ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 222

เฮ่อฟั่งประสานมือคารวะแล้วกล่าวขึ้นว่า“องค์จักรพรรดิผู้ทรงปรีชาญาณ กระหม่อมมีความคิดเห็นพ่ะย่ะค่ะ ต้องการหาผู้หนึ่งจับตามองบัณฑิต ส่งข่าวบอกองค์จักรพรรดิได้ทันท่วงที เช่นนั้นคนผู้นั้นทางที่ดีที่สุดต้องเป็นศัตรูกับบัณฑิตนะพ่ะย่ะค่ะ”

“อ้อ? ดูเหมือนว่าในใจของเจ้ามีผู้ที่เลือกไว้แล้ว”

“กระหม่อมอยากแนะนำน้องชายคนเล็กของกระหม่อมเฮ่อโยวพ่ะย่ะค่ะ น้องชายคนเล็กดื้อรั้นหัวแข็ง ชอบเล่นสนุกสนาน ไม่เข้าใจเรื่องในราชสำนัก พอใช้แล้วเขาไม่ร้ายกาจ อีกทั้งยังเขาเกลียดชังบัณฑิตเป็นอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”

องค์จักรพรรดิแปลกใจ กล่าวถามขึ้นว่า“เพราะเหตุใด?”

เฮ่อฟั่งกล่าวว่า“องค์จักรพรรดิไม่รู้หรอกว่า ก่อนจะฉลองเทศกาลวันตรุษจีนน้องชายคนเล็กของกระหม่อมดื่มเหล้าเมามายอยู่บนถนน ประจวบเหมาะกับบัณฑิตเดินผ่านถนนนั้น น้องชายคนเล็กของกระหม่อมไม่รู้ภาษีภาษา หลักปฏิบัติ ลวนลามเขาพ่ะย่ะค่ะ ต่อมาน้องชายคนเล็กได้ถูกบัณฑิตพากลับมาส่งที่เรือน เกียรติยศท่านพ่อป่นปี้ ตีน้องชายคนเล็กของกระหม่อมอย่างรุนแรงต่อหน้าบัณฑิต ตั้งแต่นั้นมา ทุกครั้งที่น้องชายคนเล็กกล่าวถึงบัณฑิต เขาก็กัดฟันกรอดด้วยความเกลียดชังพ่ะย่ะค่ะ”

องค์จักรพรรดิหัวเราะแล้วกล่าวว่า“ยังมีเรื่องราวเช่นนี้”

พระองค์ก็เคยได้ยินว่าลูกชายของเฮ่อเซียงนี้ไม่เป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ ไม่มีตำแหน่งขุนนาง ไม่มีจุดยืน มีเพียงความแค้นเป็นศัตรูกับซูเจ๋อ บุคคลเช่นนี้เดินทางร่วมกันกับซูเจ๋อ ไม่มีอะไรที่เหมาะสมเท่านี้แล้ว

องค์จักรพรรดิอาจจะรู้ว่าเหตุใดเฮ่อฟั่งถึงมีเจตนาเช่นนี้ เพียงแต่ไม่กล่าวออกมาโดยตรง ด้วยเหตุนี้เรื่องราวเลยกำหนดไว้เช่นนี้

ยังไม่เสร็จ เฮ่อฟั่งกล่าวขึ้นทันทีอีกว่า“กระหม่อมยังมีอุบายที่พลิกแพลง ทั้งทำลายเย่เหลียงได้ อีกทั้งยังขจัดภัยพิบัติทางเหนือได้ด้วย ดึงเป่ยเซี่ยมาเป็นกองกำลังพันธมิตร ยังสามารถขจัดความกังวลใจขององค์จักรพรรดิไปได้พ่ะย่ะค่ะ ”

องค์จักรพรรดิสีหน้าเคร่งเครียดกล่าวว่า“อุบายอันใดกัน?”

เฮ่อฟั่งกล่าวด้วยความเคารพนอบน้อม“อุบายที่ยืมมือผู้อื่นจัดการพ่ะย่ะค่ะ”

วันต่อมาพระราชโองการประกาศบนราชสำนัก แต่งตั้งให้ซูเจ๋อดำรงตำแหน่งเป็นทูตเจรจากับเย่เหลียง ไปจัดการเจรจาสงบศึกของสองเมืองบริเวณชายแดนโดยฉับพลัน

แต่ทว่า ลายลักษณ์อักษรบนพระราชโองการบอกอย่างชัดเจน ว่าต้าฉู่เสนอเงื่อนไขให้เพียงสามคูเมือง สั่งให้ซูเจ๋อไปต้อนรับขับสู่กับเย่เหลียง ภารกิจที่หนักอึ้งต้องจัดการเรียบร้อย

ประกาศพระราชโองการนี้แล้ว ขุนนางแต่ละระดับต่างพากันเงียบไม่กล่าวสิ่งใด

มีเพียงซูเจ๋อที่เดินออกมาจากกลุ่มขุนนาง ก้มศีรษะลงแล้วรับพระราชโองการนี้

ใครก็ดูออกว่าองค์จักรพรรดิให้ปัญหาหนึ่งที่แก้ยากกับซูเจ๋อ

เย่เหลียงต้องการห้าคูเมือง และต้าฉู่ยินยอมให้เพียงสามคูเมือง เดิมสามคูเมืองนี้ต้าฉู่เคยแย่งชิงมาจากเย่เหลียงอีกด้วย

หากนี่ทำให้เย่เหลียงโมโห ก่อให้เกิดการเจรจาสันติภาพของทั้งสองเมืองล้มเหลว เช่นนั้นซูเจ๋อก็กลายเป็นนักโทษของต้าฉู่

หากว่าซูเจ๋อไม่ดำเนินการตามพระราชโองการ มาตรแม้นว่าการเจรจาสันติภาพสำเร็จลุล่วงแล้ว หากเขายังมีโอกาสกลับมาที่ราชสำนัก องค์จักรพรรดิก็ยังสามารถใช้การค้านพระราชโองการนี้ลงโทษเขาเช่นเดิม

ไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังล้วนตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก ขุนนางแต่ละระดับต่างพากันปาดเหงื่อ แท้ที่จริงแล้วไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงทำอย่างกับไม่วิตกกังวลรับพระราชโองการนี้มา

หลังจากช่วงเช้าตรู่สิ้นสุดลง จวนตระกูลเฮ่อก็ได้รับพระราชโองการ แต่งตั้งให้เฮ่อโยวดำรงตำแหน่งเป็นรองท่านทูต แล้วสั่งให้เฮ่อโยวกับซูเจ๋อออกเดินทางร่วมกัน

ผู้ที่มาแจ้งข่าวให้ทราบคือบุคคลของพระราชวังที่อยู่ข้างกายองค์จักรพรรดิ ได้นำความหมายขององค์จักรพรรดิบอกกับเฮ่อโยวอย่างชัดเจนและครอบคลุม

แม้ว่าเขาเป็นท่านรองทูตในนาม ครั้งนี้ยังแบกภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเช่นกัน ยิ่งต้องควบคุมดูแลซูเจ๋อท่านทูตผู้นี้ ในกรณีที่เขามีการกระทำพฤติกรรมอะไร เฮ่อโย่วต้องรีบรายงานมาที่เมืองหลวงอย่างรวดเร็วด้วย

ระหว่างทางจะมีขุนนางตรงจุดพักม้าที่รับส่งจดหมายด่วนไปที่ราชสำนักโดยเฉพาะ เฮ่อโยวเพียงแค่ต้องไปถึงจุดพักม้าทุกที่แล้วเขียนจดหมายส่งกลับเข้ามาในเมืองหลวงก็พอแล้ว

เฮ่อโยวรับคำสั่งอย่างมีหลักการคล่องแคล่ว และก้มศีรษะลงขอบคุณที่องค์จักรพรรดิโปรดปราน

เมื่อก่อนเขารู้เพียงกินนอนเล่นไปวันๆ ไม่สนใจเกี่ยวกับการปกครองบ้านเมือง และก็ไม่เคยมีตำแหน่งขุนนางเลย แท้ที่จริงแล้วไม่รู้เหตุใดองค์จักรพรรดิถึงได้เลือกเขา

รู้ว่าเขางงงวย คนของพระราชวังผู้นั้นก็กล่าวอย่างคลุมเครือว่าเป็นเพราะเรื่องที่เฮ่อโยวลวนลามบัณฑิตถูกจับมัดห้อยเฆี่ยนตี เฮ่อโยวก็เข้าใจทันที

องค์จักรพรรดิกับบัณฑิตไม่ใช่สหายที่สนิทดีต่อกัน ครั้งนี้เลยต้องการหาคนคนหนึ่งจับตาดูเขา

คนของพระราชวังกลับไป เฮ่อเซียงเกิดความกระสับกระส่ายเป็นอย่างมาก

เฮ่อโยวไม่เคยออกไปไกลเรือน เฮ่อเซียงก็ไม่อยากให้เขาเข้ามาในวงจรเหล่านี้เลย

เฮ่อเซียงกล่าวว่า“ช่วงบ่ายข้าจะเข้าไปในพระราชวังขอร้องอ้อนวอนให้องค์จักรพรรดิเรียกคืนคำสั่งที่ประกาศใช้แล้ว และเลือกผู้อื่น”

แต่ทว่าเฮ่อโยวเมินเฉยเล็กน้อยแล้วกล่าวขึ้นว่า“ไม่ต้องแล้ว ข้าจะไปเอง เมื่อก่อนท่านเกลียดชังข้าที่ไม่เรียนไม่มีวิชา พอดีกับที่ข้ามีโอกาสที่จะเปลี่ยนทีละก้าวๆ”

เฮ่อเซียงกล่าวขึ้นว่า“เจ้าอายุยังน้อย เรื่องในราชสำนักจะง่ายอย่างที่เจ้าคิดที่ไหนกันเล่า!”

สองพ่อลูกมีความแตกต่างกันทางความคิด เฮ่อโยวก็ไม่มีทางที่จะพูดคุยกับท่านพ่อเหมือนอย่างเมื่อก่อนที่ไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่อีกแล้ว

เขาเติบโตและก็ไม่สนิทแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี