“นายกำลังคุกคามพวกเราหรือไง?!”
คำพูดเย็นชาของเย่เทียนดังขึ้นในหูของเธอ เฉินหวั่นชิงไหนเลยจะฟังไม่ออกว่าเย่เทียนโกรธแล้ว แต่เมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้ห้ามหยุดความคิดของเย่เทียนและยืนดูอย่างเย็นชา
“อย่าพูดเสียไม่น่าฟังขนาดนั้นสิ”
กู้ยี่เจ๋อ เหลือบมองเย่เทียนและพูดอย่างไม่เกรงกลัวว่า: "ทุกคนล้วนรู้ดี ว่ากู้ซื่อกรุ๊ปของพวกเราเชี่ยวชาญก็คืออุปกรณ์ในห้องทดลอง มีห้องทดลองไม่น้อยในเมืองจินที่ซื้ออุปกรณ์จากกู้ซื่อกรุ๊ปของเรา หวั่นชิงคุณเป็นคนฉลาด คุณควรรู้ว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร”
สีหน้าของเย่เทียนดูเยียบเย็นขึ้นมา “ประธานกู้ นายรู้ไหมว่าฉันเกลียดคนแบบไหนมากที่สุด?”
"แบบไหน?"
กู้ยี่เจ๋อ มองไปที่เย่เทียนด้วยสีหน้าเยาะเย้ย ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เทียนเขาจะมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?
“สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดก็คือพวกที่ชอบคิดว่าตัวเองใหญ่อย่างนาย ทำไม? มีเงินแค่นิดหน่อยก็คิดว่าโลกต้องหมุนรอบตัวนายใช่ไหม?”
เย่เทียนเบ้ปากและพูดอย่างประชดประชัน “ไม่น่าแปลกใจที่คนในวัยสามสิบอย่างนายจะยังไม่ได้แต่งงาน ใครกันจะยินดีแต่งงานกับคนที่มีพฤติกรรมอย่างนาย!”
กู้ยี่เจ๋อ ที่แต่เดิมก็ไม่ชอบเย่เทียนอย่างยิ่งอยู่แล้วได้ยินเข้าก็เอ่ยปากด่าทันที “แล้วคนอย่างแกนับเป็นตัวอะไร? มีคุณสมบัติอะไรมาสั่งสอนฉัน?"
“ประธานกู้ บางทีคุณอาจยังไม่รู้ ว่าคนอย่างผมเวลาโกรธ น่ากลัวมาก แม้กระทั่งตัวผมเองยังกลัวเลย!”
เย่เทียนยิ้มอย่างเย็นชา เขายกกำปั้นขึ้นและโบกมือขึ้นไปในอากาศและขู่เงียบๆ “พูดจากันดีๆ อย่าเอะอะก็พูดจาหยาบคาย ทำตัวไร้มารยาทซะอย่างนั้น”
กู้ยี่เจ๋อ รู้สึกกลัวขึ้นมาในใจ สายตาของเขาเหลือบมองบริกรจำนวนมากและสงบขึ้นมาหลายส่วน จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว “นายต้องการอะไร? ฉันจะบอกนายให้ ขอแค่ฉันเอ่ยปากสักประโยค เชื่อไหมว่าฉันสามารถทำให้นายหายไปจากโลกได้?”
เย่เทียนหัวเราะไร้เสียงและพูดติดตลกว่า "ประธานกู้ คุณเชื่อไหมว่าผมสามารถทำให้คุณหายตัวไปจากโลกได้ในตอนนี้?"
ระหว่างพูดด เย่เทียนก็พับแขนเสื้อขึ้นและมีท่าทางคล้ายกำลังจะลงมือ
เฉินหวั่นชิงรีบส่ายหัวและหยุดเขาทันที "เย่เทียน!"
แม้ว่าวันนี้กู้ยี่เจ๋อจะฉีกหน้ากากของเขาไปแล้ว แต่อย่างมากก็แค่ไม่ยืมห้องทดลองของตระกูลกู้ก็ถือว่าจบ แต่หากเย่เทียนลงมือกับกู้ยี่เจ๋อเรื่องนี้ก็จะแตกต่างออกไปแล้ว
เมื่อเย่เทียนเห็นดังนั้น เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะจัดการกับกู้ยี่เจ๋อถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจภูมิหลังของกู้ยี่เจ๋อแต่เขาก็ต้องพิจารณาถึงความคิดของเฉินหวั่นชิง
“วันนี้ฉันขอเอ่ยปากที่นี่ หากนายต้องการแก้แค้นฉัน ฉันยินดีต้อนรับนายเสมอ แต่ถ้าฉันเห็นว่านายคิดจะทำอะไรกับหวั่นชิง ฉันขอเตือนให้นายชั่งน้ำหนักให้ดีก่อน!”
เย่เทียนกระทืบเท้าข้างหนึ่งลงบนพื้นอย่างแรง จากนั้นพื้นคอนกรีตแข็งก็ทรุดตัวลงทันทีเป็นรูปรอยเท้าที่ทะลวงลงไป!
ฉากนี้ทำให้กู้ยี่เจ๋อเบิกตากว้างทันที เขาไม่คาดคิดเลยว่าเย่เทียนจะมีความสามารถเช่นนี้
แต่ก่อนที่เขาจะพูดได้อะไร เย่เทียนก็จับมือเล็ก ๆ ของเฉินหวั่นชิงและหันหลังเดินออกไปนานแล้ว และไม่สนใจจะเหลือบดูกู้ยี่เจ๋ออีก
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของพวกเย่เทียนที่เดินจากไป สายตาของกู้ยี่เจ๋อก็ฉายแววอันดุเดือด เขาโกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว จากนั้นก็รีบขยับมือและหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าเสื้อ
“เหล่าเฮ่าฉันอยู่ที่โรงแรมวิคตอรี่ถ้าจำไม่ผิด อยู่ใกล้นายมากใช่ไหม? ฉันให้เวลานายห้านาทีรีบตามมาให้ทัน ถ้านายมาช้าก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ! "
โรงแรมวิคตอรี่แห่งนี้ค่อนข้างใหญ่โต อีกทั้งพวกเขาก็อยู่บนชั้น 26 ของโรงแรม ดังนั้นหากคิดจะลงไปชั้นหนึ่ง ลิฟต์ที่ไปๆหยุดๆก็ต้องใช้เวลาเกือบห้านาที
ชายที่อยู่ปลายสายของโทรศัพท์ตกใจ ก่อนจะรีบเอ่ยเอาใจ “ประธานกู้ คุณมีอะไรอยากจะสั่งสามารถเอ่ยมาได้เลยครับ จะโมโหทำไมกันล่ะครับ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่