ข้าคือหงส์พันปี นิยาย บท 299

เนื่องจากฝนตกหนัก ดินที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเมืองอวิ๋นจึงเริ่มร่วนและเกิดดินถล่มหลายครั้ง

ทั้งยังมีบางหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เนินลาดเกิดดินถล่มอย่างกะทันหันกลางดึก ดินโคลนไหลทะลักลงมามืดฟ้ามัวดินจนชาวบ้านทั้งหมดที่กำลังหลับใหลอยู่ในหมู่บ้านต่างถูกฝังทั้งเป็น

ระดับน้ำในแม่น้ำบริเวณใกล้เคียงเอ่อขึ้นสูง กระแสน้ำไหลเชี่ยวและน้ำก็กลายเป็นโคลนขุ่น

หมู่บ้านที่ถูกดินโคลนถล่มไม่ค่อยมีใครรอดชีวิต เฉินเสียนควรพักอยู่ในเมืองอวิ๋น

แต่เธอกลับอยากพาคนไปดูที่หมู่บ้าน ยังไม่ต้องพูดถึงว่าอาจจะมีคนรอดชีวิตแค่คนเดียว ต่อให้ที่รอดชีวิตเป็นเพียงแค่สุนัขหนึ่งตัวก็ไม่ควรเพิกเฉย

แม่ทัพโฮ้วเกลี้ยกล่อมเธอไม่สำเร็จ ซูเจ๋อเหลือบมองนิดหนึ่งและสวมเสื้อกันฝนให้เฉินเสียน จากนั้นจึงกล่าวว่า “ถ้าองค์หญิงอยากเสด็จ ก็ปล่อยให้พระองค์เสด็จเถิด”

แน่นอนว่าแม่ทัพโฮ้วจะต้องส่งคนติดตามเฉินเสียนไปด้วย ซูเจ๋อจะตามไปกับเธอ และเฮ่อโยวก็ไม่ยอมอยู่ในเมืองเพียงคนเดียว

เมื่อกลุ่มคนเหล่านี้กำลังจะออกเดินทาง ม้าพร้อม ทหารพร้อม

ฉินหรูเหลียงก็เดินตามมาข้างหลังและบอกกับเฉินเสียนอย่างจริงจังว่า “ข้าจะไปกับท่าน”

เฉินเสียนหันกลับไปมอง ทีท่าของเธอแฝงไปด้วยความหยิ่งทะนงจนที่ยากจะต้านทาน เธอมองฉินหรูเหลียงก่อนจะขมวดคิ้วและพูดว่า “บาดแผลยังไม่หายดี ท่านจะไปไหนได้? พักรักษาตัวก่อน ห้ามไปไหนทั้งนั้น”

ฉินหรูเหลียงเม้มริมฝีปาก เขาเหลือบมองซูเจ๋อแล้วถามว่า “แล้วเหตุใดเขาจึงไปได้”

ซูเจ๋อพูดเรียบๆ อยู่ภายใต้สายฝนว่า “ข้ากระหม่อมซูไร้ความสามารถ หลายวันที่ผ่านมาข้าพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ จึงเป็นผลให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าแม่ทัพฉินเล็กน้อย”

ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่ไหนเลยฉินหรูเหลียงจะเข้าใจ

ที่ไม่พาเขาไปด้วยเพราะพาไปก็ไม่มีประโยชน์ ถึงเขาไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ มีแต่จะยิ่งเพิ่มปัญหา

เขามีนิสัยชอบกำหมัดเป็นประจำ แต่ตอนนี้สองมือนี้กลับควบคุมอะไรไม่ได้เลย

ถ้าซูเจ๋อไม่ยอมรักษามือให้ เขาก็จะทำอะไรไม่ได้แบบนี้ตลอดไป!

ท้ายที่สุดฉินหรูเหลียงจึงทำได้เพียงมองพวกเขาขึ้นบนไปหลังมาและควบม้าออกไปจากเมือง มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่มีดินโคลนถล่ม

ทางไปหมู่บ้านที่ถูกฝังกลบแห่งนั้นมีแม่น้ำขวางไว้หนึ่งสาย หากต้องการจะไป จำเป็นจะต้องข้ามแม่น้ำไปก่อน

แม้ว่าระดับน้ำในแม่น้ำจะสูงและเต็มไปด้วยโคลนเลน แต่แม่น้ำก็ยังไหลเชี่ยวอยู่มาก

แม่ทัพโฮ้วเป็นผู้ขี่ม้านำหน้าข้ามแม่น้ำไปก่อน

ม้าของเขาเป็นม้าแก่ซึ่งเคยร่วมทำสงครามฟาดฟันศัตรูกับเขามาแล้ว มันเต็มไปด้วยความเข้าใจและก้าวอย่างมั่นคง แต่ครู่เดียวน้ำในแม่น้ำก็ท่วมขาม้าไปแล้วครึ่งขา แม้จะก้าวอย่างมั่นคง แต่ขาก็ยังสั่นไหวอยู่บ้างเมื่อปะทะเข้ากับกระแสน้ำที่ทรงพลังที่ข้างใต้

หลังจากข้ามไปถึงฝั่งตรงข้าม แม่ทัพโฮ้วก็หันกลับมาและรอคนอื่นๆ

เฮ่อโยวกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ข้าไปก่อน ท่านเดินตามหลังข้ามานะเฉินเสียน ข้าจะเปิดทางให้”

ม้าของเฮ่อโยวค่อนข้างเชื่อง ดังนั้นเขาจึงคุมบังเหียนบังคับม้าให้ลงไปในแม่น้ำ

เฉินเสียนปาดเหงื่อแทนเขาเมื่อเห็นเขาเริ่มโอนเอน จากนั้นจึงบอกไปว่า “เฮ่อโยว ระวังนะ”

เฮ่อโยวนั่งตัวเกร็งและไม่กล้าผ่อนคลายเลยแม้แต่นิดเดียว เขากล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง”

เมื่อเห็นเฮ่อโยวข้ามไปแล้วครึ่งทาง เฉินเสียนจึงบังคับม้าตามลงไปในแม่น้ำ

เฮ่อโยวเพิ่งพูดจบไปไม่ทันไรและยังไม่ทันจะไปถึงฝั่งตรงข้าม อยู่ๆ ขาม้าของเขาก็พันเข้ากับอะไรบางอย่างใต้น้ำ ทันใดนั้นขาของม้าก็พับลงไป เฮ่อโยวไม่ทันตั้งตัว เขาพลิกตัวตกลงจากหลังม้าและตกลงไปในแม่น้ำ

“เฮ่อโยว!"

น้ำในแม่น้ำไหลเชี่ยว และเฮ่อโยวก็ถูกน้ำโคลนซัดไปข้างหน้าทันที

แม่ทัพโฮ้วยื่นมือออกมาจะดึงเขา ทว่าสายเกินไป เฮ่อโยวถูกพัดออกจากฝั่งไปไกลขึ้นเรื่อยๆ และเข้าไปใกล้ใจกลางแม่น้ำมากขึ้น

เฉินเสียนที่เพิ่งลงมาในแม่น้ำ เมื่อเห็นเขาตะเกียกตะกายอยู่ในแม่น้ำ เธอก็กระโดดลงจากหลังม้าทันทีโดยไม่ลังเล

ซูเจ๋อที่อยู่ด้านหลังเหมือนจะเรียกหาเธอ แต่เธอไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว

เธอทนมองเฮ่อโยวถูกน้ำพัดพาหายไปจนจมน้ำตายไม่ได้!

หลังจากลงไปในน้ำเฉินเสียนไม่ต้องดิ้นรนใดๆ เธอพยายามทำให้ร่างกายพุ่งไปข้างหน้าโดยเร็วที่สุดและตามไปให้ทันเฮ่อโยว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี