตระกูลเฉินมีรากฐานได้ขนาดนี้ก็มาจากเฉินชังไห่ที่ฝ่าฟันมาทีละก้าว
บุญคุณเพียงหนึ่งหยดขอตอบแทนด้วยลำธาร
กับธุรกิจเล็กถึงกลางที่เคยช่วยเหลือบรษัทแซ่เฉิน แม้เฉินชังไห่จะไม่เคยพูดถึง แต่ในใจนั้นไม่เคยลืมเลย ยิ่งครั้งนี้ที่เชิญพวกเขามาโดยไม่กลัวว่าจะถูกนินทา เห็นใจจริงของท่านปู่เฉินได้ชัดเจน
บรรดาเจ้าของธุรกิจเล็กถึงกลางเหล่านี้นอกจากจะรู้สึกปลาบปลื้มแล้ว ยังมาถึงงานเลี้ยงก่อนเวลาตั้งนาน
ยังไงซะหากไม่พูดถึงความสัมพันธ์ในวันเก่า เมื่อเทียบพวกเขากับบริษัทแซ่เฉินในวันนี้แล้วพวกเขาไม่มีค่าอะไรเลย ได้รับการเชื้อเชิญเป็นเรื่องที่มีเกียรติสุดๆ จะกล้าวางมาดได้ยังไงกัน
เมื่อเย่เทียนก้าวเข้ามาในห้องจัดเลี้ยงก็กลายเป็นจุดสนใจของงานอย่างไม่ต้องสงสัย สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องมาที่เขาพร้อมกัน
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
ที่ประโยคนี้ถูกกล่าวขานมาตั้งแต่ยุคโบราณจนบัดนี้ย่อมมีความสมเหตุสมผลของมัน
หลังจากโดนจับแต่งตัวด้วยมืออาชีพที่เฉินหวั่นชิงจัดหามาให้แล้ว เย่เทียนเปลี่ยนมาใส่สูทชั้นสูงสไตล์อังกฤษ เผยให้เห็นรูปร่างสูงโปร่งไร้ที่ติ
ทรงผมที่เหนื่อยมากว่าครึ่งชั่วโมงยิ่งเพิ่มความหล่อเหลาสดใสขึ้นไปอีก ให้ความรู้สึกหนุ่มนักธุรกิจผู้เอาแต่ใจอยู่หน่อยๆ
น่าเสียดายที่หลังจากทุกคนมองอย่างพินิจพิเคราะห์ครู่หนึ่งแล้วก็เบนสายตาออกจากเขาอย่างรู้ตัว แยกย้ายไปยุ่งเรื่องของตัวเอง
นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ใครใช้ให้เย่เทียนยังถือถุงพลาสติกสีดำถูกๆในมืออยู่ล่ะ
บวกกับคนที่มาถึงงานแล้วส่วนใหญ่เป็นเจ้าของธุรกิจเล็กถึงกลาง ดูไม่ออกหรอกว่าชุดสูทไร้แบรนด์บนตัวเย่เทียนเป็นงานฝีมือชั้นสูงโดยแท้ จึงอดเห็นเย่เทียนเป็นไอ้โง่ที่จงใจทำตัวเด่นไม่ได้
“ไม่เลว ดูมีชีวิตชีวาดี”
เฉินหวั่นชิงไม่รู้โผล่ออกมาจากตรงไหน เธอมองเย่เทียนตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ไม่รอให้เย่เทียนตอบอะไร เธอก็เปลี่ยนเรื่อง “ของล่ะ เถ้าแก่ซุนให้นายมามั้ย”
“นี่ไง”
เย่เทียนรีบยื่นถุงพลาสติกสีดำที่มือขวาไปให้และถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เมียจ๋า ตาเฒ่านั้นเป็นใครเหรอ ฉันดูแล้วเขาไม่ธรรมดาเลยนะ”
“สมัยก่อนเถ้าแก่ซุนเป็นถึงช่างสลักเพชรพลอยชื่อดังเชียวล่ะ น่าเสียดายที่ต่อมาเกิดเรื่องบางอย่างที่ทำให้เมียเขาตาย เขาจึงไม่รับงานอีก”
“ถ้าไม่ใช่ว่าหลายปีก่อนฉันช่วยเขาไว้เยอะ เขาคงไม่สลักให้ฉันหรอก”
ในขณะที่อธิบายไปอย่างเรียบง่าย เฉินหวั่นชิงก็เปิดถุงพลาสติกสีดำดู และพยักหน้าอย่างพอใจ
“เถ้าแก่ซุนก็คือเถ้าแก่ซุน ฝีมือดีไม่เปลี่ยน!”
เย่เทียนพยักหน้าอย่างใช้ความคิด ก่อนจะถามหยั่งเชิง “เมียจ๋า ทำไมผมรู้สึกคุ้นหยกแบบนี้จัง”
“ก็หยกเขียวจักรพรรดิที่นายพนันมาได้ตอนที่ฉันไปตลาดหินหยกกับนายไง”
“ฉันเห็นนายทิ้งไว้บนรถนึกว่านายไม่เอา จึงหยิบมาให้เถ้าแก่ซุนช่วยสลักเป็นของขวัญวันเกิดให้คุณปู่ได้พอดี”
เฉินหวั่นชิงพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะมีสีหน้าเย็นยะเยือก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่