กู้กวนชีเห็นสถานการณ์นี้ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยเช่นกัน ถูกติงเหล่ยปฏิเสธคำพูดของตนเองแล้ว ในใจเธอไม่พอใจอยู่บ้าง แม้แต่น้ำเสียงยังเย็นชาอยู่มาก
“หัวหน้าติง การปะทะกันของสองฝ่าย เลี่ยงการบาดเจ็บโดยประมาทได้ยาก จากที่ฉันดูแล้ว คุณอย่าถือสาต่อไปเลย”
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดนี้ แอบพยักหน้ากัน
คนที่มาที่นี่ได้ ล้วนเป็นนักบู๊ที่เคยเรียนต่อสู้ ระหว่างนักบู๊เล่นหมากรุกกัน เพื่อค้นหาผู้แพ้หรือชนะออกมา ความเป็นความตายล้วนเป็นเรื่องปกติ
ส่วนติงเหล่ยคนนี้ คาดไม่ถึงเพราะถูกเย่เทียนโจมตีจนแพ้ จึงมาพูดต่อหน้าทุกคนว่า อยากไล่เย่เทียนออกไป ค่อนข้างเผด็จการเกินไปแล้วมั้ง?
ผู้ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักก็ขมวดคิ้วเช่นกัน เขาเป็นรองหัวหน้าของฝ่ายความปลอดภัย ชื่อว่าเหอเชิ่ง เข้ามาดูสถานการณ์ทางนี้
ในความคิดของเขา วิธีจัดการของกู้กวนชีไม่มีตรงไหนที่ไม่เหมาะสม
โดยเฉพาะอีกฝ่ายเป็นผู้ช่วยท่านประธาน สถานะสูงกว่าพวกเขา ติงเหล่ยไม่พอใจอย่างไร ก็ไม่ควรพูดออกมาต่อหน้าทุกคน
ถ้าให้คนนอกรู้เข้า นี่ไม่ใช่หมายความว่าภายในบริษัทตระกูลเฉินของพวกเขาไม่สามัคคีกัน เพิ่มเรื่องน่าตลกรึไง?
ติงเหล่ยกลับไม่สนใจไยดี พูดแบบหน้าแดงจัด “ผู้ช่วยกู้ คุณไม่เห็นเหรอ? เมื่อกี้เขาต่อยผมมาหมัดหนึ่งแล้ว ตัดสินผลแพ้ชนะได้เรียบร้อยแล้ว แต่เขากลับไม่หยุดมือ ยังต่อยผมมาอีกหมัดหนึ่ง นี่ชัดเจนว่าจงใจทำร้ายผม!”
ระหว่างที่พูด เขาจ้องเย่เทียนด้วยสายอาฆาตแค้น “คนแบบนี้ ควรรีบไล่ออกจากบริษัทตระกูลเฉินของพวกเรา!”
ตาเห็นว่าติงเหล่ยไม่พูดพร่ำทำเพลงก็อยากไล่เย่เทียนไป กู้กวนชีขมวดคิ้วหนัก อดตะโกนบอกไม่ได้ “ติงเหล่ย คุณทำแบบนี้ เกินไปหน่อยหรือเปล่า!”
“ผมทำเกินไป? ไม่เกินไปสักนิดเลย! ผู้ช่วยกู้ ตอนนี้เป็นผมที่โดนต่อย คุณไม่ช่วยผมก็แล้วไป ยังเข้ามาตำหนิผมอีก?”
ติงเหล่ยนึกไม่ถึงว่ากู้กวนชีจะขัดขวางตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า ในใจโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทันใดนั้นนึกอะไรขึ้นได้ อดไม่ได้หันหน้ามองไป จ้องกู้กวนชีไว้ พูดถากถาง “ผู้ช่วยกู้ ไอ้หนุ่มนี่คงไม่ใช่เพื่อนเก่าคุณหรอกมั้ง? ไม่อย่างนั้นทำไมคุณต้องช่วยพูดให้เขา?”
“พูดเหลวไหล!”
กู้กวนชีเห็นติงเหล่ยใส่ร้ายตนเอง โกรธจนใบหน้าแดง “ฉันไม่รู้จักเขา แม้แต่ชื่อของเขายังไม่รู้ ฉันเพียงแค่ยืนฝั่งที่เหมาะสม!”
“ใช่เหรอ?”
ติงเหล่ยทำปากยื่นอย่างเหยียดหยาม พูดจาเย็นชา “ผู้ช่วยกู้ วันนี้ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง ผมก็ต้องไล่เขาไป! ยาม เข้ามาเดี๋ยวนี้!”
เห็นว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังจะเข้ามา เย่เทียนในฐานะคนต้นเรื่อง กลับยืนอยู่ที่เดิมด้วยท่าทางนิ่งเฉย มองติงเหล่ยคนนี้แสดงแบบหน้าเย้ยหยันเต็มที่
ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการจัดการอิทธิพลข้างหลังที่จ้องเขมือบบริษัทตระกูลเฉิน เขาจะมาสมัครเป็นบอดี้การ์ดที่นี่ได้อย่างไร?
ตอนนี้เห็นติงเหล่ยพัวพันไม่เลิก ความเหน็บหนาวในใจเย่เทียนยิ่งเติบโต
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เขาก็เป็นสามีของเฉินหวั่นชิง ถึงแม้ใกล้จะหย่าร้าง เขาก็ไม่อาจให้พวกปลาเน่านี้อยู่ในบริษัทตระกูลเฉินต่อไปได้!
ในเวลานี้ พนักงานรักษาความปลอดภัยหลายคนรีบเข้ามาทันที
“หัวหน้าติง เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”
“ไม่มีอะไร ไล่ไอ้หนุ่มนั้นออกไปให้ฉัน!”
ติงเหล่ยทำหน้าตาเริงร่า บนตัวไม่เจ็บแล้วด้วย ชี้เย่เทียนอยู่แล้วสั่งไป
“หัวหน้าติง ผมคิดว่า ที่ผู้ช่วยกู้ไม่ผิดนะ ถึงแม้คุณจะรู้สึกไม่พอใจ ก็ไม่สามารถตัดสินใจโดยตรงแบบนี้ได้ โดยเฉพาะ นี่คือคนที่ผ่านการสัมภาษณ์แล้ว!”
ช่วงสำคัญ เหอเชิ่งคนนั้นเดินเข้ามา พูดอยู่และส่งสายตาไปยังพนักงานรักษาความปลอดภัยที่เดินเข้ามาหลายคน
“เหอเชิ่ง นายอยากเป็นศัตรูกับฉันให้ได้?”
ติงเหล่ยขมวดคิ้ว ในสายตาที่มองทางเหอเชิ่งประกายความไม่เป็นมิตรนิดๆ
เหอเชิ่งอยู่ฝ่ายความปลอดภัยเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเป็นรองหัวหน้า เป็นผู้ชายที่นิสัยตรงไปตรงมาและพูดจาขวานผ่าซาก ในอดีตล่วงเกินติงเหล่ยไม่น้อย ตอนนี้มองเขาเดินเข้ามา ในใจยิ่งไม่พอใจแล้ว
พนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นแบบนี้ ทันใดนั้นไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ได้แต่แข็งทื่ออยู่ที่เดิม
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ในเวลานี้เอง ผู้ชายสวมสูทที่อายุสามสิบต้นๆ คนหนึ่งเดินเข้ามา แต่งตัวสง่างาม พอมองก็รู้ว่าเป็นผู้บริหารของบริษัทตระกูลเฉิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่