ทั้งสองใกล้กันขนาดนี้ เฉินเสียนสามารถมองเขาได้อย่างไม่กังวลเลยสักนิด
ซูเจ๋อเหลือบตาขึ้นมองสบตากับเธอ
เฉินเสียนสั่นเล็กน้อย เธอมักจะถูกทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้
เธอหลบสายตาอย่างรวดเร็ว แล้วพูด:“ไม่มีใครที่เหมาะจะอยู่คนเดียวตั้งแต่กำเนิดหรอก ซูเจ๋อ ท่านก็ไม่ใช่เหมือนกัน
เมื่อตอนกลางวันข้าโกรธก็จริง ถึงแม้ว่าท่านอยู่กับข้า แต่กลับไม่เคยให้ข้าช่วยแบ่งเบาอะไรจากท่านเลย ไม่ว่าอะไรก็ตาม ท่านเอาแต่เก็บไว้ในใจ คิดอยู่ผู้เดียว”
เฉินเสียนถอนหายใจ ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจแล้วพูด:“เป็นท่านในแบบนี้เลวมากนักหรือ? บางที ไม่ต้องลงมือด้วยตัวท่านเอง ก็สามารถส่งคนพวกนั้นไปลงนรกได้;ในใจท่านไม่มีความเป็นธรรม มีเพียงแค่เป้าหมายที่ใกล้จะสำเร็จ ทุกคนต่างก็เป็นหมากในเกมของท่าน พอคิดแบบนี้แล้ว ท่านน่ากลัวขนาดว่าทำให้ผู้คนหวาดผวาได้จริงๆ”
สีหน้าของซูเจ๋อหดหู่ลงเล็กน้อย
เฉินเสียน:“แต่ว่านะ ข้าเคยพูดไว้นานแล้วไม่ใช่หรือ ไม่ว่าท่านจะน่ากลัวเพียงใด ต่อให้เป็นคนเลวที่สุดในใต้หล้า ข้าก็ไม่กลัวอยู่ดี”
ซูเจ๋อมองเธอด้วยความงงงัน
เธอยังคงพูดต่อ:“ท่านทำให้ข้ารู้สึกว่าปลอดภัยได้อย่างน่าประหลาด ที่คนอื่นเขาคิดว่าท่านน่ากลัว นั่นก็เพราะพวกเขาไม่เข้าใจ”
ซูเจ๋อ:“ข้าไม่เคยเปิดโอกาสให้ผู้อื่นรับรู้นี่”
เฉินเสียน:“เมื่อตอนกลางวันไม่ทันได้พูดคำพูดพวกนี้ ตอนนี้พูดคงไม่สายไปใช่หรือไม่”
ซูเจ๋อ:“ข้าดีใจเล็กน้อย” เขาพูดเสริมต่อ “ไม่ใช่แค่เล็กน้อยสิ”
เฉินเสียนวาดริมฝีปากอย่างน่าขัน “เช่นนั้นท่านควรแลกเปลี่ยนความคิดของท่านกับข้าด้วยความบริสุทธิ์ใจใช่หรือไม่”
ดวงตาที่เรียวยาวทั้งสองของซูเจ๋อก้มลงมองที่มุมปากของเฉินเสียน แล้วเลื่อนมาบนริมฝีปากของเธอ
เขายื่นมือออกมาแตะที่ใบหน้าด้านข้างของเฉินเสียน นิ้วมือลูบที่มุมปากของเธอเบาๆ
ครั้งนี้เฉินเสียนไม่ได้หลบออก เธออดไม่ได้ที่จะเข้าไปแนบชิดกับมือของเขา
เวลานี้สายตาของซูเจ๋อย้ายมาที่ริมฝีปากของเฉินเสียน พูดอย่างช้าๆ:“ความคิดของข้าในตอนนี้คืออยากจูบท่านจนทนไม่ไหว ท่านยังอยากแลกเปลี่ยนกับข้าอยู่หรือไม่?”
เฉินเสียนนิ่งไปสักพัก มองขึ้นเผชิญกับสายตาที่ลุ่มลึกของเขา แล้วรู้สึกประหม่าขึ้นมา
ความร้อนในตัวที่เธอพึ่งจะเย็นลงได้เหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
ใครจะไปคิดว่าเวลานี้เฮ่อโยวกลับมาแล้ว เห็นว่าทั้งสองนั่งอยู่ที่ระเบียงทางเดิน เลยพูดขึ้นมาจนเสียบรรยากาศ:“พวกท่านมานั่งทำอะไรตรงนี้?”
เห็นว่ามือของซูเจ๋อกำลังลูบไล้ที่ใบหน้าของเฉินเสียน เฮ่อโยวพูดขึ้นมาอีกพร้อมเหตุผล:“บัณฑิตซูเจ๋อ!ผิดหวังจริงที่ท่านเป็นบัณฑิต ทำรุ่มร่ามแบบนี้ได้อย่างไรกัน มือของท่านวางอยู่ที่ใด!”
ซูเจ๋อหน่ายจะใช้สายตาปรามเขาแล้ว พูดด้วยความเหนื่อยหน่าย:“เกี่ยวอะไรกับเจ้า?”
เฮ่อโยว:“คิดไม่ถึงว่าภายนอกท่านสุภาพเรียบร้อย แต่ธาตุแท้กลับทำเรื่องเสื่อมเสียแบบนี้!”
เฉินเสียนกระตุกหนังตา บนใบหน้าเลือดร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง:“เฮ่อโยว เขาแค่กำลังช่วยข้าประคบเย็น”
“ประคบเย็น?” เฮ่อโยวมองอย่างละเอียดแล้วถาม “เฉินเสียน หน้าท่านเป็นอะไรไป?”
เฉินเสียนตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก:“หกล้ม”
เฮ่อโยวเดินมานั่งข้างเฉินเสียนอีกฝั่ง ถอนหายใจแล้วพูด:“เวลาเดินก็ต้องมองดีๆ ทำไมท่านไม่ระวังแบบนี้ล่ะ โตขนาดนี้แล้วยังหกล้มอยู่อีก”
เฉินเสียน:“......”
มีเฮ่อโยวอยู่ที่นี่ เฉินเสียนกับซูเจ๋อก็ไม่สามารถพูดคุยกันได้อย่างเมื่อครู่แล้ว
เห็นว่าทั้งสามนั่งอยู่ด้วยกันที่ระเบียงทางเดิน จู่ๆก็ไม่มีอะไรจะพูด
บรรยากาศแปลกๆ
เฉินเสียนรับรู้ได้ถึงน้ำแข็งในผ้าประคบกำลังละลายอย่างชัดเจน ก็เลยถามซูเจ๋อออกไป:“น้ำแข็งนี่ของท่านทำที่ไหนหรือ เย็นสบายดีนะ”
ซูเจ๋อเหลือบตามองก้อนน้ำแข็งในมือแวบหนึ่ง:“ท่านหมายถึงอันนี้หรือ ข้าไปขุดมาจากโลงศพแช่แข็งในห้องใต้ดินมา”
เฉินเสียนเหลือบมองเขา:“......ท่านว่าอย่างไรนะ? ท่านใช้น้ำแข็งจากโลงศพแช่แข็งประคบหน้าให้ข้า?”
เฮ่อโยวส่ายหน้าจุ๊ปากอยู่ข้างๆ:“ใจกว้างเกินไปจริงๆ ถึงขนาดที่เอาของที่คนตายใช้มาใช้กับเฉินเสียน บัณฑิตท่านเจตนาจะทำอะไรของท่าน!”
ซูเจ๋อเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้ทัน พูดด้วยความไม่สะทกสะท้าน:“รองท่านฑูตเฮ่อ ท่านพึ่งจะตื่นนอนมา ไม่คิดอยากจะทานอาหารมื้อค่ำหรือ ยังไงซะฟ้าก็มืดขนาดนี้แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...