ในกลางดึก รถทั้งสองคันก็ได้มาถึงทะเลสาบเยี่ยนกุยของเมืองเจียงหนัน
ทะเลสาบเยี่ยนกุยแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเจียงหนัน ที่ผ่านมาก็มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก และการมาถึงในเวลานี้ ก็สามารถเห็นพระจันทร์ที่สะท้อนกับพื้นทะเลสาบที่สวยงาม
ท่ามกลางทะเลสาบนั้นมีเกาะเล็กๆ ขนาดร้อยตารางเมตร และบนเกาะแห่งนั้นยังมีศาลาหลายหลังเพื่อให้ผู้คนมาพักชมวิวของทะเลสาบและนั่งตกปลากัน
หลิวชิงพาลูกน้องสองคนมา ส่วนจ้างตงก็พาลูกศิษย์มาสองคน และถ้ารวมเย่เทียนด้วย ทั้งหมดก็รวมเป็นเจ็ดคนที่มาที่นี่
"ปรมาจารย์จ้างครับ ฆาตกรคนนั้นคือคู่อริของผมเมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาถูกผมไล่ออกไปจากเจียงหนัน และสิบกว่าปีมันเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันไปเรียนทักษะต่างๆ มาจากไหน ถึงได้ฆ่าลูกน้องคนของผมไปนับสิบคน ผมว่าเราระวังไว้หน่อยก็ดีนะครับ"
ขณะที่เดินอยู่บนสะพานเส้นเดียวที่มีอยู่ หลิวชิงพูดกับจ้างตงอย่างเคร่งเครียด
เมื่อจ้างตงได้ยินอย่างนั้น เขาก็หัวเราะอย่างเย็นชา
"ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถ้าผมสามารถเปิดยิมสอนศิลปะการต่อสู้ในเจียงหนันได้ แน่นอนว่าผมต้องแข็งแกร่งพอตัวอยู่แล้วต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นนักบู๊ที่แข็งแกร่งที่สุด ถ้าอยู่ต่อหน้าผมแล้วล่ะก็ มันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมอยู่แล้ว!"
เมื่อฟังคำพูดนี้ เย่เทียนก็เหลือบมองไปที่จ้างตง
จ้างตงคนนี้ไม่ใช่คนเก่งแต่ปาก เขานั้นเป็นคนที่พอมีกำลังภายในอยู่บ้าง และถ้าพูดถึงฝีมือนั้น เขาก็พอเป็นนักบู๊ที่มีระดับได้
แต่ถ้าอีกฝ่ายกล้านำหลิวชิงมาถึงที่นี่อย่างไม่เกรงกลัวใคร ซึ่งบอกได้อีกนัยว่าเขาต้องมีที่พึ่งอย่างแน่นอน
แต่เย่เทียนก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เพราะเขาถูกหลิวชิงเชิญมา ไม่ว่าเรื่องมันจะจบอย่างไง เงินที่ตกลงกันไว้เขาต้องได้อย่างแน่นอน
ในเมื่อมีผู้นำอยู่แล้ว เขาก็ขี้เกียจรับบทเป็นตัวเด่นเหมือนกัน
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งเจ็ดคนก็เดินมาถึงเกาะเล็กๆ ในทะเลสาบแห่งนั้น
"โย่ว หลิวชิง ไม่นึกเลยนะว่านายยังกล้ามาที่นี่อีก!"
ในขณะนั้น เสียงตะโกนที่มีชีวิตชีวาก็ดังมาทางนี้
ทุกคนหันไปมองทันที และเห็นชายที่มีอายุประมาณสามถึงสี่สิบยืนอยู่ตรงศาลาที่อยู่ไม่ไกล
เขาสวมใส่ชุดซามูไรพร้อมกับใบหน้าที่อวบอ้วน และบนใบหน้าของเขายังเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นที่ซึ่งดูแล้วน่ากลัวมาก
"เหล่ยซิงไห่ อย่าบอกนะว่าความคับแค้นใจนับสิบกว่าปีนี้นายยังไม่คิดจะลืมมันอีก? ข้ายอมรับในความเป็นลูกผู้ชายของนายนะ แต่ข้าอยากบอกนายว่า เรามาวางมือกัน แล้วมาร่วมมือกันเพื่อตามหาความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ในเจียงหนันนี้ดีกว่าไหม?"
หลิวชิงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และพูดคำนี้ออกมา
หลายวันที่ผ่านมานี้ เขาถูกโจรก่อกวนอย่างไม่รู้จบสิ้น และไม่ว่าจะใช้วิธีไหน เขาก็ตามหาเบาะแสของอีกฝ่ายไม่ได้
และสิ่งนี้ก็ทำให้หลิวชิงรู้ว่าเหล่ยซิงไห่ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ฝีมือเขาไม่ได้เหมือนคนทั่วไปอีก และใจจริงเขาก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ
เมื่อชายที่ชื่อเหล่ยซิงไห่ได้ยินอย่างนั้น เขาก็หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นเขากระทืบเท้าและกระโดดลงมาจากศาลาราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่นและค่อยๆ สัมผัสกับพื้น
และต่อมาเขาเอามือไขว้หลังแล้วค่อยเดินไปข้างหน้า
"นายอยากให้ข้าวางมือ ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้หรอกนะ แต่นายต้องจ่ายด้วยมือข้างหนึ่งของนาย และให้ข้าฝากบาดแผลบนใบหน้าของนาย แล้วเราค่อยมาคุยกัน"
สีหน้าของหลิวชิงเคร่งขรึมลงทันที "หมายความว่าเราคุยกันไม่เข้าใจสินะ?"
"เหอะ คืนนี้นายต้องตายที่นี่!"
เหล่ยซิงไห่ฮึดฮัดไม่พอใจพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
หลิวชิงไม่พูดอะไรมาก และมองไปที่จ้างตงแล้วพูดว่า "ปรมาจารย์จ้าง ต้องรบกวนคุณแล้วครับ"
"แค่เรื่องเล็ก!"
จ้างตงยักไหล่ เขาสังเกตวเหล่ยซิงไห่คนนี้แล้ว แม้อีกฝ่ายจะดูแข็งแกร่งมาก แต่เขาไม่ได้รู้สึกกลัวเลย
"เสี่ยวเหว่ย ไปลองฝีมือกับมันหน่อย"
ทันทีที่พูดจบ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็กระโดดออกมาแล้วประสานกำปั้นทั้งคู่ของเขาต่อหน้าเหล่ยซิงไห่และพูดว่า "ผมหวงเหว่ยจากยิมมวยตงเชิ่ง โปรดชี้แนะด้วยครับ"
เมื่อเห็นหวงเหว่ยก้าวออกมา เหล่ยซิงไห่ก็มองดูเขาอยู่สักพักและหัวเราะเยาะออกมาทันที "ไอ้โง่ไร้สมองยังกล้ามาท้าทายข้างั้นเหรอ? ในเมื่อนายจะใช้กฎของยุทธจักร งั้นข้าจะเล่นกับนายก็แล้วกัน แต่ไม่ต้องกลัวหรอก ข้าจะเก็บศพที่ครบสามสิบสองประการของนายไว้!"
"กล้าดูถูกข้างั้นเหรอ?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่