ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเคยมีประสบการณ์มาก่อนรึเปล่า วิชาดูดพลังในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เย่เทียนควบคุมร่างกายไม่ได้เหมือนกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง มันแค่ทำให้เขารู้สึกไม่สับสนเท่านั้น
แต่ว่า เย่เทียนก็ไม่ได้ทำอะไรโดยไม่ยั้งคิด แกล้งทำเป็นควบคุมร่างกายไม่ได้ จากการถูกดึงด้วยเส้นด้ายอย่างแรง จึงทำให้เข้าใกล้ฮวาอวี่เฟยขึ้นไปทุกที
“ฮวาอวี่เฟยนี่แข็งแกร่งมากเลย จะปล่อยให้เขาหนีรอดไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นต่อไปต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน!”
ดวงตาสีดำของเย่เทียนหมุนวนอย่างวุ่นวาย พร้อมกับจิตสังหารอันเย็นเยือกที่ซ่อนอยู่ในแววตา
ฮวาอวี่เฟยนั้นถือเป็นคนที่มีความสามารถมาก วิชาดูดวิญาณที่คิดค้นขึ้นมาก็เหมือนจะมีแนวโน้มไปทางเวทมนต์ ถ้าผ่านไปนานกว่านี้จะต้องกลายเป็นเวทมนต์ที่แท้จริงแน่นอนพอถึงตอนนั้นเกรงว่าการสู้กับระดับที่สูงกว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร!
บนเส้นทางของสายบู๊ ถ้าต่างกันแค่ระดับหรือขั้นเดียว มันก็แตกต่างกันเป็นพันเป็นหมื่นขั้นเลย!
ต่อให้เย่เทียนจะฝึกคัมภีร์หวงมาก็ตาม ถ้าจะให้เย่เทียนต่อกรกับระดับที่สูงกว่า ประชันไม่กี่กระบวนท่ายังพอได้ แต่ถ้าต้องสู้แบบชี้ชะตา คนที่ตายก็ต้องเป็นเขาแน่นอน
“ถ้าเป็นคนทั่วไปคงจะตายในมือคุณไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่คนที่คุณเจอมันเป็นผม พบกับผมที่ตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจหน้าปกทอง!”
เมื่อเห็นว่าเข้าใกล้ฮว่าอวี่เฟยมากขึ้นเรื่อยๆ สายตาที่ดุร้ายของเย่เทียนก็ได้บังเกิดขึ้น
“ฮวาอวี่เฟย วันนี้ผมจะทำให้คุณได้เห็น ว่าเวทมนต์ที่แท้จริงมันเป็นยังไง!”
ร่างกายของเย่เทียนยืดตรงอย่างกะทันหัน ในขณะที่เส้นด้ายอันแข็งแกร่งที่พันธนาการได้ระเบิดออกไปทุกทิศทุกทาง ด้านหลังของเขาก็ได้ปรากฏเงาลวงตี้จวินองค์ใหญ่ขึ้น!
“ปะ เป็นไปได้ยังไง?”
ฮว่าอวี่เฟยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที คาดไม่ถึงว่าจะมีใครที่สามารถหลุดออกจากวิชาดูดพลังที่เขาคิดค้นขึ้นมาอย่างเพียงผู้เดียวได้
“ท่ามังกรเก้า กระบวนท่าที่สาม จักรพรรดิจับกุมจตุสมุทร!”
เย่เทียนที่สั่งสมมาเป็นเวลานานก็กำลังรอจังหวะนี้อยู่เลย อาศัยจังหวะที่ฮวาอวี่เฟยกำลังช็อก ได้ทำการโจมตีออกไปอย่างกะทันหัน ตอนนี้ก็บอกได้เลยว่ามันสำเร็จไปได้อย่างง่ายดาย
เห็นเพียงเงาลวงตี้จวินที่อยู่ด้านหลังเย่เทียนค่อยๆ ยื่นมือซ้ายออก ค่อยๆ โน้มตัวลงมา ฝ่ามือได้ตบลงมาที่ฮวาอวี่เฟยและได้มาถึงในพริบตา
ท่าเก้ามังกรนั้นเป็นวิชาเวทอย่างแท้จริง และไม่ต้องรอเวลาอะไรทั้งนั้น
“แม่งเอ๊ย!”
ฮวาอวี่เฟยสีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ขับเคลื่อนกำลังภายในให้ถึงขีดสุด เสื้อผ้าบนร่างกายขยับโดยปราศจากลม แม้แต่ผมยังถูกพัดจนโบกสะบัดไปด้านหลัง
เห็นเขาค่อยๆ ยื่นมือทั้งสองออก และปรากฏกำแพงดินมายาที่ถูกสร้างขึ้นจากกำลังภายในขึ้นบนหัว!
กำแพงดินพวกนี้สูงประมาณสิบเมตร หนาสองฟุต รวมๆ กันแล้วไม่น่าจะน้อยกว่ายี่สิบชั้น เห็นได้ชัดว่าฮวาอวี่เฟยนั้นได้ปลดปล่อยวิชาที่ฝึกฝนออกมาจนถึงขีดสุดแล้ว
ตุบตุบ!
แต่ทว่า กำแพงดินเหล่านี้ไม่สามารถต้านทานฝ่ามือของเงาที่ซัดลงมาได้เลยแม้แต่นิดเดียว ทันทีที่กระทบกัน พวกมันก็จะแตกออก ฟื้นกลับไปเป็นชี่ทิพย์ฟ้าดินอีกครั้ง และสลายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
จี๊ดจี๊ด!
ในเวลาเพียงไม่นาน ฝ่ามือมายาก็ได้ทำลายกำแพงดินไปมากมายด้วยความง่ายดาย ทำให้ฮวาอวี่เฟยค่อยๆ ถูกชี่กังกดทับลงมา
ยังไงนี่มันก็เป็นโล่ที่ฮวาอวี่เฟยฝึกฝนมาทั้งชีวิต จนมันควบแน่นจนแทบถึงเนื้อแท้ ความสั่นสะเทือนอย่างรวดเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เกรงว่าต่อให้โยนระเบิดเข้าไป ฮวาอวี่เฟยก็ไม่น่าจะเป็นอะไรเลย
และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนักบู๊ระดับดำถึงสามารถเดินอย่างองอาจได้ในประเทศจีนได้นั่นเองการที่มีโล่คอยคุ้มกันอาวุธสงครามในยุคนี้ก็ยากที่จะทำอันตรายอะไรได้ แล้วยังต้องพูดถึงฮวาอวี่เฟยที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับดินอีกเหรอ?
เพียงแต่ หลังจากที่โล่ของฮวาอวี่เฟยต้านการโจมตีไปไม่กี่วิ
หลังจากที่เกิดเสียงแกร้กขึ้น โล่คลุมตัวที่ปะทะกับกระบี่มายาก็ได้แตกออก แล้วก็ระเบิดไปทั่วทุกสารทิศ
ตู้ม!
วินาทีต่อมา โล่ที่คลุมตัวก็แตกสลายอย่างสมบูรณ์ ฝ่ามือมายาได้กดฮวาอวี่เฟยลงไปอย่างแรง ทำให้แผ่นดินสะเทือนไปทั่ว ราวกับการเกิดแผ่นดินไหว
หลังจากที่เงาลวงตี้จวินหายไป บนพื้นจะไปมีร่องรอยของฮวาอวี่เฟยได้ยังไง เหลือเพียงเศษเนื้อที่ถูกบดจนแหลกละเอียดเท่านั้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่