ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 290

สรุปบท บทที่ 290 เข้าสู่ตระกูลซูเป็นครั้งแรก: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

สรุปตอน บทที่ 290 เข้าสู่ตระกูลซูเป็นครั้งแรก – จากเรื่อง ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดย Light-Knight

ตอน บทที่ 290 เข้าสู่ตระกูลซูเป็นครั้งแรก ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ โดยนักเขียน Light-Knight เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“พี่สาว เมื่อกี้ที่วิ่งผ่านไปคืออะไรหรือ?”

เด็กสาวคนหนึ่งขยี้ตาและถามหญิงสาวที่อยู่ข้างๆเธอด้วยใบหน้าที่คล้ายคลึงกับสับสน

"รถหนึ่งคัน!"

ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตำแหน่งคนขับจ้องเขม็งไปที่เงารถข้างหน้าที่ค่อยๆไปไกล และสีท้าทายก็ปรากฏขึ้นใต้ตาของเธอ

ขณะตอบน้องสาวของเธอ เธอเหยียบคันเร่งโดยไม่ลังเล ไล่ตามเงาสีเหลืองที่อยู่ข้างหน้าเธอ

ถ้ามีคนเห็นหญิงสาวสองคนนี้ พวกเขาจะต้องอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานอย่างแน่นอน

ไม่ใช่อะไร เพราะทั้งสองคนนี้เป็นลูกสาวของตระกูลฮั่วที่ทำให้ตระกูลใหญ่หลายตระกูลในจ๊กกลางรู้สึกหวาดกลัว!

น้องสาวคือฮั่วหลิงเยว่ซึ่งนั่งอยู่ข้างคนขับ ส่วนคนที่นั่งอยู่บนตำแหน่งคนขับคือพี่สาวฮั่วเยี่ยนจื่อ!

“รถคันนั้นเร็วมาก! คาดว่าความเร็วแบบนี้ คนที่จะขับได้แบบนี้ต้องอยู่ในระดับราชารถเท่านั้นมั้ง?”

ฮั่วหลิงเยว่สังเกตเห็นดวงตาของพี่สาวของเธอเต็มไปด้วยเจตนาแข่งขัน แต่เธอก็ไม่กังวลเลย ในทางกลับกัน เธอหัวเราะอย่างตื่นเต้น และในดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นที่จะรีบเร่ง

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด รถคันนั้นน่าจะเป็นลัมโบร์กีนีของซูเย่าหมิง!”

ฮั่วเยี่ยนจื่อขับเฟอร์รารีสีแดงเพลิงอย่างชำนาญ และเพลิดเพลินไปกับความตื่นเต้นที่เกิดจากความเร็วอันรวดเร็ว

“ซูเย่าหมิง? ไม่ใช่มั้ง!”

ฮั่วหลิงเยว่ส่ายหัวปฏิเสธทันที “ด้วยทักษะการขับขี่ที่ย่ำแย่ของเขา แม้แต่รถทหารก็ตามไม่ทัน เขาจะขับเร็วขนาดนี้ได้ยังไง”

“ฉันแค่บอกว่ามันเป็นรถของเขา แต่ไม่ได้หมายความว่าเขากำลังขับรถอยู่นิ”

มุมปากของฮั่วเยี่ยนจื่อเผยรอยยิ้มที่มีความหมาย และเธอก็เหยียบคันเร่งอีกครั้ง เฟอร์รารี่ก็เร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่งอีกครั้งในทันที

ในขณะที่ขับผ่านไป เธอแค่เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างคนขับ แต่เธอไม่ได้เห็นหน้าเธอชัดเลย และเธอจะมีเวลาไปดูคนขับได้อย่างไร

แต่ด้วยสิ่งนี้ เธอจึงมีความมั่นใจอย่างมากว่าไม่ใช่ซูเย่าหมิงเป็นคนขับรถอย่างแน่นอน

จากความเข้าใจของเธอที่มีต่อซูเย่าหมิงหากได้ออกมากับหญิงสาวที่สวยๆจริงๆ เขาคงจะขับรถชักช้าเหมือนหอยทาก และอวดให้พวกคนระดับล่างดู

เย่เทียนสังเกตเห็นร่างสีแดงที่วิ่งไล่ตามด้านหลังจากกระจกมองหลัง ลูบจมูกของเขาและยิ้มอย่างขมขื่น

อย่างน้อยรถที่เขาขับก็เป็นลัมโบร์กีนี บวกกับสนามบินอยู่ในย่านชานเมือง ดังนั้นประชากรจึงค่อนข้างน้อย ด้วยความอยากสนุกเย่เทียนจึงขับรถเร็วขึ้น แต่ก็ดึงดูดความสนใจจากผู้ที่ชื่นชอบการแข่งรถอย่างไม่คาดคิด

แม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เย่เทียนก็ไม่ได้ตั้งใจจะปรับรถให้ช้าลง แทนที่จะเสียเวลาโดยถูกอีกฝ่ายไล่ทัน จะดีกว่าไหมที่จะทิ้งอีกฝ่ายไว้ท้ายรถ!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่เทียนก็เตือนซูเหมยที่รู้สึกตึงเครียดอยู่ข้างเขา“คุณนาย รีบจับรถดีๆ รอให้ผมกำจัดรถที่อยู่ข้างหลังแล้วจะค่อยๆช้าลง”

แม้ว่าเธอจะหวาดกลัวจนแข็งไปทั้งตัว แต่ก็มีสีแดงเลือดแปลกๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูเหมย เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกสะใจและตื่นเต้นมาก

มือของเย่เทียนหมุนอยู่ที่พวงมาลัยอย่างรวดเร็ว และเท้าขวาของเขาเหยียบคันเร่งโดยตรงโดยไม่ลังเลใดๆ

ไม่มีการสะบัดหางที่น่าตกตะลึง มีแต่ความเร็วราวกับลม!

ความเร็วสูงสุดนั้นเพียงพอสำหรับเย่เทียนที่ทิ้งเงาสีแดงเพลิงที่ไล่ตามเขาไปยังประเทศชวา!

"แม่งๆๆ! ใครเป็นคนขับรถ!"

เมื่อเห็นว่าไม่ว่าพี่สาวของเธอจะพยายามไล่ตามแค่ไหน ระยะห่างของลัมโบร์กีนีตรงหน้าเธอก็ยิ่งไกลขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฮั่วหลิงเยว่ไม่มีเวลาสนใจภาพลักษณ์ของกุลสตรี และพ่นคำหยาบออกมาซ้ำๆ

ผู้หญิงคนนั้นมองซูเหมยอย่างเอ็นดู "นายท่านได้ยินมาว่าวันนี้คุณจะกลับมา เอะอะก็ให้ฉันออกมาดูหลายครั้งเลยเชียว"

ระหว่างพูด ผู้หญิงคนนั้นเหลือบมองเย่เทียนโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

“น้าฟาง”

ซูเหมยทักทายหญิงวัยกลางคนและถามอย่างเร่งรีบ “ฉันได้ยินจากแม่ของฉันเมื่อสองวันก่อนว่าคุณปู่ไม่สบาย เป็นยังไงบ้าง? คุณปู่ป่วยหนักหรือเปล่า?”

“ในตอนกลางวัน นายท่านดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร…”

น้าฟางส่ายหัวอย่างขมขื่น “แต่ตอนกลางคืนก็จะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และทั้งตัวก็จะแดง สองสามวันนี้ได้เชิญแพทย์ที่มีชื่อเสียงในเมืองจนหมด แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าเป็นอะไร ”

ในระหว่างการสนทนา น้าฟางรีบเดินพาซูเหมยเข้าไปในบ้าน

ในเวลานี้ เย่เทียนเพิ่งรู้ว่าทำไมซูเหมยจึงรีบกลับมา เป็นเพราะนายท่านซูป่วย และฟังคำพูดของคนใช้ ดูเหมือนเป็นโรคประหลาด!

ซูเหมยเริ่มกังวลเมื่อเธอได้ยินคำพูดนั้น และลืมให้คนจัดที่นอนให้เย่เทียน และต้องการไปพบคุณปู่ก่อน

เย่เทียนจะยืนอยู่คนเดียวซื่อๆก็คงไม่ใช่ เขาเดินตามทั้งสองคนเข้าไปโดยตรง

เมื่อเข้าไปในวิลล่า เหมือนมีกลิ่นของยาสมุนไพรที่เข้มข้น ซึ่งทำให้เย่เทียนค่อนข้างคุ้นเคยกับสมุนไพรนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะดมอีกสองสามอึก แต่หลังจากแยกแยะส่วนผสมของยาสมุนไพรแล้ว สีหน้าของเขาก็เริ่มแปลก

ภายใต้การนำทางของน้าฟาง ทั้งสองรีบเข้าไปในห้อง สิ่งแรกที่เข้ามาในตาคือหญิงวัยกลางคนที่ประดับด้วยเพรชพลอยนั่งอยู่ข้างเตียง เป็นแม่ซูจ้าวเสว่เฟินที่เย่เทียนเคยเจอหนึ่งครั้ง

นอกจากนี้ ยังมีชายชราร่างผอมบางนอนอยู่บนเตียงนุ่มขนาดใหญ่ และเมื่อเขาเห็นร่างของซูเหมย เขาก็เผยรอยยิ้มที่มีความสุขในทันที

แค่คิดด้วยตีน เย่เทียนก็รู้ว่าชายชราคนนี้ต้องเป็นปู่ของซูเหมย นายท่านซูของตระกูลซูซูหงจูน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่