น้ำเสียงของเฉินเสียนเรียบเฉยและแหบพร่าไร้ซึ่งอารมณ์ “ท่านบอกว่านางคือองค์หญิงซึ่งมีผู้คนรายล้อมมากมาย แล้วนางจะน่าสงสารเช่นนั้นได้อย่างไร... เพราะครั้งหนึ่งเคยมีชายหนุ่มเต็มใจปีนต้นไม้เพื่อไปเก็บแอปริคอตให้เธอ แต่ภายหลังเขากลับไปเต็มใจที่จะเก็บมันให้คนอื่น”
ลูกกระเดือกของฉินหรูเหลียงขยับเล็กน้อย ทว่าเขาไม่พูดอะไรสักคำ
เฉินเสียนเอ่ยอย่างเลื่อนลอยว่า “แต่น่าเสียดายที่เฉินเสียนผู้นั้นตายไปแล้ว หลังจากที่ท่านแต่งงานกับนาง ท่านไม่เคยดูแลไม่เคยใส่ใจ ปล่อยให้นางหิวโหยและหนาวเหน็บ ปล่อยให้นางถูกคนรังแก แม้กระทั่งคนที่นางรักยังทำร้ายนางด้วยมือของตัวเอง หัวใจของนางค่อยๆ ถูกทำลายจนแหลกละเอียด”
ความทรงจำของชีวิตในช่วงสามเดือนภายในจวนแม่ทัพที่เจ้าของเดิมทิ้งไว้ให้ ตอนนี้เธอยังจำมันได้ชัดเจน
ทุกๆ อย่างกลายเป็นรอยแผลลึก
เฉินเสียนกล่าวว่า “ท่านไม่เชื่อว่าหลิ่วเหมยอู่เป็นคนกรีดใบหน้าของนาง ไม่เชื่อว่านางถูกหลิ่วเหมยอู่ไล่ออกจากจวน เพียงแต่... ในตอนที่นางขอความช่วยเหลืออยู่ท่ามกลางหิมะนั่น นางได้ตายจากไปแล้ว ในเวลานั้นท่านอยู่ไหน ท่านไม่เคยสนใจเลยว่านางจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร”
เธอมองฉินหรูเหลียงอย่างสงบ “ตอนนี้ท่านบอกว่าท่านอยากเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ท่านอยากจะปฏิบัติต่อนางให้ดีที่สุด แต่เฉินเสียนที่รักท่านคนนั้นไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ท่านคิดว่าท่านจะทำดีกับนางได้อย่างไร”
คำพูดแต่ละคำของเฉินเสียนเป็นเหมือนคมมีดที่ทิ่มแทงหัวใจของเขาทีละแผลๆ
“ข้าไม่ใช่นาง ข้าไม่รักท่าน พูดไม่ได้ด้วยซ้ำว่าชอบ ตอนนี้ไม่ชอบ วันข้างหน้าก็ยิ่งไม่มีทางชอบ”
เฉินเสียนหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าและเอ่ยอย่างคลุมเครือว่า “ถ้าเมื่อก่อนข้ารู้ว่าวันหนึ่งท่านอาจจะเปลี่ยนใจ ข้าอาจจะมีความสุขมาก เพราะในที่สุดข้าก็จะได้ใช้ความรักของท่านมาทำร้ายท่านเอง
เหยียบย่ำท่านอย่างโหดเหี้ยม ข้าเคยพูดคำนี้กับท่าน แต่ตอนนี้ข้าคิดว่า แม้แต่การทำร้ายท่านก็ยังเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
เหตุใดข้าจะต้องเสียเวลาไปกับท่านด้วย ทำไมข้าจึงไม่ไปรักกับคนที่ข้าอยากรักล่ะ”
ผ่านไปเนิ่นนานกว่าฉินหรูเหลียงจะเรียกเสียงของตัวเองกลับคืนมาได้ “ดังนั้น ท่านไม่รักข้า แต่ท่านกลับไปตกหลุมรักคนที่อยู่ในห้องซึ่งเป็นคนที่ท่านไม่ควรจะตกหลุมรักมากที่สุด?”
เฉินเสียนเงยหน้าขึ้นและหันไปมองเขา
แสงสีทองของดวงอาทิตย์ยามรุ่งสางส่องประกายอยู่ในดวงตาที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่
เธอตอบว่า “ใช่ ข้ารักเขา แม้ว่าเขาจะเป็นคนสุดท้ายที่ในโลกนี้ที่ข้าควรรัก ข้าก็ยังรักเขา”
“หมายความว่านอกจากเขา ชีวิตของใครอื่นท่านก็ไม่สนใจแล้วเช่นนั้นหรือ” ฉินหรูเหลียงยิ้มอย่างขมขื่น “ที่เหมือนกันคือเราได้รับบาดเจ็บเพื่อปกป้องท่านจากอันตราย ท่านคอยดูแลเขาได้โดยไม่ยอมห่างไปไหน แต่กับข้า ท่านไม่แม้แต่จะชายตามอง”
สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่ว่าเหมือนกับตอนที่เฉินเสียนเพิ่งแต่งงานเข้าไปอยู่ในจวนแม่ทัพ ที่ฉินหรูเหลียงคอยปกป้องดูแลหลิ่วเหมยอู่อย่างไม่ตกหล่น ทว่าไม่สนใจว่าเฉินเสียนจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรหรอกหรือ
ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ ก่อนหน้านั้นเป็นฉินหรูเหลียงที่ทำเพื่อผู้หญิงที่เขารัก แต่ตอนนี้เป็นเฉินเสียนที่ทำเพื่อผู้ชายที่เธอรัก
เฉินเสียนกล่าวว่า “นอกจากเขา ข้าไม่สนใจใครทั้งนั้น รวมทั้งท่านด้วย”
“แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร”
“ข้ารู้แค่ว่าเขาคือซูเจ๋อ”
ฉินหรูเหลียงเม้มริมฝีปาก ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงว่า “เขาเป็นราชครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ท่านตั้งแต่เล็กจนโต ท่านก็รู้ว่าเป็นครูหนึ่งวันเปรียบดั่งเป็นพ่อชั่วชีวิต เฉินเสียน ท่านรักเขาไม่ได้”
เฉินเสียนที่ไร้เรี่ยวแรงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ในขณะเดียวกันนั้นยาหม้อที่ต้มอยู่บนเตาก็เดือดขึ้นมาพอดี ไอร้อนกระทบกับฝาเครื่องลายครามจนเกิดเสียงกริ๊กกริ๊ก
เฉินเสียนดึงสติกลับมาในทันใดและลุกขึ้นเดินไปที่เตายา เธอเอื้อมมือไปหยิบฝาเครื่องลายครามโดยที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ฉินหรูเหลียงเห็นดังนั้นจึงเอ่ยอย่างตกใจว่า “เฉินเสียน มันร้อน!"
เขาเอ่ยช้าเกินไปเพียงนิดเดียว มือที่เปลือยเปล่าของเฉินเสียนปวดแสบปวดร้อนเพราะสัมผัสเข้ากับฝาเครื่องเคลือบ เธอคลายนิ้วออกและฝาหม้อก็ตกลงบนพื้นจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ฉินหรูเหลียงดึงนิ้วเธอมาดู เมื่อเห็นว่านิ้วถูกลวงจนพองเขาจึงเอ่ยอย่างห่วงใยว่า “ท่านเป็นอย่างไรบ้าง ต้องแช่ลงไปในน้ำเย็นๆ”
เฉินเสียนดึงมือออกและกล่าวว่า “ข้าไม่เป็นไร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...