“อูชิงเจ๋อ นายอาจจะยังไม่รู้เรื่องนะ”
เมื่อเห็นอูชิงเจ๋อไม่ว่าอะไรในเรื่องของกำลังเสริม กู่เจิ้นเจียงหัวเราะร้ายอย่างแผนสำเร็จ “พี่ใหญ่เหลยมาเพื่อสนับสนุนฉัน นายแพ้แน่!”
“กู่เจิ้นเจียงอย่ามั่นใจเร็วนัก ใครแพ้ใครชนะยังไม่แน่หรอกนะ!”
อูชิงเจ๋อเบ้ปาก เบนสายตาไปอีกทาง ขี้เกียจทะเลาะกับกู่เจิ้นเจียง
กู่เจิ้นเจียงเห็นแบบนั้น สัมผัสถึงความผิดปกติได้นิดหน่อย แต่ตรงไหนที่ชอบกลกันแน่ เขายังคิดไม่ตกในตอนนี้
“ในเมื่อต้องรออีกหน่อย ทุกคนช่วยฟังที่ฉันจะพูดด้วย”
กลับเป็นสวีพานที่มองทั้งสองอย่างมีความหมาย และเอ่ยขึ้นมา “ไม่ว่าคืนนี้มีผลลัพธ์เช่นไร ฉันก็จะมอบพื้นที่ใต้อาณัติของฉันให้ แต่ฉันขอเก็บบาร์ไว้ที่หนึ่งให้หลานสาวฉันดูแล ถือเป็นต้นทุนเกษียณของฉัน เชื่อว่าทุกคนคงไม่ว่าอะไรนะ”
ถึงแม้กู่เจิ้นเจียงกับอูชิงเจ๋อเป็นสองฝ่ายที่มีอำนาจมาก แต่ไม่ว่ายังไงสวีพานก็เป็นพี่ใหญ่ของแก๊งหวงจี๋ มีพื้นที่ในมือไม่น้อย บาร์แค่แห่งเดียว พวกเขาไม่ว่าอะไรหรอก
อีกอย่าง รับปากตอนนี้ใช่ว่าหลังจากนี้จะรับปากหมด รอให้ขึ้นแท่นหัวหน้าใหญ่อย่างมั่นคงเมื่อไหร่ ค่อยไปขอจากสวีพาน สวีพานไม่มีสิทธิ์ไม่ให้!
“พี่ใหญ่ แค่บาร์แห่งเดียวเอง ดูพี่พูดสิครับ ขอพี่บอกมาคำเดียว แก๊งหวงจี๋ยังเป็นของพี่เสมอ”
“ใช่แล้วครับ พี่ใหญ่ ถ้าไม่ใช่ว่าครั้งนี้พี่เกิดอุบัติเหตุ ผมไม่มีทางชิงตำแหน่งหัวหน้าใหญ่หรอกครับ”
กู่เจิ้นเจียงกับอูชิงเจ๋อสองคนตอบกลับอย่างเสแสร้ง ท่าทีนี้ส่งผลให้พวกผู้อาวุโสพอใจอย่างมาก
“ยังไงซะฉันก็แก่แล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้ว อนาคตเป็นโลกของคนหนุ่มสาวแล้ว!”
สวีพานรับคำด้วยรอยยิ้มปลอมๆ คำพูดแฝงไว้ด้วยความหมาย
กู่เจิ้นเจียงกับอูชิงเจ๋อลอบได้ใจ พวกเขาเพิ่งจะอายุสี่สิบกว่าเท่านั้น เป็นหนุ่มสาวที่สวีพานว่า
แต่ ถ้าพวกเขารู้ว่าคนหนุ่มสาวที่สวีพานหมายถึงคือกู้หยุนที่รุ่นเด็กกว่านั้น ไม่รู้ว่าพวกเขาจะคิดยังไง
ช่วงเวลาสำคัญ เป็นกู้หยุนที่ส่งเสียงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เธอพูดกับกู่เจิ้นเจียง “พี่ใหญ่กู่ ให้เรารอกันแบบนี้ต่อไปก็ไม่ถูก นายโทรหากำลังเสริมของนายหน่อยไหม ถามว่าเขาถึงไหนแล้ว?”
กู่เจิ้นเจียงเลิกคิ้วขึ้น ถามหยั่งเชิง “เขา….น่าจะช้าเพราะการเดินทางล่ะมั้ง เรารออีกสิบนาทีไหม?”
กับเรื่องนี้ อูชิงเจ๋อไม่ว่าอะไร และขี้เกียจทะเลาะกับกู่เจิ้นเจียง จึงพยักหน้าเบาๆและหลับตาเพื่อพักสายตา
พวกเขาสองคนไม่พูดไม่จา คนอื่นในที่นี้ย่อมไม่กล้าพูดมากอะไร ชั่วขณะนั้น ห้องประชุมเงียบลง ราวกับได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตก
ความจริง เหลยเหลาหู่พาลูกน้องดักซุ่มอยู่แถวฐานทัพใหญ่แก๊งหวงจี๋ตั้งแต่บ่าย และได้เห็นลูกไม้ตามหลังของกู่เจิ้นเจียงกับอูชิงเจ๋อกับตา
เหลยเหลาหู่นั่งอยู่ในรถ รายงานเย่เทียนที่เพิ่งมาด้วยความนอบน้อม “คุณชายเย่ คุณเดาไม่ผิดครับ ไอ้สารเลวสองตัวนั้นมีแผนสำรองกันหมด ดูท่าจะไม่เต็มใจยกตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ให้อีกฝ่ายนะครับ!”
“น่าแปลกใจตรงไหน ถ้าเป็นนาย เกรงว่านายก็ไม่เต็มใจเหมือนกัน”
เย่เทียนยักไหล่ ยิ้มเย็นๆ “ทำตามแผนเถอะ! ถ้าพวกเขายอมจำนนก็ไม่ต้องลงมือรุนแรง ถ้าไม่เป็นตามนั้น คนในตึกนี้ไม่ต้องออกมาอีกแล้ว”
เหลยเหลาหู่ได้ฟัง ใบหน้าเหี้ยมเกรียมฉายรอยยิ้มอำมหิต เขาพยักหน้า “ได้ครับคุณชายเย่ ถ้าไม่มีคำสั่งอื่น ผมเข้าไปก่อนนะครับ”
เย่เทียนโบกมือ “ไปเถอะ!”
เหลยเหลาหู่ไม่รอช้า เปิดประตูรถเดินลงไป โบกมือเรียกลูกน้องเข้ามาและมุ่งหน้าไปยังฐานทัพใหญ่แก๊งหวงจี๋
อาจเพราะมีคำสั่งไว้แล้ว หลังจากเหลยเหลาหู่บอกชื่อเสียงเรียงนามไป ลูกน้องที่รับหน้าที่เฝ้ายามปล่อยให้เข้าไปทันที ทั้งหมดมาอยู่หน้าประตูห้องประชุมโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่