โข่งจื่อโถงไม่ใช่คนที่แสดงความรู้สึกเก่ง แต่ฝางฉิวผิงได้ดูถูกเธอครั้งแล้วครั้งเล่า มันได้กระตุ้นเธอจนโมโหไปนานแล้วตอนนี้พอเห็นฝางฉิวผิงพุ่งเข้ามาเอง เธอจึงไม่ถอยแต่พุ่งใส่ พร้อมกระบี่สั้นในมือ
ตูมตูม!
ทันใดนั้น อาวุธของทั้งคู่ก็เข้าปะทะกันอย่างแรง ระหว่างที่เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ก็ได้เกิดสายลมที่รุนแรงขึ้น ทำเอาผู้ชมใต้เวทีที่ไม่ค่อยแข็งแกร่งถูกพัดจนถอยหลังไปหลายก้าว บางคนถึงขั้นทนไม่ไหวจนล้มจ้ำเบ้าไปกับพื้นเลย
ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของหนึ่งในคู่กรณีอย่างฝางฉิวผิงที่อยู่บนสังเวียนกลับเปลี่ยนไป รับรู้ได้ถึงแรงอันมหาศาลที่แล่นมาจากค้อนอันใหญ่ ทำให้จับค้อนไว้ไม่อยู่ ทนไม่ไหวจนมันกระเด็นออกไป และกระแทกลงพื้นเวทีจนเกิดเสียงดัง
“นี่มัน…”
ทั้งๆ ที่ฝางฉิวผิงตัวใหญ่กว่าโข่งจื่อโถงเป็นสองเท่า ทั้งๆ ที่น้ำหนักของค้อนมีมากกว่ากระบี่สั้น ความแตกต่างอันมากมายนี้ทำให้ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างตาค้างไปตามๆ กัน
ตุบ!
โข่งจื่อโถงไม่ได้สนใจว่าทุกคนจะคิดยังไง อาศัยช่วงจังหวะสั้นๆ ที่ฝางฉิวผิงยังตั้งสติไม่ได้ถีบขาแล้วลอยขึ้นไปบนอากาศ แล้วเตะทะลวงไปที่กลางอกของฝางฉิวผิงอย่างแรง
ตุบตุบ!
ฝางฉิวผิงหายใจติดขัด หายใจแทบไม่ออก ส่วนขาก็ถอยหลังไปอย่างควบคุมไม่ได้ ราวกับจะหักล้างแรงต้านนั่น
แต่ว่า โข่งจื่อโถงที่กำลังโมโหจะปล่อยหมอนี่ไปง่ายๆ ได้ยังไง?
เธอได้ตามฝางฉิวผิงไปติดๆ กระบี่สั้นในมือก็แทงไปที่ช่วงล่างของ ฝางฉิวผิงอย่างต่อเนื่อง คนที่ช่างสังเกตก็น่าจะมองจุดประสงค์ของเธอออก
ฝางฉิวผิงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ดูจากท่าทีของโข่งจื่อโถง ถ้าถูกแทงเข้าไปคิดว่าคงไม่มีทางรักษาได้แน่ ชีวิตหลังจากนี้ก็คงไม่มีความสุขอะไรอีกแล้ว!
ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เขาก็ยังไม่สามารถเรียกแรงกลับมาจากการเตะเมื่อกี้ของเธอได้ ต่อให้จะอยากป้องกันแค่ไหนแต่มันก็ไม่มีทางทำได้เลย!
ในวินาทีที่คับขัน ฝางฉิวผิงจะกล้าเสียเวลาคิดอีกได้ยังไง และรีบตะโกนไปว่า “ฉันยอมแพ้! ฉันยอมแพ้!”
ทว่า ถึงโข่งจื่อโถงจะดึงกระบี่กลับแล้ว แต่ท่าทีที่พุ่งเขาหาฝางฉิวผิงยังไม่หยุด เธอได้เตะออกไปอย่างแรง
ตุบ!
โข่งจื่อโถงเตะเข้าไปที่จุดยุทธศาสตร์ของฝางฉิวผิงอย่างไม่ปรานี
“อุ๊บ?!”
ไม่ว่าฝางฉิวผิงจะเป็นลูกผู้ชายแค่ไหน แต่ถ้าของรักถูกเตะใส่แบบนี้ ก็ทนความเจ็บปวดแสนสาหัสนั่นไม่ไหว ใบหน้าแดงก่ำ บ่งบอกว่ามันเจ็บแค่ไหน
“นี่เป็นแค่การสั่งสอน ต่อไปอย่าได้ดูถูกผู้หญิงอีก!”
โข่งจื่อโถงไม่แม้แต่จะมองเขา พูดทิ้งท้ายไว้อย่างเย็นชา หมุนตัวแล้วกระโดดลงเวทีไป
นั่นก็ทำให้บรรดาผู้ชมผู้ชายที่อยู่ใกล้โข่งจื่อโถงพากันกระโดดถอยหลังไปหนึ่งก้าว สายตาที่มองไปยังฝางฉิวผิงก็มีแต่ความเห็นอกเห็นใจ ส่วนสายตาที่มอง โข่งจื่อโถงก็เปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว
“ช่างเป็นเสือตัวเมียขนานแท้จริงๆ!”
เย่เทียนที่เห็นก็แอบส่ายหน้า พอนึกถึงครั้งแรกที่ได้พบกับโข่งจื่อโถงเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า จิงไห่เชียนไปชอบโข่งจื่อโถงได้ยังไง หรือไอ้หมอนั่นมันเป็นพวกซาดิสกันนะ?
ตัดภาพมาที่จิงไห่เชียน กลับเข้าไปหาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่เอาอกเอาใจว่า “โข่งจื่อโถง คอแห้งมั้ย? ผมไปซื้อน้ำให้เอามั้ย? แล้วเหนื่อยรึเปล่า? ผมนวดไหล่ให้มั้ย?”
นั่นก็ทำให้เย่เทียนรู้สึกนับถือจิงไห่เชียนขึ้นมาบ้าง อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เเค่ความพยายามนี้ก็ใช่ว่าใครจะทำได้
แต่น่าเสียดาย กับจิงไห่เชียนที่กระตือรือร้นนั้น โข่งจื่อโถงยังคงทำตัวเย็นชา “ไม่จำเป็น!”
นอกนั้น โข่งจื่อโถงก็ไม่ได้พูดอะไรกับจิงไห่เชียนอีก เดินดุ่มๆ มาข้างหน้าเย่เทียน แล้วพูดไปว่า “ฉันกลับก่อนนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่