ซูเจ๋อพูดขึ้นช่วงเวลาที่เหมาะว่า “ฝ่าบาทได้รับจดหมายจากเป่ยเซี่ยแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิสงสัย “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“เมื่อก่อนตอนที่ข้ากระหม่อมซูส่งจดหมายไปให้เป่ยเซี่ย เมื่อลองคิดคำนวณเวลา ถ้าเกิดว่าเป่ยเซี่ยมีจดหมายส่งมา ก็คงเป็นเวลาไม่กี่วันนี้พ่ะย่ะค่ะ”
จักพรรดิเพิ่งจะรู้ว่าประเมินค่าซูเจ๋อต่ำไป จึงพูดว่า “เจ้าคงเตรียมการไว้ตั้งแต่ทีแรกหมดแล้ว”
ซูเจ๋อพูด “เวลานั้นเป่ยเซี่ยสนใจแต่ตัวเอง ไม่สนใจองค์หญิงจิ้งเสียน แต่มาถึงวันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว จักรพรรดิเป่ยเซี่ยเป็นคนมีความเมตตาความชอบธรรม อย่างไรก็ตามจิ้งเสียนก็เป็นพระราชนัดดาบุญธรรมของจักรพรรดิเป่ยเซี่ย”
เฉินเสียนมองไปที่ซูเจ๋อ
แสงสว่างที่อ่อนโยนส่องสว่างอยู่บนตัวเขา งดงามอย่างมาก เธอรู้สึกว่า ซูเจ๋อกับเย่เหลียงกำลังเจรจาต่อรองกัน เวลาเพิ่งจะเริ่มเมื่อครู่นี้
“ถ้าจิ้งเสียนเกิดเรื่องขึ้นมาในเย่เหลียง ก็จะไปส่งเสริมให้ต้าฉู่กับเป่ยเซี่ยกลายเป็นพันธมิตรกัน เย่เหลียงก็จะตกอยู่ในอันตรายพ่ะย่ะค่ะ”
องค์จักรพรรดิเย่เหลียงไหนเลยจะไม่เข้าใจ ดังนั้นพรุ่งนี้วางแผนที่จะส่งเฉินเสียนกลับต้าฉู่
ตอนนี้ซูเจ๋อและเฉินเสียนเข้าใจในวัตถุประสงค์ของเขา เขากลับถูกจำกัดขอบเขตมากยิ่งขึ้น
จักพรรดิพูด “ในเมื่อองค์หญิงจิ้งเสียนมีความสัมพันธ์กับเป่ยเซี่ย ทำไมถึงไม่พูดชักจูงให้เป่ยเซี่ยกับเย่เหลียงของข้าผูกพันธมิตรกัน เช่นนั้นเหนือใต้ก็สามารถโจมตีขนาบ เพื่อทำลายต้าฉู่ได้ ”
เขาเปิดเผยให้เห็นความทะเยอทะยานของจักรพรรดิ “ถึงอย่างไรก็ตามจักรพรรดิของต้าฉู่ตอนนี้ก็คือศัตรูของพ่อแม่ที่เสียไปแล้ว เช่นนั้นแล้วก็ยังช่วยองค์หญิงได้แก้แค้น”
เฉินเสียนไม่ใช่หลิ่วเฉียนเฮ้อ ที่เพื่อการแก้แค้นนั้นจะไม่เลือกใช้กลอุบาย
เธอเม้มปากยิ้ม แล้วถามว่า “เมื่อถึงเวลานั้น ต้าฉู่ยังเป็นต้าฉู่อยู่หรือเปล่า?”
ถึงเวลานั้นก็คงไม่มีต้าฉู่อยู่แล้ว ดินแดนนั้นทั้งหมดก็คงเป็นของเย่เหลียง ดินแดนที่เคยเป็นบ้านเกิดของเธอก็คงไม่มีอีกต่อไป
องค์จักรพรรดิเย่เหลียงรู้ว่านางไม่ใช่คนที่โอนเอียงง่าย หน้าตายังคงหนักแน่น
ซูเจ๋อยังพูดต่อว่า “โลกที่วุ่นวาย ประชาชนตกอยู่ในความยากจนไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้ ฝ่าบาททรงมีพระกรุณาเมตตา เชื่อว่าคงไม่อยากจะเห็นสถานการณ์เช่นนั้น พวกเรามาเพื่อสันติภาพพ่ะย่ะค่ะ”
“เพื่อสันติภาพ” จักรพรรดิยิ้มเย็น “เพื่อสันติภาพ ต้าฉู่เพียงต้องการใช้แค่สามคูเมืองแล้วก็จะฆ่าข้างั้นรึ?”
ซูเจ๋อพูด “ นั่นคือชีวิตของจักรพรรดิฉู่ ข้ากระหม่อมซูต้องทำตาม ถ้าเกิดเป็นข้ากระหม่อมซู ต้องเต็มใจยินยอมสัญญาให้ห้าคูเมืองแก่ฝ่าบาท แต่นั่นก็ต้องขึ้นกับฝ่าบาทว่าจะเชื่อจักรพรรดิฉู่หรือว่าจะเชื่อข้ากระหม่อมซูพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิสั่นรู้สึกสั่นสะเทือน กลับทบทวนมองดูซูเจ๋อใหม่ คนคนนี้ที่มีน้ำเสียงและสีหน้านิ่งมาโดยตลอด
จักพรรดิพูด “เจ้ามีความสามารถอะไร ที่ทำให้ข้าไม่เชื่อจักรพรรดิฉู่แล้วยังต้องมาเชื่อขุนนางฉู่อย่างเจ้า”
ซูเจ๋อลืมตาขึ้น ภายในตาส่งความอบอุ่นออกมา “ข้ากระหม่อมซูอยู่ข้างองค์หญิงจิ้งเสียน ถ้าฝ่าบาทเชื่อข้ากระหม่อมซูก็ถือว่าเชื่อองค์หญิงจิ้งเสียนด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
จักพรรดิพิจารณาคำพูดของซูเจ๋ออย่างรอบคอบ สีหน้าจึงค่อยค่อยๆเปลี่ยน
“เวลานี้ต้าฉู่ยอมให้สามคูเมืองแก่เย่เหลียง” น้ำเสียงของซูเจ๋อพูดอย่างผ่อนคลาย “กาลเวลาข้างหน้าต้าฉู่ถูกปราบได้ ค่อยให้สองเมืองกับเย่เหลียง เย่เหลียงยืนอยู่ข้างๆไม่ต้องทำอะไร ก็สามารถครอบครองอีกสองคูเมืองได้เช่นกัน นั่นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี”
“ถ้าไม่อย่างนั้น เวลานี้ฝ่าบาทควรจะยอมรับเงื่อนไขของต้าฉู่ที่ให้เพียงแค่สามคูเมืองก่อน หรือว่าจะทำสงครามกันระหว่างสองดินแดน ช่วงสงครามถ้าฝ่าบาทไม่ยอมปล่อยให้องค์หญิงจิ้งเสียนกลับไป ก็จะไปส่งเสริมให้เป่ยเซี่ยกับต้าฉู่เป็นพันธมิตรกัน นั่นไม่มีประโยชน์อะไรกับเย่เหลียงเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”
จักพรรดิพูด “ไม่ใช่ข้าไม่ปล่อยนาง แต่เป็นเพราะนางไม่ยอมกลับไป”
ซูเจ๋อหัวเราะ แล้วพูดว่า “นั่นก็แน่นอน นอกเสียจากฝ่าบาทจะปล่อยข้ากระหม่อมซูให้กลับไปพร้อมกัน เมื่อข้ากระหม่อมซูกลับไปต้าฉู่ ต้องเกิดสงครามอย่างไม่หยุดยั้งแน่นอน ถึงเวลานั้นจะชนะหรือแพ้ ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละบุคคลเอง ”
ไม่ว่าจะทางไหน สำหรับองค์จักรพรรดิเย่เหลียงแล้วนั่นไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่ฉลาดเลย ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแต่ต้องเชื่อซูเจ๋อและเฉินเสียน ที่เขาสามารถอยู่เฉยๆแล้วได้ผลประโยชน์มา
จักรพรรดิเงียบไปสักครู่ จ้องมองซูเจ๋อแล้วพูดว่า “เจ้ามั่นใจอย่างนี้ แน่นอนว่าจะสามารถช่วยให้องค์หญิงจิ้งเสียนปราบต้าฉู่ได้?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...