ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 135

ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “ตอนนั้นเป็นเจ้าเองที่ยืนกรานจะให้กำเนิดเด็กคนนี้ เจ้าเป็นคนฉลาด น่าจะคาดเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร”

เธอพอจะรู้มาตั้งนานแล้ว ตอนนั้นเธอคิดว่าเธอคงจะไม่รักเด็กคนนี้มากมายอะไร! แต่ตอนนี้เธอกลับทุ่มเทความรักของแม่ลงไปมากกว่าที่คิด

เฉินเสียนเอ่ยว่า “ข้ายอมรับเรื่องนั้น แต่จะให้ข้าไปดูเขาสักนิดไม่ได้หรืออย่างไร”

ฉินหรูเหลียงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกว่า “ถ้าสบโอกาส ข้าจะไปดูให้ว่าเขาสบายดีไหม แล้วข้าจะกลับมาบอกท่าน”

เฉินเสียนหันกลับไปด้วยสีหน้าว่างเปล่าและกล่าวว่า “ไม่จำเป็น ข้าคิดว่าลูกชายของข้าคงไม่ต้องการจะพบท่าน”

แม้ว่าฉินหรูเหลียงจะเข้าไปในวังแล้ว แต่ในจวนแม่ทัพก็ยังมีการฉลองงานเทศกาลไหว้พระจันทร์

เมื่อความมืดย่างกรายเข้ามา แสงไฟภายในจวนก็สว่างไสว

ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ เหล่าราษฎรต่างมีความสุขสนุกสนาน เฉินเสียนสั่งภายในจวนให้นำอาหารอร่อยๆ จากห้องครัวไปแบ่งปันให้แก่ทุกคนในจวนโดยไม่ต้องเก็บไว้ให้เจ้านาย

คืนนี้ฉินหรูเหลียงไม่อยู่ ในจวนมีนายอยู่สามคนคือที่สวนสระวสันตฤดู สวนดอกพุดตาน และสวนเซียงเสวี่ย ยังมีอาหารเหลืออีกมากนอกจากอาหารค่ำส่วนของเจ้านาย แน่นอนว่าข้ารับใช้ต่างมีความสุขกันมาก

ยังไม่ทันได้กินอาหารค่ำ เฉินเสียนก็เห็นดอกไม้ไฟเบ่งบานอยู่ท่ามกลางฟากฟ้ายามค่ำคืนนอกสวนสระวสันตฤดู

อวี้เยี่ยนที่อยู่ข้างๆ ปรบมือชื่นชม “คืนนี้จะต้องครึกครื้นมากแน่ๆ! คืนวันงานเทศกาลไหว้พระจันทร์ของทุกปีผู้คนจะฉลองเทศกาลโคมไฟ องค์หญิงดูแสงไฟนั่นสิเพคะ มันส่องแสงจนคืนนี้สว่างไสว”

เฉินเสียนมองตามนิ้วของอวี้เยี่ยนและเห็นว่าท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจริงๆ

แม่นมซุยหยิบเสื้อคลุมมาให้และวางพาดบนไหล่ของเฉินเสียน กล่าวว่า “องค์หญิงอย่าทรงทุกข์ใจไปเลยเพคะ ทุกอย่างย่อมมีหนทางเสมอ เทศกาลเช่นนี้นานทีจะมีหน องค์หญิงอาจจะมีความสุขขึ้น เราออกไปเดินเที่ยวที่ถนนข้างนอกกันดีไหมเพคะ”

ดวงตาของอวี้เยี่ยนเริ่มเป็นประกาย “เอ้อร์เหนียง ไปได้จริงๆ เหรอ”

แม่นมซุยยิ้มและกล่าวว่า “เมื่อปีก่อนบ่าวเคยไปเดินเที่ยว ถือว่าคึกคักและน่าสนใจมากทีเดียว”

อวี้เยี่ยนเอ่ยอย่างใฝ่ฝัน “บ่าวเองก็อยากไปมาตลอดเลยเพคะ แต่เมื่อก่อนอยู่ในวังจึงเข้าออกอย่างอิสระไม่ได้ ในที่สุดตอนนี้ก็มีโอกาสแล้ว”

พูดจบนางก็ดึงแขนเสื้อของเฉินเสียนและออดอ้อนอย่างน่าสงสารว่า “องค์หญิง เราออกไปเดินเล่นกันดีไหมเพคะ”

เฉินเสียนต้านทานความน่าสงสารของอวี้เยี่ยนไม่ไหว ทั้งยังรู้ว่าทั้งสองคนอยากพาเธอออกไปผ่อนคลายจิตใจ เธอเองก็ยังไม่เคยเดินเที่ยวที่ถนนโคมไฟในยุคโบราณอย่างนี้ จึงถือโอกาสตอบตกลงออกไปเดินเล่น

ด้วยเหตุนี้ทั้งสามคนจึงเดินออกไปจากจวนแม่ทัพด้วยกัน

ทั่วทุกหนทุกแห่งเต็มได้ด้วยบรรยากาศแห่งความอิสระและความสนุกครึกครื้นของกระแสแห่งเทศกาล

เมื่ออยู่บนถนนและมองไปรอบๆ จะเห็นโคมไฟเรียงรายสวยงามราวกับผ้าไหม ประหนึ่งดวงดาวที่ทอแสงและกลายเป็นแถบริ้วสว่างไสวหลากสีสัน

ประชาชนต่างพากันออกมาเดินเที่ยวที่ถนนในค่ำคืนนี้ บนถนนมีผู้คนพลุกพล่าน สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าแผงลอยประดับประดาสวยงาม

ทันทีที่ออกมาอวี้เยี่ยนก็ละสายตาไปจากทิวทัศน์บนถนนไม่ได้เลย นางพกกระเป๋าเงินออกมาด้วย อีกสักพักตั้งใจจะไปเลือกซื้อของที่ร้านแผงลอยริมถนน

เฉินเสียนไม่คิดว่าขณะที่เพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จะมีใครคนหนึ่งยืนโบกมือให้เธออยู่ที่หัวมุมตรงทางแยก

แม่นมซุยเป็นคนเห็นก่อน นางสะกิดอวี้เยี่ยนและถามว่า “ตรงนั้นมีคนเรียกองค์หญิงอยู่ใช่ไหม”

อวี้เยี่ยนหันไปจ้องมอง จากนั้นจึงสะกิดเฉินเสียนอีกทอดและบอกว่า “องค์หญิง คนที่เรียกองค์หญิงอยู่ตรงนั้นใช่คุณชายเหลียนหรือเปล่าเพคะ”

ทันทีที่มาอยู่ที่ถนน แสงสีที่อยู่รอบๆ ก็ทำให้ความเบื่อหน่ายของเฉินเสียนลดลงไปมาก เธอติดอยู่ในกระแสแห่งเทศกาลเช่นเดียวกับคนอื่นๆ และค่อยๆ กลมกลืนไปกับมัน

เฉินเสียนสั่งว่า “ตอนอยู่ข้างนอกเช่นนี้อย่าเรียกข้าว่าองค์หญิง ให้เรียกว่านายหญิง”

เธอพูดพลางหรี่ตามองไปตามนิ้วของอวี้เยี่ยนที่ชี้ออกไป จากนั้นจึงเห็นเงาคนวูบไหวไปมาอยู่ใต้แสงไฟ มีรถม้าหนึ่งคันจอดอยู่ที่ริมทางและมีใครคนหนึ่งเอนร่างพิงอยู่ที่หน้ารถม้านั่น

คนผู้นั้นแต่งกายด้วยผ้าทอ เขาโบกมือให้เฉินเสียนด้วยสีหน้าที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี