ไม่นึกเลยว่าตอนนี้เขาใส่กลอนประตูแล้ว กันใครล่ะ พูดให้ชัดคือไม่อยากให้เฉินเสียนเข้าไปสินะ
เฉินเสียนลูบจมูก มีความรู้สึกที่แปลกประหลาดเหมือนถูกลูกสะใภ้ไล่ออกจากห้องนอนทำได้เพียงนอนสัมผัสความหนาววังเวงที่พื้นไม้
พอย้อนคิดก็ไม่ถูก ตอนนี้เธอไม่ได้นอนร่วมห้องกับซูเจ๋อเลย ความรู้สึกวังเวงมาจากที่ไหนล่ะ เดิมทีก็ไม่ควรที่จะมีเลยเข้าใจหรือไม่!
เฉินเสียนกระแอมไอ แล้วกล่าวขึ้นว่า“ข้าเพียงแค่คิดว่าจะมาดูอาการของท่านสักหน่อย ในเมื่อจะนอนแล้ว ก็นอนเถิด พรุ่งนี้ข้าค่อยมาดู”
ซูเจ๋อที่อยู่ด้านในไร้ปฏิกิริยาตอบโต้
เฉินเสียนขยับฝีเท้า พบว่าหากเธอกลับห้องไปนอนอย่างนี้ นอนไม่หลับอย่างแน่นอน และรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมากด้วย
เธอทอดถอนหายใจออกมา ขยับเคลื่อนเดินกลับมาแล้วเคาะที่ประตู กล่าวขึ้นว่า“ซูเจ๋อ เปิดประตูหน่อยได้หรือไม่ ข้าเข้าไปคุยกับท่านไม่กี่ประโยคก็กลับแล้ว”
เฉินเสียนยืนอยู่หน้าประตูสักพักหนึ่ง ซูเจ๋อก็ยังคงไร้ปฏิกิริยาตอบกลับมา
ชิ ช่างเถิด เวลานี้ก็ดึกแล้ว กลับไปนอนเถิด
ครั้งนี้เพิ่งจะหมุนตัวเดินออกมาได้สองก้าว เสียงประตูที่อยู่ด้านหลังก็เปิดออก
เฉินเสียนหันกลับก็เห็นซูเจ๋อคลุมชุดอยู่ ผมกระจายอยู่ที่บ่า ท่าทางสะลึมสะลืออ่อนเพลียยืนโซเซพิงที่ขอบประตูอยู่ แววตาเปล่งประกายแผดเผามองเธอ
จิตใต้สำนึกของเฉินเสียนกล่าวถามว่า“ท่านโกรธหรือ?”
ซูเจ๋อกล่าวว่า“ข้าเตรียมตัวเข้านอนแล้วจริงๆ นึกว่าวันนี้ท่านจะไม่มาเสียอีก เลยลงกลอนประตู”
เฉินเสียนขมวดคิ้ว แล้วกล่าวขึ้นว่า"ได้อย่างไรกันเล่า ก่อนนอนหากไม่มาดูท่านสักหน่อย ข้าจะนอนไม่หลับ”
แววตาซูเจ๋อบีบรัดแน่น คำพูดของเฉินเสียนรื่นหูอยู่บ้าง เขาฟังแล้วง่วงนอนเป็นอย่างมาก กล่าวขึ้นว่า“ไม่ใช่ว่ามีสิ่งใดจะพูดหรือ”
ดูแล้วซูเจ๋อไม่ได้คิดที่จะเชิญเธอเข้าไปในห้องเลย
หากอยู่ภายในห้อง เฉินเสียนไม่มีคำพูดก็จะหามาพูดให้ได้ แต่เวลานี้อยู่ด้านนอกห้อง ด้านนอกฝนก็ตกอยู่ด้วย เธอเกรงว่าซูเจ๋ออยู่ด้านนอกเป็นเวลานานแล้วจะได้รับความเย็น เลยจำใจต้องกล่าวขึ้นว่า“ฝันดี ท่านพักผ่อนเถิด”
ซูเจ๋อหรี่ตามอง แล้วกล่าวขึ้นว่า“แค่นี้หรือ?”
ก่อนนอนได้เจอเขา เฉินเสียนนั้นรู้สึกพึงพอใจแล้ว เธอกล่าวว่า“เดิมข้าก็อยากจะบอกให้ท่านพักผ่อนเร็วๆ อย่านอนดึก ระมัดระวังจะทำให้สุขภาพไม่ดี ตอนนี้ท่านควรที่จะนอนได้แล้ว รีบปิดประตูเถิด”
ซูเจ๋อกล่าวว่า“ตอนที่ข้าไม่ได้เปิดประตูให้กับท่าน ท่านอยากให้ข้าเปิดประตู ตอนนี้ข้าเปิดประตูให้ท่านแล้ว แต่ท่านกลับต้องการให้ข้าปิดประตูหรือ?”
“ข้าไม่ใช่ว่ากลัวท่านจะได้รับความเย็นแล้วเป็นหวัดหรือ”เฉินเสียนหรี่ตามองเขา“ท่านโกรธจริงๆแล้วหรือ?”
เธอก้าวเดินมาช่วยซูเจ๋อปิดประตู เหลือไว้เพียงช่องประตู และมองเข้าไปในช่องประตูเห็นสีหน้าเขาไม่อาจคาดเดาได้ เธอก้มหน้าแล้วยิ้มจางๆ ท่าทางหวานละมุนอย่างปิดบังไม่มิด
“ซูเจ๋อ ข้าจะปลอบใจท่าน อย่าโกรธเลยนะ ข้าพบว่าเพียงแค่ห่างกับท่านสองบานประตู ข้าก็คิดถึงท่านเช่นนี้แล้ว”
เพิ่งจะพูดออกไป ซูเจ๋อยื่นมือออกมาจากช่องประตูทันที มือข้างหนึ่งจับเธอไว้ แล้วดึงเธอเข้าไปในห้องโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว
เสียงประตูห้องปิดลง หลังของเธอฝังอยู่ที่บานประตู
เงยหน้าขึ้น เห็นซูเจ๋อสาดสะท้อนอยู่ฝั่งตรงข้าม เรือนร่างของเขาเข้าใกล้อย่างลึกซึ้ง แววตาสาดสะท้อนด้วยเปลวเพลิงเร่าร้อน
ก่อนหน้ารู้สึกหวานละมุน แต่ตอนนี้ซูเจ๋อเข้ามาใกล้เฉินเสียน ลมหายใจทั้งหมดเป็นของเขา เธอรู้สึกว่าหายใจติดขัด
เธอไม่รู้ว่านานเท่าไหร่เธอถึงจะเคยชิน ความหวาดผวาใจหวิวเช่นนี้ และยังมีใจที่เต้นระรัวด้วย
ระหว่างคิ้วของซูเจ๋อที่มีความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากระจายออกไป สติของเขาราวกับหมาป่าที่เพิ่งจะตื่นจากภวังค์
ซูเจ๋อกล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า“ไม่ใช่ว่าอยากปลอบใจข้าหรือ อย่างนี้ก็ได้แล้ว?”
เฉินเสียนกล่าวอย่างระแวดระวังว่า“แล้วต้องการอย่างไรเล่า?”
“พูดอีกรอบสิ คำพูดเมื่อครู่นี้”
“ข้าจะปลอบใจท่าน ท่านอย่าโกรธเลย”
“ไม่ใช่ประโยคนี้”
เฉินเสียนอ้าปากค้าง รู้สึกเขินอายหูแดงกล่าวเสียงพึมพำว่า“ประโยคที่ข้าบอกคิดถึงท่านหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...