อีกฝ่ายเอื้อมมือมาช่วยประคองเธอไว้ก่อน
เมื่อเฉินเสียนเงยหน้ามอง เธอจึงเห็นว่าเขาคือฉินหรูเหลียง เธอเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเคยได้ยินใครสักคนบอกไว้ว่าฉินหรูเหลียงก็พักฟื้นอยู่ในเรือนแห่งนี้โดยที่อาศัยอยู่ในห้องฝั่งตรงข้าม
เดิมทีก่อนหน้านี้ฉินหรูเหลียงก็บาดเจ็บอยู่แล้ว ครั้งนี้เมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้งเขาจึงหมดสติไปสองสามวัน และในที่สุดก็ฟื้นขึ้นมา
เพียงแต่สีหน้าของเขายังดูไม่ค่อยดีนัก ที่แขนและเอวยังมีผ้าพันแผลพันเอาไว้ เขาเพียงแค่พาดเสื้อคลุมไว้บนไหล่และฝืนลุกออกจากเตียงเดินมาที่นี่
ตอนนี้แขนข้างหนึ่งของเขายังมีผ้าพันแผลผูกประคองไว้เพื่อดามไม่ให้แขนเคลื่อน
เขาได้ยินมาว่าเฉินเสียนคอยเฝ้าอยู่ที่ห้องของซูเจ๋อตลอดหลายวันที่ผ่านมา เธอยืนกรานเช่นนั้นและไม่มีใครหว่านล้อมเธอได้เลย
เธอดูแลอาการบาดเจ็บของซูเจ๋อด้วยตัวเองโดยไม่มีเวลาแม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือปลีกตัวไปไหน
แต่ถึงอย่างไรเฉินเสียนก็ไม่ใช่ว่าจะแข็งแกร่ง ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปเธออาจจะทนไม่ไหว
ก่อนหน้านี้ฉินหรูเหลียงได้แต่ฟังคำบอกเล่าจากหมอหลวงที่รักษาอาการบาดเจ็บของเขา เมื่อลุกจากเตียงไหวเขาจึงมาที่นี่ทันที
เมื่อเห็นท่าทางที่อ่อนล้าของเฉินเสียน เขาก็ตระหนักได้ว่าหมอหลวงไม่ได้พูดเกินจริงเลยแม้แต่นิดเดียว
ฉินหรูเหลียงไม่เคยเห็นเฉินเสียนเหนื่อยล้าเช่นนี้มาก่อน
ซูเจ๋ออยู่กับเธอและเขาเป็นคนที่พิเศษไม่เหมือนใคร เพื่อช่วยชีวิตเขา เธอถึงกับไม่ยอมพัก ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอนได้ถึงขั้นนี้
ฉินหรูเหลียงรู้สึกไม่สบอารมณ์
เขายังจำได้ว่าตอนที่เขาถูกนักฆ่าเตะจนตกภูเขา เขาได้ยินเฉินเสียนตะโกนเรียกชื่อเขาดังลั่น
ฉินหรูเหลียงคิดว่าตราบใดที่เขายอมทุ่มเทเพื่อเธอ เขาจะได้รับสิ่งตอบแทนเสมอ
แต่ตอนนี้เมื่อเทียบกับซูเจ๋อแล้ว เขาไม่ได้มีความสลักสำคัญใดๆ เลย
ผู้หญิงคนนี้ยังคงเป็นภรรยาของเขา อย่างน้อยก็ในนาม
แต่เพื่อผู้ชายคนอื่นเธอกลับดึงดันและมองข้ามสามีอย่างเขา
ฉินหรูเหลียงถึงกับรู้สึกอิจฉาซูเจ๋อขึ้นมาเล็กน้อย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ไม่มีทางทำให้ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้คืนกลับมาหาเขาได้
ได้แต่มองดูเธอโผเข้าหาผู้อื่นราวกับไฟที่ลุกโหม
ก่อนหน้านี้ความรู้สึกนี้ยังไม่รุนแรงนัก เพราะเมื่อก่อนไม่เคยมีใครมาแก่งแย่งช่วงชิงกับเขา เขารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนและคิดเสมอว่ายังมีเวลาอีกมากที่จะค่อยๆ เติมเต็มส่วนที่ขาดไป
แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว
เฉินเสียนดึงมือออก เมื่อเห็นหน้าเขา ในที่สุดเธอก็จำได้และถามว่า “อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
ฉินหรูเหลียงตอบว่า “ไม่เป็นอะไรมาก หมอหลวงบอกว่าบาดแผลไม่โดนจุดสำคัญ”
เฉินเสียนพยักหน้าและเอ่ยง่ายๆ ว่า “ดีแล้ว ท่านกลับไปนอนพักผ่อนจะดีกว่า”
เฉินเสียนไม่พูดอะไรมากกว่านี้ เมื่อพูดจบเธอก็เดินเลี่ยงฉินหรูเหลียงออกไป
ฉินหรูเหลียงถามว่า “ท่านจะไปไหน”
“ไปล้างหน้าแล้วจะกลับมาต้มยา”
ฉินหรูเหลียงไม่ได้รั้งเธอไว้
ไม่นานหลังจากนั้นเฉินเสียนก็กลับมา หลังจากล้างหน้าด้วยน้ำเย็นๆ เธอก็ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก นางกำนัลติดตามมาและนำน้ำแร่ภูเขากับเตาถ่านมาให้ใหม่ จากนั้นเฉินเสียนจึงเดินไปที่เตาและเริ่มต้มยาอีกครั้ง
เดิมทีนางกำนัลต้องการจะเข้ามาช่วย แต่เมื่อเห็นเฉินเสียนหยิบจับอย่างแคล่วคล่อง พวกนางจึงไม่มีโอกาสยื่นมือเข้ามาเลย
เครื่องปรุงยาต่างๆ ถูกวางไว้ในห้อง เธอใช้มือกะปริมาณยาตามความเหมาะสมและใส่ลงไปในน้ำ จากนั้นจึงสั่งให้นางกำนัลถอยออกไป
ฉินหรูเหลียงยังคงอยู่ที่นั่น เขายืนอยู่ตรงหน้าประตูและมองดูเฉินเสียนจัดการสิ่งต่างๆ อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แม้ว่าความจริงเธอจะเหนื่อยมากแล้ว แต่สีหน้าของเธอกลับยังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
หลังจากเธอทำทุกอย่างเสร็จแล้ว แสงอาทิตย์ยามเช้าก็ส่องลอดเข้ามาจากช่องหน้าต่าง ส่องพื้นห้องจนเห็นเป็นสีทองอร่าม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...