“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น?”
“ให้ตายสิ พี่ใหญ่เหลยมาได้ไงเนี่ย?”
“แล้วไอ้หมอนั่นคือใคร ดูเหมือนว่ามันยั่วยุให้พี่ใหญ่เหลยโมโหแล้วสิ มันต้องตายแน่!”
เมื่อเห็นเหลยเหลาหู่และคนของเขายืนอยู่หน้าประตูบาร์ ผู้คนมากมายก็หันมองมาและให้ความสนใจทันที!
“แกน่ะเหรอเย่เทียน?”
“ได้ข่าวว่าเจ๋งนักใช่ไหม ถึงกล้าแตะต้องคนของข้า? ยังเคยเล่นงานคุณชายซุนจนฟกช้ำไปทั้งหน้าด้วย นานแล้วนะที่ไม่มีใครกล้ามาซ่าในถิ่นของข้าแบบนี้!”
เหลยเหลาหู่คาบบุหรี่ในปากแล้วพูดกับเย่เทียนอย่างเย็นชา
เย่เทียนกวาดมองไปรอบๆ เขาพบว่ามีคนมากกว่ายี่สิบคนที่มือเท้าสะเอวและดูเหมือนมีอาวุธติดตัวกันทุกคน
แต่เขาไม่ได้สนใจ ได้แต่จับจ้องไปที่เหลยเหลาหู่แล้วพูดเบาๆ ว่า “คุณต้องการอะไร?”
“ต้องการอะไรงั้นเหรอ? หักแขนหักขาทั้งคู่ของแกไงล่ะ!”
ซุนปินเดินออกมาพูดอย่างเย็นชา
“โอ้ว? ขนาดนี้เลยเหรอ?”
เย่เทียนมองดูเหลยเหลาหู่ด้วยความสนใจและไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย “คุณหมายความว่าอะไรครับ?”
เหลยเหลาหู่ที่เห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นแน่นๆ
เขาเดินอยู่ในเส้นทางของนักเลงมานานหลายปี แน่นอนว่าต้องผ่านลมผ่านฝนมาเยอะแยะมากมายอยู่แล้ว แต่โดยปกติ ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ศัตรูของเขาคงต้องกลัวจนร้องไห้หาแม่และคุกเข่าลงเพื่อขอความเมตตาแล้ว
แต่แล้ว เย่เทียนกลับสีหน้าเฉยเมยและยังถามเขาอย่างท้าทาย?
ไอ้หมอนี่มันเอาความมั่นใจมาจากไหน?
เหลยเหลาหู่คิดอยู่ในใจแต่ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า ได้แต่พูดอย่างเย็นชาว่า “แน่นอน ข้าเหลยเหลาหู่ไม่ใช่คนไร้เหตุผลอยู่แล้ว แกทำร้ายร่างกายคุณชายซุนกับลูกน้องของข้า ข้าจะเอาแขนทั้งสองข้างของแก แต่แกไม่ถึงกับตายหรอกนะ!”
เป็นคำพูดที่ฟังดูแน่วแน่มาก ดูเหมือนเขาคิดจะเอาแขนทั้งสองข้างของเย่เทียนไปได้ทุกเมื่ออย่างไรอย่างนั้น!
ห่าวเหรินที่ได้ยินเช่นนี้ก็กลัวจนทำอะไรไม่ถูก เขากัดฟันและรีบเดินไปข้างหน้า
“พี่ใหญ่เหลย ให้โอกาสผมหน่อยนะครับ เพื่อนผมก้าวก่ายคุณไปแล้ว ในนี้มีเงินสองแสน พี่ใหญ่เหลยยกโทษให้เขาเถอะครับ!”
ห่าวเหรินหยิบบัตรธนาคารออกมาด้วยมือที่สั่นเทาและยื่นมันออกไป
เงินสองแสน เป็นรายได้ทั้งหมดในหนึ่งโครงการของเขาเลย แต่เขายอมเอาออกมาเพื่อใช้ในการปกป้องเย่เทียน
เย่เทียนที่เห็นสิ่งนี้ก็รู้สึกอบอุ่นใจ และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
ซึ่งการกระทำของห่าวเหรินทำให้เย่เทียนรู้สึกยอมรับในความเป็นเพื่อนของเขาจริงๆ!
“แมร้ง ไอ้อ้วน แกมีสิทธิ์อะไรมาขอร้องพี่ใหญ่ของเราวะ?”
ลูกสมุนคนหนึ่งเดินออกมาด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งและยกมือขึ้นเพื่อจะตบห่าวเหริน!
ห่าวเหรินที่ยังไม่ทันตั้งตัวจึงได้แต่ยืนนิ่งให้เขาตบ!
ในช่วงเวลาวิกฤติที่สุด สายตาของเย่เทียนเคร่งขรึม และทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปคว้ามือของลูกสมุนคนนั้นไว้เพื่อไม่ให้เขาตบห่าวเหริน
“คุยไม่ถูกคอก็จะลงไม้ลงมือเลย คุณมีเหตุผลไหม?”
“เหตุผล? คำพูดของกูก็คือเหตุผล!”
ลูกสมุนคนนั้นไม่คิดว่าเขาจะถูกห้ามไว้ได้ เขาจึงจ้องเขม็งไปที่เย่เทียนอย่างมุ่งร้าย “ในเมื่อมึงคิดว่ามึงเป็นพี่ใหญ่ งั้นกูขอจัดการมึงก่อนก็แล้วกัน!”
ในขณะที่พูดอยู่ เขาพยายามดึงแขนกลับมา
แต่เมื่อขยับแล้ว เขาก็พบว่าแขนของเขาเหมือนถูกคีมล็อกไว้อย่างแน่นหนา ต่อให้ใช้แรงทั้งหมดที่มีก็ไม่สามารถดึงกลับมาได้
ทุกคนที่เห็นภาพนี้ก็หัวเราะคิกคัก
“เปียวจื่อ นี่นายไม่ได้กินข้าวมาเหรอ? แค่ดึงมือกลับยังทำไม่ได้?”
“หรือว่าเมื่อคืนในชุยฮวา นายใช้แรงไปหมดแล้ว?”
“วันหลังอย่าบอกว่าเป็นเพื่อนเรานะ อายเขา!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่