สองวันแรกหลังจากที่การแข่งคัดเลือกเริ่มต้นขึ้น เย่เทียนที่มีประสบการณ์แล้วจะมาที่งานประมาณสองสามชั่วโมงในตอนที่มีแข่งเท่านั้น นอกเหนือจากนั้น เวลาส่วนมากก็จะพักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมเวลาค่อยๆ ผ่านไป ไม่นานก็มาถึงวันที่สามของการแข่งคัดเลือกแล้ว ระหว่างที่การแข่งขันดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ผู้เข้าแข่งขันก็เหลือแค่สามสิบสองคนแล้ว
พอถึงตอนนี้ สังเวียนที่ตอนแรกมีหก ตอนนี้ก็ลดเหลือแค่สองเท่านั้น คนใหญ่คนโตที่เข้ามาดูก็มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม ตอนที่เย่เทียนเดินขึ้นเวที ก็ได้รู้ว่าคู่ต่อสู้ในวันนี้เป็นคนที่คุ้นเคยกันดี ซึ่งก็คือเหยียนเฟิงแห่งสำนักเหลียนหัวนั่นเอง!
มันจึงทำให้เย่เทียนแอบยิ้มในใจ เดิมทีการที่คู่ต่อสู้ลดลงเรื่อยๆ มันก็ทำให้เย่เทียนกังวลอยู่บ้างว่าอาจต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องผลแพ้ชนะ ถ้าแค่เจ็บหนักนิดหน่อย มันก็จะส่งผลต่อการแข่งในรอบต่อไปทันทีเพราะคนที่สามารถมาถึงจุดนี้ได้จะมีใครที่เป็นคนธรรมดาทั่วไปอีก?
แต่ความจริงก็ได้พิสูจน์แล้วว่า สวรรค์ก็ยังเมตตาเขาที่ส่งเหยียนเฟิงมาเป็นคู่ต่อสู้ เหยียนเฟิงที่เคยถูกเขาตบหน้าอย่างแรง แล้วจะไม่ให้เย่เทียนแอบยิ้มได้ยังไง?
“แก?!”
เย่เทียนดีใจที่คู่ต่อสู้เป็นเหยียนเฟิง แล้วทำไม่เหยียนเฟิงจะไม่ดีใจล่ะที่คู่ต่อสู้เป็นเย่เทียน เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจว่า “ดูท่าสวรรค์จะดีกับฉันมากเลย ความอับอายที่แกให้ฉันในวันนั้น วันนี้ฉันจะคืนมันให้แกต่อหน้าทุกคนเอง!”
“เหมือนฉันจะจำได้ว่าคุณคือเหยียนเฟิงของสำนักเหลียนหัวอะไรสักอย่างใช่มั้ย? ไม่ใช่ว่าผมดูถูกคุณหรอกนะ แต่คุณไม่มีปัญญาจัดการผมได้หรอก”
เย่เทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วจงใจแสดงท่าทางที่ดูถูกออกมา “แต่ว่า ผมมันเป็นคนที่ค่อนข้างใจกว้าง เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่ให้โอกาสคุณ ผมจะต่อให้คุณสามกระบวนท่า!”
“แกดูถูกคนให้มันน้อยๆ หน่อย!”
เหยียนเฟิงที่เคียดแค้นเย่เทียนเป็นทุกเดิมอยู่แล้วก็ยิ่งโมโหขึ้นไปอีก เขาเคยถูกคนดูถูกขนาดนี้ตอนไหน?
เย่เทียนกลับโบกไม้โบกมืออย่างเกียจคร้าน แล้วพูดเร่งไปว่า “พอแล้ว คนมากมายขนาดนี้เขาไม่ได้มาดูเราโต้วาทีกันนะ ช่วยรีบๆ หน่อย สู้เสร็จผมยังธุระต้องไปทำอีก!”
“ตายซะเถอะแก!”
พอถูกเย่เทียนกวนประสาทไปหลายครั้ง เหยียนเฟิงจะไปทนไหวได้ยังไง ขยับขาแล้วดีดตัวออกไปทันที จากนั้นก็ซัดหมัดที่รุนแรงไปทางเย่เทียน
แต่ทว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหยียนเฟิงที่มาพร้อมกับเสียงคำราม เย่เทียนกลับไม่แม้แต่จะขยับ ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ แม้แต่สีหน้าที่ดูถูกก็ยังไม่หายไป
การกระทำของเย่เทียน มันยิ่งเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของเหยียนเฟิง เขาจึงเพิ่งแรงในมือเข้าไปอีก เพื่อจะล้มเย่เทียนให้ได้ในหมัดเดียว
“กระบวนท่าที่หนึ่ง!”
จนในตอนที่หมัดของเหยียนเฟิงจะถึงตัวเย่เทียน เย่เทียนถึงได้เคลื่อนไหว ขยับขาขวาไปด้านนอกเล็กน้อย
เหยียนเฟิงยิ้มออกมาอย่างดุร้าย ตอนนี้หมัดของเขาอยู่ห่างจากหน้าของเย่เทียนเพียงห้านิ้วเท่านั้น ต่อให้เย่เทียนจะขยับแล้ว แต่เขาก็มั่นใจว่าจะชกโดนเย่เทียนอย่างแน่นอน!
พริบตาเดียว หมัดของเหยียนเฟิงก็ชกไปที่หน้าของเย่เทียน แต่ภาพในหัวของทุกคนที่เย่เทียนกระเด็นออกไปกลับไม่ได้เกิดขึ้น แต่เป็นเหยียนเฟิงที่ทะลุผ่านร่างของเย่เทียนไปตรงๆ เขาที่เก็บแรงไม่ทันก็โซเซไปข้างหน้าจนเกือบล้มลงกับพื้น
“ภาพซ้อน?!”
ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ชมด้านล่างถึงกับตะลึง พวกเขาไม่เห็นเย่เทียนขยับเลย ไม่รู้เลยว่าเย่เทียนหลบออกไปได้ยังไง
ไม่ใช่แค่ผู้ชมที่อยู่ด้านล่าง แม้แต่เหยียนเฟิงที่อยู่บนเวทีเหมือนกันก็ยังทำตัวไม่ถูก รีบหันกลับไปมองภาพซ้อนที่ค่อยๆ หายไป ผ่านไปพักใหญ่ก็ยังตั้งสติไม่ได้
พอเห็นเหยียนเฟิงที่กำลังตะลึง เจี่ยซือหวี่ที่ดูการต่อสู้อยู่ข้างล่างก็ส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดเหยียดหยามไปว่า “คนพันธุ์นั้นยังคิดจะเอาชนะเย่เทียน เกรงว่าชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีหวังหรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่