เฉินเสียนยังรู้สึกวิงเวียนอยู่เล็กน้อยหลังจากตื่นนอน
เธอล้างหน้าและดื่มชาที่ช่วยทำให้สร่างเมาซึ่งซูเจ๋อยกมาให้ หลังจากนั้นจึงนั่งมองสายฝนอยู่ใต้ชายคาด้วยหัวสมองที่ว่างเปล่า
เตายาที่ต้มยาอยู่ข้างๆ ส่งกลิ่นหอมของยาลอยมาเตะจมูก
ซูเจ๋อถามว่า “ยังจำเรื่องเมื่อคืนได้บ้างไหม”
เฉินเสียนนิ่งคิดนิดหนึ่งและตอบไปว่า “ไม่ค่อยแน่ใจ ข้าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ว่าแล้วว่าต้องจำไม่ได้” ซูเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เมื่อคืนหลังจากดื่มไปมาก ท่านพยายามเผด็จศึกข้า โชคดีที่ข้ารับมือได้ ไม่เช่นนั้นหากปล่อยให้ท่านทำสำเร็จ ตื่นมาท่านคงไม่จำอะไรไม่ได้ และข้าก็คงขาดทุนย่อยยับไปแล้ว”
เฉินเสียนปวดหัวจี๊ด มองซูเจ๋ออย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไม่จริงน่า ข้าดื่มสุราแล้วกลายเป็นสัตว์ร้ายได้ขนาดนั้นเลยหรือ”
ซูเจ๋อเอ่ยเรียบๆ ว่า “ใช่สิ ท่านเพิ่งรู้หรือ”
เฉินเสียนทอดถอนใจก่อนจะกล่าวว่า “เหล้าหมักสับปะรดของเย่เหลียงนี่อันตรายจริงๆ!” เธอเหลือบมองซูเจ๋อและถามว่า “ข้าไม่ได้ฝากประสบการณ์ฝันร้ายอะไรไว้ให้ท่านใช่ไหม”
ซูเจ๋อยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “แบบไหนที่เรียกว่าประสบการณ์ฝันร้ายรึ”
“ก็อย่างเช่น ทำให้ท่านอับอายมากๆ หรือขัดขวางไม่ได้...” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ เฉินเสียนจึงตระหนักขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน แม้ว่าเธอจะจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ทักษะการดื่มเหล้าของเธอก็ไม่ได้แย่ไม่ใช่หรือ! และเธอก็ไม่เชื่อว่าซูเจ๋อที่ยังมีสติดีจะห้ามเธอที่กำลังเมาอยู่ไม่ได้
เฉินเสียนหันไปมองซูเจ๋อและเห็นรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่ลึกๆ บนริมฝีปากของเขา ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจทันทีว่าเธอถูกเขาหลอก
ซูเจ๋อกระแอมในลำคอ เขายังคงซ่อนรอยยิ้มต่อไปและเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ขอโทษทีที่เมื่อครู่ข้าไม่ค่อยจริงจังนัก ประสบการณ์ฝันร้ายที่ท่านพูดถึงนั่น อืม... ตอนนี้ข้ายังไม่มี”
เฉินเสียนชักสีหน้าขรึม เธอหรี่ตาลงและถามเบาๆ ว่า “ท่านเคยได้ยินเรื่องเล่าของหมาป่าไหม”
ซูเจ๋อตอบอย่างจริงจัง “ไม่เคย”
เฉินเสียนกล่าวว่า “หากท่านหลอกข้าเช่นนี้อีก บางทีวันใดวันหนึ่งถ้าสัญชาตญาณสัตว์ป่าของข้าตื่นขึ้น ข้าอาจจะทำให้นอนหลับไปจริงๆ ก็ได้”
ซูเจ๋อเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมองเฉินเสียนอย่างจริงใจและกล่าวอย่างเชื้อเชิญว่า “ข้ายินดีให้ท่านมานอนกับข้า”
เฉินเสียนหายใจติดขัด เลือดสูบฉีดขึ้นมาจนใบหน้าร้อนผ่าว
หลังจากนั้นเฉินเสียนจึงรีบเทยาหม้อใส่ถ้วยและยัดใส่มือของซูเจ๋ออย่างคนมือไม้อ่อน จากนั้นจึงกล่าวว่า “ท่านเองก็ดื่มยาให้ร่างกายแข็งแรงก่อนเถอะแล้วค่อยพูด”
ซูเจ๋อยิ้มอย่างมีเลศนัยและกล่าวว่า “ก็ได้ ข้าจะรีบกลับมาแข็งแรงให้เร็วที่สุด”
เฉินเสียนกระตุกมุมปาก แน่นอนว่าเธออยากให้ร่างกายของซูเจ๋อหายดีเร็วๆ จึงพูดไปเช่นนั้น แต่ดูเหมือนซูเจ๋อจะเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า
เธออยากจะอธิบาย แต่คิดว่ายิ่งพูดไปมันจะยิ่งเลยเถิดไปใหญ่ ก็เลยถือโอกาสข้ามเรื่องนี้ไปเสียเลย “เช้านี้ข้าเห็นท่านอยู่กับฉินหรูเหลียง บรรยากาศดูไม่ค่อยดีนัก เป็นอะไรรึ มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”
ซูเจ๋อเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “เป็นเรื่องปกติที่บางทีบุรุษจะไม่ชอบหน้ากัน โดยเฉพาะเมื่อสตรีที่อยู่ในสายตาของพวกเขาเป็นคนคนเดียวกัน”
เฉินเสียน “.....”
เมื่อเฮ่อโยวกลับมาจากการฝึกต่อสู้ เขาก็รีบตรงมาคุยเล่นกับเฉินเสียนทันที
เฉินเสียนรู้สึกว่าความเป็นผู้ใหญ่และความสุขุมที่เฮ่อโยวแสดงออกเมื่อวานนี้หายไปหมดแล้วอย่างไร้ร่องรอย
เฮ่อโยวถามอย่างสงสัยว่า “เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเช้านี้แม่ทัพฉินกับซูเจ๋อได้สู้กันหรือเปล่า”
“ดูเหมือนเจ้าจะกลัวว่าโลกจะยังไม่วุ่นวายพอ” เฉินเสียนชายตามองเขาอย่างขบขัน “เมื่อวานที่ต้องแสร้งทำเป็นสุขุม เจ้าลำบากมากไหม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...