นอกเมืองมีลมพายุพัดมากะทันหัน แผ่นดินผืนนี้เต็มไปด้วยความซบเซาหลังจากที่เกิดสงคราม เลือดที่กระเด็นยังไม่ทันได้แห้งเหือด เป็นลายพร้อยเฉกเช่นเดียวกับรอยแผลเป็น ตามมาด้วยกลิ่นเหม็นคาว
ถ้าหากไม่ใช่เพราะการบุกรุกของกองกำลังทหารเย่เหลียง นอกเมืองที่ถูกทำเป็นสนามรบราบเรียบนี้ ก็ยังคงมีพื้นที่จำนวนมากที่กว้างโล่งและรกร้างอยู่
แต่แค่ในตอนนี้ เมื่อมองออกไป กองกำลังทหารที่แน่นขนัดกำลังหยุดอยู่ห่างออกไปร้อยกว่าเมตร เหมือนเมฆดำที่มีพลังดุจสายฟ้ายิ่งใหญ่เสียจนใครก็มิอาจขวางได้
สถานการณ์คับขันเสียจนทำให้ผู้คนไม่มีเวลาได้ถอนหายใจกับความโหดร้ายของสงคราม
ซูเจ๋อเดินนำเฉินเสียนไปข้างหน้าทีละก้าว ทุกก้าวที่เดินก็เหมือนเหยียบย่ำบนใจคน หนักหน่วงเกินกว่าจะทนรับไหว
ถ้าหากทั้งสองทัพเริ่มรบขึ้นมา เกรงว่าพวกเขาคงถูกบดเป็นเนื้อในเริ่มแรกทันที
เฮ่อโยวก็ตามพวกเขามาด้วย โดยมีแม่ทัพโฮ้วปกป้องอยู่ด้านหน้า
ในที่สุดพวกเขาทั้งสามก็ได้มายืนตรงกลางท่ามกลางการเผชิญหน้าระหว่างสองทัพ
ลมพายุพัดมาเข้าตา เฉินเสียนหรี่ตาลง ชุดกระโปรงพลิ้วไหว ผ้าไหมสีเขียวลอยขึ้นไปในสายลม แขนเสื้อที่กว้างก็เช่นกัน ท่าทางของเธอยังคงสง่างามและสูงส่ง
แม่ทัพโฮ้วพูดเสียงต่ำแต่มีพลัง:“ต้าฉู่เจรจาสงบศึกกับเย่เหลียงด้วยความบริสุทธิ์ใจ เพื่อเชื่อมสัมพันธภาพของทั้งสองอาณาจักร สร้างความสุขให้ราษฎร ตอนนี้ท่านทูตเจรจาและองค์หญิงจิ้งเสียนได้มาถึงสนามรบแล้ว เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของทั้งสองอาณาจักร”
ในพื้นที่กว้างขวางนี้ ได้ยินเสียงของฝ่ายตรงข้ามดังมา:“เจรจาสงบศึกด้วยความบริสุทธิ์ใจ? เจรจาสงบศึกแต่ต้าฉู่ของเจ้ามาซุ่มโจมตีเย่เหลียงของข้า?!”
แม่ทัพโฮ้ว:“นั่นเป็นเพราะแม่ทัพเจิ้นหนานที่ตัดสินโดยพลการผู้เดียว!บัดนี้ศีรษะของผู้นำทัพต้าฉู่ข้าถูกแขวนไว้ที่กำแพงเมืองของเย่เหลียง ต้าฉู่ก็สูญเสียทหารและแม่ทัพไปเช่นกัน ถือว่ามอบสิ่งตอบแทนไปแล้ว!บัดนี้องค์หญิงจิ้งเสียนมาเจรจาสงบศึกกับเย่เหลียงด้วยพระองค์เอง นับว่าเป็นความจริงใจที่ใหญ่หลวงแล้ว!”
แม่ทัพฝ่ายตรงข้ามหัวเราะออกมา:“องค์หญิงจิ้งเสียนไหนเล่า? หรือว่าองค์หญิงที่สูญเสียอาณาจักรสมัยก่อนของราชวงศ์ก่อน? นี่ต้าฉู่ดูหมิ่นพวกเราเย่เหลียงหรือ แม้แต่องค์หญิงที่ไร้ประโยชน์ยังกล้าส่งมา!”
ฝั่งเย่เหลียง ผู้นำทัพเป็นผู้มากประสบการณ์เช่นเดียวกับแม่ทัพโฮ้ว เพียงแต่ยังมีแม่ทัพหนุ่มอีกหนึ่งคนอยู่ข้างๆอีกด้วย
ขณะที่เขาได้ยินนามขององค์หญิงจิ้งเสียน นัยน์ตาก็เผยให้เห็นความโหดเหี้ยม สายตาจับจ้องไปที่เฉินเสียนที่อยู่ตรงกลางสนามรบ และซูเจ๋อที่หน้าตาจืดชืด
แต่ก็ถูกระยะทางกั้นไว้ ตอนนี้เขามองใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามไม่ชัด
แม่ทัพหนุ่มพูดกับผู้นำทัพ:“ท่านแม่ทัพใหญ่ลองถามดู ท่านทูตที่มาเจรจาสงบศึกใช่ซูเจ๋อหรือไม่”
แม่ทัพใหญ่เย่เหลียงถามมาแล้ว ได้รับคำตอบที่แน่ชัดจากแม่ทัพโฮ้ว
ในตอนนั้นเฉินเสียนรู้สึกแปลกใจมาก พูดกับซูเจ๋อ:“ท่านมีชื่อเสียงขนาดนี้เลยหรือ พวกเขาต่างก็รู้จักท่าน?”
ซูเจ๋อสายตาอึมครึม มองไปยังทิศทางข้างหน้า พูดเสียงเบา:“บางทีอาจจะเป็นแค่คู่แค้นเก่า”
รองแม่ทัพที่ติดตามแม่ทัพใหญ่เย่เหลียงอยู่ข้างๆมิใช่ใครอื่น แต่เป็นหลิ่วเฉียนเฮ้อที่หนีมาจากเมืองหลวงเมื่อปีที่ผ่านมา
ในสนามรบนี้ หลิ่วเฉียนเฮ้อมากกลยุทธ์ มักจะทำนายการเคลื่อนไหวต่อไปของต้าฉู่ได้อย่างแม่นยำ ด้วยเหตุนี้หลายครั้งที่ภารกิจมิอาจสำเร็จก็สำเร็จได้ เขาถึงสามารถปีนป่ายจนถึงตำแหน่งปัจจุบันในเย่เหลียง
เวลานี้ หลิ่วเฉียนเฮ้อพูดกับแม่ทัพใหญ่เย่เหลียง:“ต้าฉู่ถึงกับส่งองค์หญิงราชวงศ์ก่อนมา เห็นได้ชัดว่ามายั่วยุ!ถึงแม้ว่าจะไม่มีประโยชน์อะไร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มาในฐานะขององค์หญิง มิสู้ฆ่านางเพื่อสร้างขวัญให้ทหารสามเหล่าทัพ!”
หลิ่วเฉียนเฮ้อแทบอยากจะรีบเปิดสงคราม เอาไฟสงครามเผาไปยังพื้นที่ของต้าฉู่ ให้ผืนแผ่นดินต้าฉู่กลายเป็นแผ่นดินที่แห้งแล้ง เพื่อประกอบพิธีเซ่นไหว้ให้แก่ความแค้นที่มีต่อพวกเขา
หลิ่วเฉียนเฮ้อพูดต่อ:“ซูเจ๋อที่อยู่ข้างกายองค์หญิงจิ้งเสียน เป็นบุคคลที่มีเล่ห์เหลี่ยมมาก ไม่แน่ว่าการซุ่มโจมตีเมื่อคืนเป็นความคิดของเขา อยากจะอาศัยจังหวะก่อนจะเจรจาสงบศึก พุ่งเป้ามาที่จักรพรรดิ เช่นนี้ไม่ต้องทำสงครามก็ได้รับชัยชนะแล้ว!คนผู้นี้สมควรฆ่า!”
แม่ทัพใหญ่เย่เหลียงได้ยินแล้วโมโหมาก
เขายื่นมือออกมาด้านข้าง หลิ่วเฉียนเฮ้อส่งคันธนูและลูกธนูไปให้เขาอย่างรู้งาน
เขาค่อยๆง้างธนูสุดกำลัง ลูกธนูที่แหลมคมกำลังรอที่จะยิงออกไป
เมื่อลูกธนูถูกยิงออกไป ก็เท่ากับว่าเป็นสัญลักษณ์การประกาศเปิดสงคราม
หลิ่วเฉียนเฮ้อมองสถานการณ์ แล้วง้างธนูเช่นกัน เขากับแม่ทัพใหญ่เย่เหลียงทั้งสอง คนหนึ่งเล็งธนูไปที่ซูเจ๋อ คนหนึ่งเล็งไปที่เฉินเสียน
การที่สามารถกำจัดศัตรูทั้งสองที่ชายแดนได้ สำหรับหลิ่วเฉียนเฮ้อแล้วเป็นผลประโยชน์ที่ได้มานอกเหนือความคาดหมาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...