“ผู้กำกับโค่ว ผมไม่ขอค่าตัวเยอะ ให้แค่ไม่กี่ร้อยล้านก็พอ!”
เสียงสบายๆของเย่เทียนดังขึ้นข้างหู โค่วเฉิงตากระตุกเล็กน้อย ไม่กี่ร้อยล้านเหรอ ค่าตัวเซ่เจียยังไม่สูงขนาดนี้เลย
เซ่เจียอีกด้านก็หมดคำจะพูด เธอก้าวขึ้นมาเล็กน้อยและพูดกับโค่วเฉิง “ผู้กำกับโค่ว ในเมื่อคู่หมั้นของฉันพูดขนาดนี้แล้ว ฉันรับเล่นภาพยนตร์ของคุณก็ได้ค่ะ แต่แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะคะ”
โค่วเฉิงปลื้มปิติขึ้นมาในบัดดล เขารีบพยักหน้าตอบ “สบาย ไม่ทราบว่าตอนนี้คุณหนูเซ่เจียว่างไหม เรามาคุยกันในส่วนของเงื่อนไขการร่วมงานต่างๆ”
เย่เทียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง “เรื่องนี้คุณคุยกับผมก็ได้!”
โค่วเฉิงมีสีหน้ากลัดกลุ้มขึ้นในบัดดล เจ้าคนตรงหน้านี่เป็นพวกหน้าเงินชัดๆ ถ้าคุยกับเขาจริงๆ คงโดนไถเอาตายแน่
แต่เซ่เจียไม่ว่าอะไร เขาก็ไม่อาจปฏิเสธ จึงได้แต่เดินตามเย่เทียนไปอีกด้านด้วยความจนใจ
จนกระทั่งเวลานี้ เจี่ยซือหวี่ถึงรีบมาอยู่ข้างกายเซ่เจีย ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “พี่เจียเจีย จะถ่ายภาพยนตร์จริงๆเหรอ ก่อนหน้านี้พี่บอกว่าแค่อยากร้องเพลงเฉยๆไม่ใช่หรือไง ไม่อยากเข้าร่วมงานอื่นไม่ใช่เหรอ”
“คนเราเปลี่ยนกันได้”
เซ่เจียยิ้มน้อยๆ “อย่างเธอ นี่เพิ่งผ่านมานานเท่าไหร่เอง เธอยังเริ่มชินกับชีวิตในตอนนี้เลย”
ไม่รอให้เจี่ยซือหวี่ตอบ เธอเปลี่ยนเรื่องพูดอีกครั้ง “เรื่องที่ฉันบอกเธอเมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง ด้านสำนักขุนเขาตอบอะไรไหม”
เจี่ยซือหวี่ส่ายหัวเล็กน้อย “ยัง”
“หวังว่าจะทันนะ”
เซ่เจียถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ทอดสายตามองเย่เทียนอีกครั้ง นัยน์ตาคู่สวยเปี่ยมความนุ่มนวล
ขณะเดียวกัน เฮ่อจงเทียนที่โดนไล่ออกไปเซ็งถึงขีดสุด เขาไม่สนภาพลักษณ์ดาราของตัวเอง จ้องหน้ายามหน้าสนามกีฬาและด่ากราด
แต่ ยามทั้งหลายไม่สะทกสะท้าน ปล่อยให้เขาด่าเหมือนแม่ค้าตลาด
“ไอ้สารเลว รอก่อนเถอะ เรื่องนี้ฉันไม่ยอมจบแค่นี้แน่!”
ด่าอยู่หลายนาทีเต็ม ในที่สุดเฮ่อจงเทียนก็ยอมหยุด ภาพของเย่เทียนปรากฏขึ้นในหัว โกรธจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ยังไงซะเขาก็เป็นดารา เคยถูกปฏิบัติแบบนี้ซะที่ไหน ถึงขั้นโดนไล่ออกมา หากเรื่องนี้แพร่ออกไปต้องขายหน้าขนาดไหน!
แต่ เขาไม่กล้าพาลโกรธเซ่เจีย ได้แต่ระบายความแค้นเคืองทั้งหมดใส่เย่เทียน
คิดมาถึงนี่ เขาหยิบมือถือออกมาด้วยความเจ็บใจ โทรไปถึงห้องทำงานของสารวัตรตำรวจ
เจียวซินข่ายกำลังนั่งสัปหงกในห้องทำงานด้วยขอบตาดำคล้ำ เสียโทรศัพท์ที่ดังขึ้นกะทันหันส่งผลให้เขาตกใจจนแทบล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น
นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เมื่อวานเย่เทียนอาละวาดในสถานีเสียใหญ่โต ไม่รอให้เขาได้หายเหนื่อย ก็ได้ข่าวว่าเกิดเรื่องกับสวีพานอีก เขาผู้กลัวเหลือเกินว่าแก๊งหวงจี๋จะก่อจลาจล จึงเครียดจนนอนไม่หลับทั้งคืน
“อาเจียว ด้านคุณยุ่งมากไหมครับ?”
พอรับสายปุ๊บ เสียงของเฮ่อจงเทียนก็ดังเข้ามา
“เสี่ยวเทียนเหรอ ทำไมถึงมีเวลาโทรหาฉันล่ะ? กลับมาเมืองจินแล้วเหรอ กลับมาแล้วก็มาหากันหน่อยสิ ป้าของนายคิดถึงนายมากนะ”
พี่น้องของปู่ทวดเฮ่อจงเทียนเป็นน้าของเจียวซินข่าย ถึงแม้ผ่านไปหลายปีเริ่มห่างเหินกันแล้ว แต่ทั้งสองก็ยังเป็นญาติกัน พอได้ยินเสียงของเฮ่อจงเทียน เจียวซินข่ายก็ได้แต่เรียกสติ
“อาเจียว คืนนี้ผมไปดื่มเป็นเพื่อนอา แต่…..”
เฮ่อจงเทียนพูดเป็นมารยาท ก่อนจะตรงเข้าประเด็น “ตอนนี้ผมมีเรื่องให้อาช่วย”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่