ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 102

หลังโรงเรียนมีห้องรับรองอยู่ห้องหนึ่ง ใช้สำหรับให้อาจารย์ไว้พักผ่อน ด้านในมีโต๊ะหนึ่งตัว หนังสือและยังมีอุปกรณ์การเรียนอีก

ชั่วพริบตาซูเจ๋อพาเฉินเสียนเดินมาจนถึงภายในห้องรับรอง

ตู้หนังสือตั้งอยู่ติดกับผนัง ด้านในมีหนังสือเบ็ดเตล็ดเพียงไม่กี่เล่ม ยังพอมีที่ว่างอยู่บ้าง

ซูเจ๋อเปิดประตูตู้ และให้เฉินเสียนเข้าไปซ่อนตัว

เฉินเสียนปีนเข้าไปด้านในอย่างระมัดระวัง เหลือเชื่อเลยจริงเชียว ให้ตายเถอะ เหตุใดเธอต้องมาทำอะไรราวกับโจรหนีความผิดเช่นนี้...ทำราวกับว่านางกำลังแอบคบชู้ และกำลังจะถูกจับได้อย่างไรอย่างนั้น!

คราแรกเฉินเสียนคิดว่าซูเจ๋อช่างเด็ดเดี่ยวและองอาจเสียจริง ที่สละตนเองล่อเหล่าองครักษ์ไป แต่หางตาก็ต้องกระตุกเมื่อมองเห็นซูเจ๋อขดตัวเข้ามาหลบอยู่ด้านใน แล้วปิดประตูตู้

พื้นที่ในตู้หนังสือไม่ใหญ่มาก ทั้งสองถูกบีบอัดเข้ามากัน แออัดเสียจนไม่มีที่ว่างให้ขยับเท้า

ซูเจ๋อเพื่อไม่ให้ตนเองทับท้องของเฉินเสียน มือทั้งสองข้างจึงยันไว้ด้านข้างใบหน้าของเฉินเสียน เขาอยู่ใกล้ชิดยิ่งนัก ลมหายใจแทบสัมผัสรดลงมาที่ใบหูของเฉินเสียน

นางได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกของเขา ที่รดรินลงมาที่ต้นคอของตนเอง แฝงกลิ่นไม้กฤษณาจางๆ

หัวใจของเฉินเสียนกระโดดไปมาอย่างบ้าคลั่ง กัดฟันเพื่อระงับความฟุ้งซ่าน “ซูเจ๋อ ท่านเข้ามาทำอะไร! พูดไว้แล้วไม่ใช่รึ ข้าจะรับผิดชอบในการซ่อนตัว ส่วนท่านรับผิดชอบในการล่อพวกเขาออกไป!”

ซูเจ๋อกล่าว “ไม่ ข้ากลัว”

เฉินเสียนโกรธเคืองขึ้นมาทันใด “กลัวอะไรของท่าน! เห็นอยู่ชัดๆ ว่าท่านแสร้งมาทำเนียน ข้ารู้ว่าท่านรู้ศิลปะการต่อสู้!”

ซูเจ๋อใช้น้ำเสียงจริงจัง “แต่พวกเขามีดาบ และในมือข้าไม่มีอาวุธแม้แต่ชิ้นเดียว”

เจ้าว่าไปคำหนึ่งข้าว่าไปคำหนึ่ง องครักษ์วังหลวงที่อยู่อีกด้านกำลังตรวจตราเข้ามาในโรงเรียน

ภายในโรงเรียนไร้ซึ่งแสงสว่าง เช่นนั้นพวกเขาจึงคอยระวังทุกย่างก้าว เพราะเกรงว่าจะถูกลอบโจมตี

เฉินเสียนได้ยินเสียงชุดเกราะที่พวกเขาสวมใส่ เสียงรองเท้าบูตเหล็กเหยียบย่ำลงบนพื้น ทีละก้าว ทีละก้าว รบกวนจิตใจให้อยู่ไม่เป็นสุข

เฉินเสียนที่ยังอยู่ในตู้หนังสือกับซูเจ๋อ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน พยายามดันหน้าอกของเขาออก เท้าก็พลันเตะนั้นเตะนี้ไปทั่ว

ซูเจ๋อปิดหูของนางเอาไว้ น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น “อย่าทำให้เกิดเสียง มีคนกำลังมา หาไม่แล้วข้าจะกอดท่านไว้”

เขากางแขนออกแล้ววางกั้นเฉินเสียนไว้ทั้งสองข้าง เธอสงบลงทันที ไม่สร้างความวุ่นวายอีก

ร่างกายของทั้งคู่ใกล้ชิดกันมาก ซูเจ๋อไม่ได้แตะต้องเธอแม้แต่น้อย แต่บางทีอาจมีบ้างที่ชุลมุน ทำให้ชายเสื้อของทั้งสองเกี่ยวพันกัน และลมหายใจดังชัดเจนอยู่ข้างใบหู

เมื่อได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ ร่างกายของเฉินเสียนก็แข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว

โสตประสาทการได้ยินของซูเจ๋อว่องไวกว่าเธอมาก ตอนที่องครักษ์วังหลวงก้าวเข้ามาในห้อง เขากลับไม่ตื่นตระหนก นิ่งสงบไม่ไหวติง

เฉินเสียนจำเป็นต้องกำเหงื่อเย็นๆ ของตนเองไว้แทน ขบฟันไว้แทบทนไม่ไหวอยากจะกัดหูของซูเจ๋อเสียสักทีสองที เธอเอ่ยขึ้นว่า “เวลานี้จะทำเช่นไร พวกเขาต้องเปิดตู้ค้นหาเป็นแน่”

ซูเจ๋อเงียบ ยกมือขึ้นถอดปิ่นปักผมของเฉินเสียน พลังกำลังที่ถูกเก็บไว้ในฝ่ามือเตรียมพร้อมที่จะปล่อยออกไป

เมื่อเห็นท่าที เฉินเสียนรีบคว้ามือเขาไว้ทันใด การเคลื่อนไหวของมือเขาหยุดชะงัก สายตาในค่ำคืนอันมืดมิดตกกระทบมาที่การกระทำฉินเสียน ร้อนรุ่มราวกับไฟ

เฉินเสียนไม่มีเวลาสนใจเขา รีบวางลูกดอกที่ตนเองมักพกติดตัวไว้ตลอดเวลาใส่ในมือของซูเจ๋อ แล้วนำปิ่นปักผมของตนเองกลับมาใส่เข้าไปในมวยผมอีกครั้งอย่างไม่ใส่ใจ

หากปิ่นนี้ถูกปล่อยออกไป แล้วตกเป็นหลักฐานจะทำเช่นไร

ซูเจ๋อพลิกลูกดอกไปมา พบว่าลูกดอกนี้ดีกว่าปิ่นปักผมเป็นไหนๆ

ในขณะที่เสียงฝีเท้าคืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ นิ้วมือของซูเจ๋อกำแน่น เพื่อให้คล่องตัวและทรงพลังเมื่อลูกดอกถูกปล่อยออกไปจากมือ

ระยะห่างใกล้เพียงแค่นี้ เฉินเสียนรับรู้ได้ถึงพลังอำนาจที่ปล่อยออกมา ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว

เพียงแค่ซูเจ๋อไม่ได้ปล่อยลูกดอกใส่องครักษ์วังหลวงตรงหน้าเขา แต่กลับปล่อยไปที่ด้านบนตู้หนังสือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี