หลังจากพูดคุยกับเย่เทียนว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงเวลานี้แล้ว เฉินหวั่นชิงก็ทุ่มตัวไปกับการทดลองทันที จุดนี้ทำให้เย่เทียนต้องขมวดคิ้ว
เฉินหวั่นชิงเพิ่งมาถึงเมืองจินได้ไม่นานก็รีบเข้าสู่การวิจัยทางวิทยาศาสตร์อย่างเร่งรีบ ดูเหมือนว่าบริษัทแซ่เฉินจะอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมากในช่วงเวลานี้ ไม่อย่างนั้นเฉินหวั่นชิงคงไม่ต้องวิตกกังวลมากขนาดนี้
ในใจของเย่เทียนวิพากษ์อย่างไม่หยุด แต่ใบหน้าของเขากลับเรียบเฉย นอกจากหาเวลาโทรหาเซวฟู่ยี่และขอให้เขาช่วยขับรถที่สนามบินกลับไปแล้ว เขาก็นั่งเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ และมองดูเงาร่างที่กำลังยุ่งของเฉินหวั่นชิง
นี่เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้เช่นกัน สารพันธุกรรมนั้นเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์อย่างมาก เฉินหวั่นชิงไหนเลยจะวางใจให้คนอื่นมารับผิดชอบได้ ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดจะต้องเป็นเธอที่ทำมันให้สำเร็จสมบูรณ์
ต้องขอบคุณความรู้ของเธอในด้านนี้และคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ห้องทดลองเมื่อเธออยู่ในเจียงหนาน ดังนั้นจึงไม่ได้เกิดเรื่องผิดพลาดใด ๆ
ตามคำกล่าวที่ว่าไว้ ผู้หญิงที่สวยที่สุดคือยามที่เธอจริงจัง
นอกจากนี้ทั้งสองคนเองก็ไม่ได้เจอกันมาระยะหนึ่งแล้ว เย่เทียนเองก็ไม่รู้สึกเบื่อ และจนถึงหรี่ตาสีเข้มมองเฉินหวั่นชิงจนแทบเป็นเส้นผ่า
จนกระทั่งเที่ยงวัน ในที่สุดเฉินหวั่นชิงก็หยุดมือลงและออกจากห้องทดลองพร้อมกับเย่เทียน และเตรียมไปจัดการปัญหาเรื่องอาหารและเสื้อผ้า
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ทั้งคู่เพิ่งจะออกมาจากล็อบบี้ของบริษัท พนักงานต้อนรับหญิงคนหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ประธานเฉิน ประธานกู้ขอให้ฉันบอกคุณว่าเขาไปที่ร้านอาหารเพื่อจัดเตรียมก่อน รถรออยู่ที่หน้าประตู พอถึงร้านอาหารแล้วคุณแค่แจ้งแผนกต้อนรับได้เลย”
"โอเค รบกวนแล้ว"
เฉินหวั่นชิงพยักหน้าเล็กน้อยและส่งพนักงานต้อนรับออกไป จากนั้นเธอก็จ้องไปที่เย่เทียนด้วยสายตากล่าวโทษและเอ่ยปากบ่น "ดูสิ่งที่นายทำสิ แบบนี้ไม่ไปก็ไม่ได้!"
“ภรรยา ในเมื่อมีคนเขามาเชิญเราอย่างอบอุ่น อย่างนั้นพวกเราจะไร้มารยาทได้ยังไง? ยังไงเสียฉันก็อยู่ที่นี่ กลัวว่าเขาจะก่อเรื่องอะไรงั้นหรือ?”
เย่เทียนหัวเราะร่า จากนั้นก็คว้ากุมมือหยกของเฉินหวั่นชิงเดินออกไปจากล็อบบี้และเข้าไปในรถที่กู้ยี่เจ๋อจัดไว้ให้
ไม่นานนัก ทั้งสองคนก็มาถึงห้องอาหารลอยฟ้าที่หรูที่สุดในเมืองจินซึ่งตั้งอยู่ในอาคารสูง 26 ชั้น ห่างจากพื้นดินถึง 100 เมตร มองเพียงแวบเดียวก็สามารถเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของเมืองจินได้ควบคู่ไปกับเสียงเพลงในร้านอาหารซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
เย่เทียนราวกับบ้านนอกเข้าเมือง ดวงตาสีเข้มของเขากวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะส่งเสียงจึ๊ปากและเอ่ยออกมา: "ภรรยา ถึงกับเชิญพวกเรามาทานอาหารที่นี่ ดูเหมือนว่ากู้ยี่เจ๋อจะเข้าทุ่มทุนเชียว!"
เฉินหวั่นชิงไม่มีท่าทางอารมณ์ดีเหมือนเย่เทียน แต่เดิมเธอก็รำคาญกู้ยี่เจ๋ออยู่แล้ว มาตอนนี้ยังต้องเผชิญกับกู้ยี่เจ๋ออย่างช่วยไม่ได้เพราะถูกเย่เทียนให้ท้าย เธอยังถึงกับต้องมากังวลว่าเย่เทียนจะทำให้กู้ยี่เจ๋อขุ่นเคืองอย่ามากจนเขาอาจจะไม่ยอมให้ยืมห้องทดลอง
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ภายใต้การแนะนำของบริกรทั้งสองเดินเข้าไปในร้านอาหาร เย่เทียนเหลือบมองอย่างคร่าวๆ สีหน้าเขาดูแปลกไปและแอบคิดว่ากู้ยี่เจ๋อกำลังวางแผนเอาไว้จริงๆ!
ร้านอาหารใหญ่โต นอกจากกู้ยี่เจ๋อ คนเดียวและบริกรอีกกลุ่มหนึ่งที่เหลืออยู่ ก็ไม่มีใครอยู่ในร้านอีก นี่เห็นชัดๆว่ากู้ยี่เจ๋อ เหมาร้านเอาไว้แล้ว!
“ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรือไง? ไม่สิ มาไม้นี้ คงไม่ได้คิดจะฉวยโอกาสสารภาพรักหรอกนะ?”
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของเย่เทียนก็ยิ่งดูแปลกไป สายตาของเขาเหลือบมองเฉินหวั่นชิงที่อยู่ข้างๆโดยไม่ตั้งใจ
เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเย่เทียน เฉินหวั่นชิงก็กลอกตากลับไปให้เขาค้อนใหญ่ แต่ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินไปที่ตำแหน่งของ กู้ยี่เจ๋อ
เมื่อทั้งคู่ปรากฏตัวขึ้นก็ทำให้กู้ยี่เจ๋อลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอันอบอุ่น เขาพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “คุณหนูเฉิน ลูกพี่ลูกน้องชาย พวกคุณมาแล้ว รีบนั่งลงเถอะ”
พูดไป เขาก็เลื่อนเก้าอี้ให้เฉินหวั่นชิงอย่างสุภาพบุรุษมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่