ยังไงกัวหมิงเลี่ยงก็เป็นคนที่ค่อนข้างทะนงตน ก่อนหน้านี้ที่แพ้ให้กับช่ายเหมยเป่าอย่างน่าประหลาดนั้น ทำให้เย่เทียนได้อันดับหนึ่งของรุ่นเยาวชนในการแข่งชิงสิทธิ์ไป เขาจะรู้สึกแคลงใจขนาดไหนลองคิดดู
เพียงแต่ ตอนนี้ที่กำลังประลองกันมีแต่รุ่นอาวุโส เขาจึงเข้าไปร่วมวงด้วยไม่ได้ ตอนนี้จีเสว่ที่เป็นรุ่นเดียวกันขึ้นมาก่อความวุ่นวาย มันจึงสมใจเขาเลย เขาจะทำให้ทุกคนได้เห็นว่า ในรุ่นวัยชน เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด! ตำแหน่งแชมป์มีเพียงเขาเท่านั้นที่คู่ควร!
พอเห็นอย่างนั้น เย่เทียนก็นั่งกลับไปตามเดิม จ้องมองไปบนสังเวียนอย่างใจจดใจจ่อ มุมปากก็เผยรอยยิ้มที่น่าประหลาดออกมา ในเมื่อจีเสว่กล้ามาหาเขา ก็แสดงว่าต้องเตรียมการมาแน่ ในเมื่อกัวหมิงเลี่ยงร้อนใจขนาดนั้น งั้นก็ให้ไปลองดูก่อนแล้วกัน
จีเสว่เหลือบมองกัวหมิงเลี่ยงไปทีหนึ่ง แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “นั่นก็เพราะว่าคนตระกูลกัวของแกไม่รู้ว่าเจ๊คนนี้เป็นใคร ถ้าไม่อัดพวกมันแล้วจะให้อัดใคร!”
“เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม!” กัวหมิงเลี่ยงโกรธจนยิ้มออกมา “ถึงว่าทำไมเหยียนเฟิงถึงถูกเย่เทียนอัดจนพิการ ด้วยนิสัยอย่างเธอ ต่อให้เหยียนเฟิงไม่เสียท่าให้เย่เทียน สุดท้ายก็ต้องไปเสียท่าให้คนอื่นอยู่ดี!”
“แกว่าไงนะ แน่จริงก็พูดอีกรอบสิ!” พอได้ยินอย่างนั้น จีเสว่ก็เลิกคิ้วขึ้น แล้วจ้องเขม็งไปที่กัวหมิงเลี่ยง
“ฉันบอกว่า ต่อให้ไอ้สวะเหยียนเฟิงนั่นไม่แพ้ให้เย่เทียน ก็จะต้องแพ้ให้คนอื่นเพราะเธออยู่ดี ตอนนี้เป็นแค่คนพิการไม่ตายก็ถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว!” กัวหมิงเลี่ยงพูดด้วยรอยยิ้มที่ไม่ชอบใจ
“อยากตายใช่มั้ย!” จีเสว่แสดงแววตาที่อาฆาตออกมา ถีบขา แล้วมาปรากฏอยู่ตรงหน้าของกัวหมิงเลี่ยงอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ซัดฝ่ามือออกไปทันที
พอเห็นจีเสว่ลงมือ จอห์นนี่ก็ยิ้มอย่างผิดธรรมชาติออกมาที่มุมปาก กระโดดเบาๆ ลงจากสังเวียน และหายเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
ซาซากิ โยชิฮิเดะที่นิ่งเฉยอยู่นานก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พอเห็นทั้งสองกำลังสู้กัน เขาก็ลุกขึ้น แล้วเดินลงจากสังเวียนด้วยสีหน้าที่ห่อเหี่ยว มือข้างหนึ่งอุ้มฟูจีโน ซาบูโระที่สลบไปนานแล้วพุ่งตัวออกไป เห็นได้ชัดว่าการที่พ่ายแพ้ให้เสิ่นซิงอวี่นั้นส่งผลกับสภาพจิตใจของเขาไม่น้อยเลย
แต่สิ่งที่ทุกคนไม่ทันสังเกตก็คือ ในมุมหนึ่งกลางฝูงชน มีชายฉกรรจ์หัวล้านคนหนึ่งมองดูภาพที่ซาซากิ โยชิฮิเดะกับฟูจีโน ซาบูโระจากไปพร้อมกับได้ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย จากนั้นเขาก็ไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว
กัวหมิงเลี่ยงก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเหมือนกัน พอเห็นจีเสว่โจมตีเข้ามา เขาก็สับขาอย่างต่อเนื่อง และหลบฝ่ามือของจีเสว่ออกไปได้อย่างฉิวเฉียด
“หึ!” เมื่อการโจมตีแรกไม่โดน จีเสว่ก็ไม่ได้รีบโจมตีต่อ แต่กลับทำเสียงฮึดฮัด “พอมีฝีมืออยู่นี่ ถึงว่าทำไมอวดเก่งแบบนี้ ฉันจะให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย ขอโทษฉันซะ ไม่อย่างนั้น ต่อให้แกเป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลกัว ก็ไม่รอดอยู่ดี!”
“พูดจาใหญ่โตไม่รู้จักอาย!” กัวหมิงเลี่ยงนั้นได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งในรุ่นเยาวชน แล้วจะไปตกใจกลัวกับคำขู่เพียงไม่กี่คำของจีเสว่ได้ยังไง และได้พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นออกมาทันที “ถ้าเป็นอย่างนั้น งั้นฉันจะทำให้เธอเป็นเหมือนเหยียนเฟิง กลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต!”
พอได้ยินอย่างนั้น จีเสว่ก็โมโหยิ่งกว่าเดิม สีหน้าดูเคร่งขรึมขึ้นมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือกว่า “ในเมื่อแกเป็นคนรนหาที่ตายเอง งั้นก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน!”
ทันทีที่พูดจบ จีเสว่ก็เคลื่อนไหวแล้ว สับขาอย่างต่อเนื่อง พุ่งไปข้างหน้าราวกับภูตผี ทำมือเป็นกรงเล็บ แล้วข่วนไปที่กัวหมิงเลี่ยง
พอเห็นความเร็วของจีเสว่ กัวหมิงเลี่ยงก็ถึงกับตกใจ ไม่นึกไม่ฝันว่าจีเสว่จะเร็วได้ขนาดนี้ อยากจะหลบออก แต่ตอนนี้จีเสว่ก็พุ่งเข้ามาแล้ว
ฉึก!
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน กัวหมิงเลี่ยงก็ได้ขยับตัวเล็กหลบออกสองก้าว และโชคดีที่ขยับตัวสองก้าว จึงทำให้เขาหลบการโจมตีนี้ออกไปได้ แต่กรงเล็บของจีเสว่ก็ยังข่วนโดนไหล่ของเขาอยู่ดี จนเกิดเป็นแผลไปหลายแผล และเลือดสดๆ ก็ได้ไหลออกมา
“ฝีมือของจีเสว่เพิ่มขึ้นมากเลยนะเนี่ย” พอเห็นอย่างนั้น หลู่ซูหางก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาเบาๆ
คิ้วของเย่เทียนก็ขมวดขึ้นมาอย่างแรง มันเป็นอย่างที่หลู่ซูหางพูดจริงๆ ฝีมือของจีเสว่แตกต่างจากครั้งแรกที่เจอราวฟ้ากับดิน
แต่ตอนนี้สองคนที่อยู่บนสังเวียนกลับยังไม่ได้ใช้กำลังภายในเลย ใช้แค่พละกำลังล้วนๆ เย่เทียนเองก็มองไม่ออกว่าฝีมือจริงๆ ของจีเสว่เป็นยังไง
กัวหมิงเลี่ยงรู้สึกถึงอาการปวดแสบปวดร้อนที่ส่งมาจากไหล่ ก้มลงไปมอง ก็เห็นเสื้อสีขาวถูกเลือดย้อมจนแดงไปแล้วสีหน้าของเขาจึงเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “นี่เธออยากตายใช่มั้ย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่