“ได้ ฉันจะพนันกับนาย!”
ฉีหลินชิ่งกวาดสายตามองเย่เทียนด้วยรอยยิ้มเย็น ก่อนจะพูดเสียงกังวาน “ว่ามาสิ นายจะพนันแบบไหน?”
ในเมื่อเขาเป็นนักข่าวที่ถูกขนานนามว่าปากกล้า ต้องล่วงเกินคนอื่นไว้มากมายอยู่แล้ว ที่จนบัดนี้ยังปลอดภัยดีเป็นการพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา ทำไมเขาจะมองไม่ออกว่าเย่เทียนจงใจพูดจายั่วยุเขา?
แต่ เขาเห็นความเน่าเปื่อยของหนังศีรษะคุณลุงกับตา ในเวลาสั้นๆแค่สิบนาทีจะหายดีได้ยังไง
นี่เป็นเรื่องที่ชนะได้แน่นอนอยู่แล้ว มีอะไรต้องกลัวกัน?
“พนันอะไรเหรอ? คุณทิ้งโจทย์ยากให้ผมซะแล้ว”
“ดูท่าทางขี้ขลาดของคุณสิ คงจะไม่มีทั้งเงินไม่มีทั้งอำนาจ ไม่รู้เลยจริงๆว่าจะพนันอะไรกับคุณดี”
“กวนชี เธอมีความคิดดีๆมั้ย?”
เย่เทียนมองฉีหลินชิ่งตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูถูก ก่อนจะทอดสายตาไปที่กู้กวนชี คิดจะรวมหัวเพื่อหาหนทางที่ดี
กู้กวนชีอยู่ข้างเย่เทียนตลอด เมื่อกี้เธอมองเห็นอย่างชัดเจนผ่านช่องว่างระหว่างป้ายโฆษณา
บัดนี้ได้ยินเย่เทียนถามตัวเองจึงรู้สึกตัวทันที ลูกตาเป็นประกายกลอกไปมา และคิดแผนร้ายออกในบัดดล
“คุณชายเย่คะ ฉันว่าใครแพ้ก็แก้ผ้าแล้ววิ่งรอบที่นี่สามรอบดีมั้ยคะ”
เย่เทียนมองกู้กวนชีอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าแม่นี่จะเล่นใหญ่ขนาดนี้
แต่เย่เทียนพึงพอใจกับความคิดนี้มาก จึงไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่มองฉีหลินชิ่งอย่างตั้งคำถาม
“แหม เขยของบริษัทแซ่เฉินจะแก้ผ้าวิ่งรอบห้างสามรอบเหรอ? ดูท่าจะได้ข่าวหน้าหนึ่งพรุ่งนี้เพิ่มซะแล้วสิ!”
ฉีหลินชิ่งที่คิดไปเองว่าชนะแน่ๆไม่ได้ระแวงอะไรมาก เขากอดอกอย่างมั่นใจและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็น
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าตกลงแล้วใช่มั้ยครับ?”
เย่เทียนไม่โกรธ เขามองฉีหลินชิ่งด้วยรอยยิ้มบางๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งคำตอบที่แม่นยำ
“ฉันตกลง”
ฉีหลินชิ่งพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ดี ถ้าอย่างนั้นทุกท่านเป็นพยานให้ด้วยนะครับ!”
“ทุกท่าน ตอนนี้ขอเชิญทุกท่านเบิกตาให้กว้าง นาทีที่จะได้เห็นปาฏิหาริย์มาถึงแล้วครับ!”
เย่เทียนยิ้มอย่างมีเลศนัย นัยน์ตาสีนิลของเขากวาดมองไปรอบฝูงชนและไม่เสียเวลาต่อ
“เฮอะ นายจะคุยโวให้ตายยังไงก็เปล่าประโยชน์ อีกเดี๋ยวฉันจะรอดูว่านายจะทำยังไง”
ฉีหลินชิ่งหัวเราะเย็นๆอย่างดูหมิ่น เมื่อคิดไปถึงว่าอีกเดี๋ยวเย่เทียนต้องเปลือยและวิ่งรอบที่นี่สามรอบก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างได้ใจ
ขณะเดียวกัน ยามสามสี่คนเดินมายกป้ายโฆษณาออกตามคำสั่งของเย่เทียน
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!”
ผู้คนที่ตั้งตารอต่างสูดหายใจเข้าลึก อดอุทานเสียงหลงออกมาไม่ได้
แม้ว่าจะไม่มีการสาดส่องจากแสงไป แต่เวลานี้คุณลุงที่ไม่มีสิ่งใดมาปกปิดนั้น ไม่มีใครบดบังรัศมีของเขาได้เลย
เดิมทีกว่าครึ่งหนังหัวของเขานั้นเน่าเปื่อย แต่บัดนี้มองไปความเน่าเปื่อยนั้นได้หายไปจนหมดสิ้น
ถึงแม้หนังศีรษะของเขายังไม่คืนสภาพดังเดิม แต่เห็นได้ชัดว่าดีขึ้นกว่าเมื่อกี้ไม่รู้กี่เท่า
ภาพอัศจรรย์ใจนี้ส่งผลให้ทุกคนในที่นี้ตาโตอ้าปากค้างอย่างไม่ต้องสงสัย ปากกว้างขนาดนี้ยัดไข่เข้าไปได้ทั้งฟองเลยล่ะ
“ว้าว! นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?”
“ปาฏิหาริย์ นี่มันปาฏิหาริย์จริงๆด้วย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่