จักรพรรดิเย่เหลียงจับไม่ได้ ในทางกลับกันถูกทหารเย่เหลียงตีล้อมพร้อมโจมตี
จ้าวเทียนฉีออกคำสั่งฝ่าวงล้อมออกไปให้ได้ด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ผลที่ได้เย่เหลียงเพิ่มกองกำลังอย่างไม่ขาดสาย เลือดนองทุกหนแห่ง เข่นฆ่ากันหนึ่งวันเต็ม เหล่าทหารของต้าฉู่ที่มาซุ่มโจมตีในยามวิกาลต่างก็ล้มลงไปทีละคน
ท้ายที่สุดจ้าวเทียนฉีไม่สามารถฝ่าวงล้อมออกมาได้ กองกำลังทหารทั้งหมดแพ้ราบคาบ
ทุกอย่างจะจบลงเองเมื่อฟ้าสาง
แต่ฟ้ายังไม่ทันได้สว่าง สีท้องฟ้าด้านนอกยังคงมืดครึ้ม เมืองเสวียนทั้งเมืองก็ตื่นขึ้นมาจากความฝัน
เย่เหลียงปล่อยทหารของต้าฉู่ที่มาซุ่มโจมตีนายหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บทั้งตัวกลับมารายงาน
กองกำลังทหารทั้งหมด ถูกเย่เหลียงฆ่ากวาดล้าง
บนเส้นทางด้านนอก ทุกหนทุกแห่งกำลังรวมพลทหาร ผู้คนต่างตื่นตระหนก บรรยากาศหนาวเหน็บ
เฉินเสียนลุกออกมาตอนรุ่งสาง ซูเจ๋อก็กำลังออกมาจากห้องพอดี
ไม่นานพวกเขาก็ได้ทราบเรื่องราวนี้
จู่ๆต้าฉู่ก็สูญเสียแม่ทัพใหญ่หนึ่งนายและรองแม่ทัพอีกจำนวนหนึ่ง ขวัญกองกำลังทหารก็ตกต่ำอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ในช่วงเช้า ศีรษะของเหล่ารองแม่ทัพถูกตัดลงมา แต่ละหัวถูกแขวนไว้บนกำแพงเมือง เพื่อยั่วยุและปรามต้าฉู่
เหล่าทหารของต้าฉู่โมโหแต่ไม่กล้าพูด
ณ ตอนนี้เหล่าทหารไม่มีผู้นำทัพ ที่จะบอกเกี่ยวกับการทำสงครามต่อ ตอนนี้ความหยิ่งทะนงตัวของเย่เหลียงเพิ่มมากขึ้น ต่อให้ส่งทหารไปที่สนามรบมากกว่านี้ก็เหมือนส่งไปตายเสียเปล่า
เดิมทีนึกว่าหลังจากที่ทูตมาถึงด่านชายแดนทั้งสองอาณาจักรจะไม่มีสงคราม แต่บัดนี้ต้าฉู่ซุ่มโจมตีในยามวิกาล ทำลายความตั้งใจในการเจรจาสงบศึกก่อน และได้ยั่วโมโหเย่เหลียงไปแล้ว
เย่เหลียงกำลังเสริมความแข็งแกร่งให้ทหารทั้งสามเหล่าทัพ และกำลังจะโจมตีเมืองเสวียนในไม่ช้า
เมืองเสวียนไม่เพียงแต่ต้องรักษาราษฎรไว้ แม้แต่เหล่าทหารเอง ทุกคนก็รับรู้ได้ถึงความอันตราย
แม่ทัพโฮ้วเป็นแม่ทัพที่ผ่านศึกมามากมายในกลุ่มกองกำลังทหาร ไม่เพียงแต่มากประสบการณ์ อีกทั้งชื่อเสียงอำนาจยังมีมากอีกด้วย
ในเวลานี้มีเขาออกมาปลอบขวัญกำลังใจของทหาร รวมพลังกันขึ้นมาใหม่ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและจะไม่มีการปัดความรับผิดชอบให้ผู้อื่น
เฮ่อโยวที่ชอบฟังเรื่องแบบนี้พูดขึ้นมา:“ถึงแม้ว่าในเวลานี้การดีใจกับสงครามที่เกิดจะไม่ดีงามนัก แต่ในตอนที่ได้ยินว่าท่านแม่ทัพจ้าวไปไม่กลับนั้น ในใจข้าก็สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย”
เฮ่อโยวค้ำคางไว้แล้วพูด:“ข้านึกว่าเขาต้องการกวาดล้างเย่เหลียงเสียอีก ไม่เจียมตัวเสียเลย ไม่ว่าใครต่างก็ดูถูก ที่แท้ก็เป็นได้แค่นั้น”
พูดแล้วก็หันหน้าไปมองทางเฉินเสียนและซูเจ๋อ “นี่ไม่ใช่ว่าต้องเปิดสงครามอีกงั้นหรือ การมาเจรจาสงบศึกของพวกเรานี่ยังจำเป็นอยู่หรือไม่?”
เฉินเสียนหรี่ตามองท้องฟ้า บนท้องฟ้ามืดครึ้ม วันนี้ไม่มีดวงอาทิตย์ น่าอึดอัดซะจนทำให้ผู้คนรู้สึกแย่
ไม่รู้ว่าหยาดฝนพอจะตกลงมาได้หรือไม่
เธอพูดกับซูเจ๋อ:“ท่านเคยคิดไหมว่าจ้าวเทียนฉีไปครั้งนี้จะยั่วโมโหเย่เหลียง ส่งผลให้การเจรจาสงบศึกที่ไม่ทันได้เริ่มก็ล้มเหลวเสียแล้ว”
ซูเจ๋อ:“ยั่วโมโหเย่เหลียงได้ก็จริง ส่วนการเจรจาสงบศึกจะล้มเหลวหรือไม่นั้น ยังไม่ถึงช่วงเวลาสุดท้าย ก็ไม่สามารถตัดสินได้”
เฉินเสียนงุ้มปากแล้วพูด:“ดูแล้วท่านคิดมาแล้วว่าขั้นต่อไปควรจะทำอย่างไร ลองพูดดูหน่อยจะเป็นไรไป”
ซูเจ๋อหันข้างไปมองเธอ เหมือนจะหัวเราะแล้วพูด:“มีแค่ช่วงที่ทั้งสองทัพทำสงครามกัน ท่านกับข้าจะไปที่แนวหน้าเพื่อโจมตีทัพหน้า ท่านกลัวหรือไม่?”
เฉินเสียนทำเสียงเหมือนจะไม่เห็นด้วย:“เป็นความคิดที่โง่เขลาเสียจริง”
เฉินเสียนถามต่อ:“ถ้าหากยังมีโอกาสเจรจาสงบศึก ท่านวางแผนว่าจะเจรจากับเย่เหลียงอย่างไร ตอนนี้ก็น่าจะบอกข้าได้แล้วนะ?”
ซูเจ๋อเลิกคิ้วตอบ :“ราชสำนักยินดีให้แค่สามคูเมืองเท่านั้น เช่นนั้นข้าคงได้แค่ใช้เงื่อนไขของสามคูเมืองนี้ไปเจรจา”
“เย่เหลียงเป็นอาณาจักรที่รบชนะ ท่านไปพูดคุยเงื่อนไขกับพวกเขา มันจะเป็นไปได้หรือ?”
“ข้าจะพยายามให้เต็มที่”
ซูเจ๋อพูดเข้าใจง่าย ถึงกับทำให้เฉินเสียนเชื่ออยู่ชั่วขณะ ถ้าหากเป็นคนอื่น ไม่มีทางทำได้แน่;แต่ถ้าเป็นเขา ซูเจ๋อ เช่นนั้นไม่ว่าอะไรก็ตามคงมีความเป็นไปได้
เฮ่อโยวฟังอยู่ข้างๆอย่างงุนงง:“เช่นนั้นสรุปว่าจะเจรจาหรือว่าไม่เจรจา?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...