เฉินเสียนกำเศษผ้าไว้แน่น เรือนร่างของนางถูกปกคลุมด้วยความมืด ไม่เห็นสีหน้าและไม่มีเสียงพูดใดๆ
หลิ่วเหมยอู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ก็แค่อดีตองค์หญิง ทั้งยังบ้าๆ บอๆ ที่ในพระราชวังยังเลี้ยงดูท่านจนเติบใหญ่มาถึงตอนนี้ก็นับว่าเป็นความกรุณามากแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่องค์จักรพรรดิจะโยนตัวปัญหาอย่างเจ้าทิ้งมาให้ท่านแม่ทัพ”
หลิ่วเหมยอู่ปัดเสื้อผ้าและยืนขึ้นตรงหน้าเฉินเสียน ทันใดนั้นนางก็เอื้อมมือมาบีบคางของเฉินเสียนและบังคับให้นางหันมาสบตาตนเอง ดวงตาที่สวยงามนั้นเต็มไปด้วยกระแสแห่งความเกลียดชัง “ท่านรู้ไหมว่ามันเป็นเพราะท่าน ท่านยืนกรานจะแต่งงานกับท่านแม่ทัพ ทั้งที่เดิมทีแล้วข้าต่างหากที่ควรจะเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพชนะศึกกลับมา แต่รางวัลตอบแทนคุณงามความดีกลับเป็นการแต่งงานและได้คนโง่อย่างท่านเป็นภรรยา!”
เล็บที่แหลมคมจิกลงบนผิวของเฉินเสียน หลิ่วเหมยอู่กล่าวต่อไปว่า “แต่ไม่เป็นไร ถึงตอนนี้ท่านสมควรแล้วที่จะต้องทนรับความเจ็บปวดไปชั่วชีวิต”
หลิ่วเหมยอู่ไม่คิดว่าหญิงโง่ผู้นี้จะตอบโต้กลับ
อยู่ๆ นางก็เงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาแดงก่ำ ทันใดนั้นนางก็โถมตัวเข้าหาหลิ่วเหมยอู่ทันที
หลิ่วเหมยอู่ถูกผลักจนล้มลงไปกองอยู่บนพื้น นางกรีดร้องและต่อสู้กันอยู่ตรงนั้น
เฉินเสียนไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น นางพยายามจะเตะหลิ่วเหมยอู่อีกสักสองสามทีขณะที่ฉินหรูเหลียงเข้ามาแยกพวกนางออกจากกัน นางตะโกนถามว่า “ทำไมเจ้าถึงต้องตัดเสื้อผ้าที่ข้ามอบให้หรูเหลียง! ใครสั่งให้เจ้าตัดมัน!”
เพี้ยะ!
ภายในห้องเงียบสงัดลงทันที มีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นของหลิ่วเหมยอู่เท่านั้นที่ยังคงดังอยู่
ฉินหรูเหลียงตบเฉินเสียนจนหน้าหัน
เขากล่าวว่า “พอได้แล้ว ข้าเป็นคนขอให้นางตัดมันเอง ท่านจะทำไม”
นางคิดว่าตัวเองอาจจะทำอะไรผิดไปและขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ไม่พูดไม่จา
ฉินหรูเหลียงพาหลิ่วเหมยอู่ที่ร่างกายอ่อนแอออกไป เมื่อเดินไปถึงประตูเขายังสั่งอีกว่า “หาใครมาคอยเฝ้านังผู้หญิงบ้าคนนี้ไว้ อย่าปล่อยให้นางออกจากห้องแม้แต่เพียงก้าวเดียว!"
ฉินหรูเหลียงผู้นี้ชอบฉีกหัวใจของนางจนเป็นรูเสมอ
เห็นได้ชัดว่านางชอบเขามาก
หลังจากนั้นนางก็ถูกกักขังอยู่ในเรือนหลังนี้ อาหารสามมื้อในแต่ละวันไม่ทำให้นางอิ่ม นางต้องอยู่อย่างหิวโหยและหนาวเหน็บเช่นนี้ทุกวัน
นางไม่เคยเจอฉินหรูเหลียงอีกเลย
หลังจากแต่งงานมาแล้วประมาณสองเดือน ฉินหรูเหลียงก็เป็นฝ่ายมาหาเฉินเสียนเป็นครั้งแรก เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “เดือนหน้าข้าจะแต่งงานกับหลิ่วเหมยอู่ วันนี้ข้ามาเพื่อจะบอกให้ท่านรู้ไว้ วันพิธีถูกกำหนดไว้แล้ว”
ใบหน้าของเฉินเสียนไร้สีเลือด
ฉินหรูเหลียงหันหลังและเดินกลับไป ทว่าเขาหยุดนิดหนึ่งเมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้และกล่าวว่า “ยังมีอีกอย่าง แม้ว่านางจะแต่งเข้ามาทีหลัง แต่หลังจากแต่งเข้ามาแล้วนางจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งอนุภรรยา แต่จะมีสถานะเช่นเดียวกับท่าน”
ฉินหรูเหลียงยังไม่เดินออกไปจากประตูเรือน เขายืนอยู่ที่กรอบประตูราวกับเป็นภาพวาด
และไม่คิดว่าอยู่ๆ เฉินเสียนจะเอ่ยบางอย่างขึ้นมา “หรูเหลียง ท่านคิดว่าข้าเป็นคนโง่ที่จะรังแกได้ง่ายๆ ใช่ไหม”
ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้วและหันกลับไปมองนางอย่างไร้ความรู้สึก
ในขณะนั้นนางเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง น้ำตาไหลอาบแก้ม “ท่านคิดว่าข้าเป็นเพียงคนโง่ที่ไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือ หรูเหลียง คนอย่างอาเสียนไม่ได้โง่”
หลังจากที่ฉินหรูเหลียงจากไป ความเจ็บปวดที่ซึมลึกเข้าไปถึงกระดูกและความรักที่ผันแปรก็รุมบดขยี้นางอย่างโหดร้าย นางเริ่มคลื่นไส้และก้มหน้าอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง รู้สึกเหน็ดเหนื่อยไปทั้งกายและใจและพึมพำออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า “อาเสียนไม่ได้โง่... อาเสียนไม่ได้โง่... อาเสียนไม่ใช่คนโง่...”
การแต่งงานของฉินหรูเหลียงและหลิ่วเหมยอู่ถูกกำหนดไว้แล้ว
แม้ว่าเขาเพิ่งจะแต่งงานกับองค์หญิงได้เพียงสามเดือน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...