“เย่เทียน?”
เมื่อมองเย่เทียนที่อยู่ใกล้กับจี้เยียนหรัน สีหน้าของผางอานคางก็มืดมนลงในทันใดพร้อมกับพูดอย่างเยาะเย้ย “นายเป็นตัวแทนที่ไร้ประโยชน์ของเมืองเจียนหนันที่ถูกจัดส่งมาเหรอ?”
“ตัวแทนที่ไร้ประโยชน์?”
เย่เทียนตกตะลึงไปชั่วครู่ก่อนจะคืนสติกลับมา เขาไม่ได้โกรธแต่กลับยิ้มและพยักหน้า “ปากอยู่บนตัวของนาย นายจะพูดแบบนั้นฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้”
เมื่อผางอานคางได้ยินคำตอบของเย่เทียน การดูถูกในสายตาของเขากลับรุนแรงกว่าเดิม เขาเยาะเย้ยอีกฝ่ายขนาดนี้แต่กลับไม่โกรธเลยงั้นเหรอ?คงเป็นพวกขี้ขลาดตาขาวสินะ?
“เจ้าหนู ฉันขอโน้มน้าวนายเลยว่าทางที่ดีมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นซะ!”
“ยังไงซะนายก็ไม่ได้มาจากกองทัพของเรา ดังนั้นมันคงไม่เสียหน้าหากถอยไปตั้งแต่ตอนนี้!”
“ไม่เช่นนั้นเกรงว่านายจะใช้ชีวิตอย่างไม่สงบสุขที่เมืองเจียงหนันอีกต่อไป!”
ไม่พูดคงไม่ได้ว่าคำพูดของผางอานคางนั้นช่างดูจองหองเสียจริง
แต่สิ่งที่เขาพูดก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล อย่างน้อยเขาก็แน่ใจว่าเขามีความสามารถที่จะทำให้เย่เทียนใช้ชีวิตอย่างลำบากได้ช่วงหนึ่งเลยล่ะ!การทำให้คนนอกต้องล่าถอยออกไปก็ง่ายเหมือนกับการเล่นอย่างไงอย่างงั้น
“จิ๊จิ๊ ถ้าเป็นเช่นที่นายพูด งั้นตอนนี้ฉันก็ควรที่จะหันหลังกลับไปซื้อตั๋วเครื่องบินกลับเลใช่หรือไม่?”
เมื่อเย่เทียนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกขบขันแต่ใบหน้ากลับแสร้งทำเป็นกลัว
“ฮ่าฮ่า!ไม่ผิด!ตอนนี้นายควรไสหัวกลับไปอย่างเศร้าหมองซะ!”
ผางอานคางมองเย่เทียนอย่างเย็นชา ไม่ได้มีเขาในสายตาแแม้แต่น้อย
ดวงตาสีเข้มของเย่เทียนนั้นหรี่ลงเล็กน้อย เขาแค่เดินมาและทักทายแต่กลับโดนอีกฝ่ายไล่ให้กลับไปเสียนี่ เสือที่ไม่แสดงบารมีก็กลายเป็นแมวไปเลยงั้นสิ?
“ไสหัวไป?ต้องขอโทษจริงๆ ในพจนานุกรมของฉันไม่มีคำคำนี้อยู่!”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มุมปากของเย่เทียนก็ได้ยิ้มออกมาอย่างขี้เล่น “ไม่อย่างนั้นนายสาธิตให้ฉันดูก่อนสิ?”
“สาธิต?นี่แม่มึงล้อเล่นใช่ป่ะ?”
ทันใดนั้นผางอานคางก็โกรธจัด เขาโบกมือออกโดยไม่คิดอะไร
เห็นเพียงแค่ชายร่างกำยำสองคนเดินเข้ามาพร้อมกับพูดทำความเคารพผางอานคาง “หัวหน้าผาง เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?”
ผางอานคางชี้ไปที่เย่เทียนและพูดเยาะเย้ยว่า “ฉันมองไอ้หนูนี่แล้วอารมณ์เสียจริงๆ จับมันซะ!”
ทันใดนั้นชายร่างกำยำทั้งสองคนก็เข้าใจกัน สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่เย่เทียนอย่างไร้ความปรานี
“เฮ้ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนพวกนายนะ พวกนายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉัน อย่าหาเรื่องให้ตัวเองเลย!”
เย่เทียนสังเกตเห็นคนสองนี้มานานแล้ว เมื่อมองดูรูปลักษณ์อันทรงพลังของพวกเขาแล้วก็ดูออกเลยว่าคเป็นผู้ฝึกสอนเป็นแน่ แต่ทำไมเขาต้องสนใจด้วยล่ะ?
อย่างไรก็ตาม การเตือนด้วยเจตนาที่ดีของเขากลับทำให้ชายร่างกำยำทั้งสองคนตกตะลึงและตอบสนองในทันที ดวงตาจ้องเขม็งราวกับว่าจะพ่นไฟออกมาได้
ทั้งคู่มาจากหน่วยรบพิเศษแต่ตอนนี้กลับมาถูกไอ้เด็กเหลือขอนี่ดูถูก นี่เป็นสิ่งที่ทนไม่ได้!
“ไอ้เด็กเหลือขอ แกนี่หยิ่งใช้ได้เลย!”
เย่เทียนพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับพูดเยาะเย้ยว่า “หยิ่ง?พวกนายหยิ่งยโสกว่านี่?”
สามคนที่มากับเซวหมานจื่อไม่คิดเลยว่าแค่คำพูดไม่กี่คำจะทำให้ทั้งสองฝ่ายนั้นดูเหมือนจะสู้กันจริงๆ
จี้เยียนหรันที่ได้สติก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วพร้อมกับห้ามเย่เทียนเอาไว้ หล่อนพูดกับเย่เทียนด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ผางอานคาง นายทำแบบนี้มันเกินไปหน่อยไหม!”
“เยียนหรัน หล่อนอย่าโกรธสิ!ฉันก็แค่อยากเห็นความสามารถของเขาก็เท่านั้นเอง จะได้ไม่ต้องไปอับอายขายขี้หน้าตอนคัดเลือกสมาชิกไง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่