ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 134

จักรพรรดิตรัสว่า “เขาถือว่าเป็นหลานของข้าเช่นกัน อ้ายชิงวางใจได้ ข้าจะดูแลเขาอย่างดี เป็นอันตกลงตามนี้ พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนไปรับเขา เจ้ากลับไปก่อนได้”

เฉินเสียนไม่คิดว่าจะมีคนจากพระราชวังจะมารับตัวเจ้าน่องน้อยไป ทั้งที่เธอกับเจ้าน่องน้อยยังใช้เวลาอยู่ด้วยกันได้ไม่ถึงครึ่งเดือนเลยด้วยซ้ำ

ฉินหรูเหลียงเป็นคนพาคนจากวังไปที่สวนสระวสันตฤดู เวลานั้นคนจากในวังเรียงแถวอยู่ในลานและแสดงความเคารพอย่างสุภาพ

เฉินเสียนอุ้มเจ้าน่องน้อยไว้ในอ้อมอกและมองฉินหรูเหลียง

ฉินหรูเหลียงขยับปากกระซิบเบาๆ “นี่คือพระประสงค์ขององค์จักรพรรดิ ท่านกับข้าจะขัดพระประสงค์ไม่ได้”

แน่นอนว่าเฉินเสียนรู้ดีว่านี่คือดำริขององค์จักรพรรดิ แต่พระองค์จะอดใจรอไม่ได้เชียวหรือ รออีกสักสองสามเดือนหรือสักปีสองปี รอให้เจ้าน่องน้อยโตกว่านี้สักหน่อยไม่ได้หรืออย่างไร

เฉินเสียนก้มมองเจ้าน่องน้อยที่หลับอยู่และเอ่ยว่า “จะต้องรีบร้อนขนาดนี้เลยหรือ”

เธอเองก็รู้ว่าเมื่อเด็กคนนี้เกิดมา เขาจะกลายเป็นจุดอ่อนที่ถูกใช้เพื่อบีบบังคับเธอกับฉินหรูเหลียง

ฉินหรูเหลียงไม่ได้เปิดเผยต่อใครว่าเจ้าน่องน้อยไม่ใช่ลูกของเขา ดังนั้นแม้ว่าเด็กจะถูกพาตัวเข้าไปในวังก็ไม่มีผลอะไรกับเขาอยู่ดี ในอนาคตจักรพรรดิจะไม่มีทางใช้เจ้าน่องน้อยมาข่มขู่เขาได้

แต่เจ้าน่องน้อยเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเฉินเสียน

เธอยังเล่นกับเขาไม่พอ ยังมองดูเขาได้ไม่เท่าไหร่ ยังหยอกล้อเขาได้ไม่อิ่มใจเลย

แม้ว่าในอนาคตเขาจะกลายเป็นเพียงภาระตัวน้อย แต่เมื่อสายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกก่อตัวขึ้นมาแล้ว เธอจะยอมตัดใจไม่ได้เด็ดขาด

ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “องค์จักรพรรดิทรงทราบว่าเขาร้องไห้ไม่ได้ พระองค์จึงดำริจะรับผิดชอบพาเขาไปรักษาในวัง ทั้งหมดก็เพื่อประโยชน์ของเจ้าน่องน้อยเอง”

เฉินเสียนฟังแล้วอยากจะหัวเราะเยาะ

เพื่อเจ้าน่องน้อยงั้นเหรอ

จักรพรรดิอยากจะบีบเธอให้ตายคามือละสิไม่ว่า

ในเวลานี้คนจากวังเอ่ยด้วยความเคารพว่า “องค์หญิงทรงวางพระทัยมอบท่านชายน้อยให้กระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ องค์จักรพรรดิมีพระราชโองการมา และพวกกระหม่อมจะปรนนิบัติดูแลท่านชายน้อยอย่างดีที่สุด”

เฉินเสียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดกับเจ้าน่องน้อยที่อยู่ในผ้าอ้อมว่า “เป็นเด็กดีนะเจ้าน่องน้อย ไปที่วังแล้วก็อย่าทน ถ้าหิวหรือเจ็บขึ้นมา เมื่อควรร้องก็ต้องร้อง เมื่อควรส่งเสียงก็ต้องส่งเสียง เจ้าเข้าใจใช่ไหม”

เจ้าน่องน้อยไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด

ทว่าดวงตาเรียวยาวของเขาเปิดขึ้นเล็กน้อย

ดวงตาสีดำกับขาวที่ตัดกันอย่างชัดเจนเปรียบเสมือนสิ่งที่สะอาดและบริสุทธิ์ที่สุดบนโลกใบนี้

คราวนี้เขาไม่ได้หลับตาลงอย่างไม่สนใจ แต่ยังคงลืมตาและจ้องมองเฉินเสียนอยู่ตลอด

เขาใช้ขาถีบสองครั้งเมื่อเฉินเสียนส่งเขาให้ข้าหลวงจากในวัง ทว่าเขายังคงไม่ร้องไห้

เฉินเสียนเฝ้ามองพวกเขาพาเจ้าน่องน้อยเดินออกไปจากประตูจวนแม่ทัพ และขึ้นไปบนรถม้าที่โอ่อ่ากว้างขวางซึ่งส่งมาจากพระราชวัง

เฉินเสียนยืนอยู่หน้าประตูนานมาก

แม่นมซุยกับอวี้เยี่ยนทนไม่ได้และเกลี้ยกล่อมเธอทั้งที่ดวงตาแดงก่ำ “องค์หญิง ร่างกายขององค์หญิงยังไม่แข็งแรง จะตากลมหนาวไม่ได้นะเพคะ”

เฉินเสียนปัดมือที่ยื่นออกมาของพวกนางและตอบไปว่า “ข้ายังไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”

ฉินหรูเหลียงยังคงยืนอยู่ที่ประตูเช่นกัน ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า “ท่านไม่ต้องกังวล ลูกจะปลอดภัยเมื่ออยู่ในวัง ในวังมีหมอหลวง อีกทั้งยังมีนางสนมมากมาย ดูไปแล้วก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี”

เฉินเสียนไม่สนใจเขา เธอทำเป็นหูทวนลมและหันหลังเดินจากไป

ฉินหรูเหลียงหัวเราะเยาะตัวเอง คำพูดของเขาฟังดูไม่จริงใจเลยแม้แต่น้อยเพราะถึงอย่างไรนั่นก็ไม่ใช่ลูกของเขา

แต่นี่คือพระราชโองการจากองค์จักรพรรดิ ไม่ว่าอย่างไรเฉินเสียนก็ไม่มีทางเลือก เขาพยายามเกลี้ยกล่อมพระองค์แล้ว เขาเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน

เมื่อกลับมาที่สวนสระวสันตฤดูอีกครั้ง ที่นี่ก็ดูเงียบเหงาลงไปถนัดตา

เฉินเสียนไม่มีกะจิตกะใจจะพูดหรือทำสิ่งใดอีกต่อไป

ยามที่อากาศดีเธอมักจะนอนเอนหลังอยู่ใต้ร่มไม้และหลับไปตลอดทั้งบ่าย

อวี้เยี่ยนเอ่ยอย่างกังวลว่า “องค์หญิงเข้าไปบรรทมในห้องเถิดเพคะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี