ซูเจ๋อเดินจากเขาไปด้วยสีหน้าที่แทบจะไร้อารมณ์ เขากล่าวว่า “คุณชายเฮ่อเกรงใจเกินไปแล้ว”
เฮ่อโยวมองแผ่นหลังของซูเจ๋อและถามเฉินเสียนว่า “ท่านทำให้เขาโกรธหรือเปล่า”
เฉินเสียนตอบไปว่า “ก็อาจจะ”
เฮ่อโยวกล่าวว่า “เมื่อครู่นี้ท่านกระโดดลงไปโดยไม่สนอะไรเลย อย่าว่าแต่เขาเลย ข้าเองเห็นแล้วยังโกรธ”
เขาเอ่ยอย่างจริงใจว่า “แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณท่านมากจริงๆ ที่ยอมกระโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อช่วยข้า”
ถ้าเฉินเสียนตกอยู่ในอันตราย เขาเองก็จะเข้าไปช่วยเธออย่างไม่ลังเลเหมือนกัน
ไม่มีการพูดคุยสื่อสารใดๆ ตลอดเส้นทางหลังจากนั้น
เฉินเสียนบิดน้ำออกจากชายกระโปรงและขี่ม้าต่อไป
เมื่อมาถึงหน้าหมู่บ้าน จึงเห็นว่าดินบนเนินเขาพังถล่มลงมาจนแทบจะฝังเกือบทั้งหมู่บ้านเอาไว้ และมันเป็นโคลนที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ๆ
ภายใต้ดินโคลนนั้นพอจะมองเห็นว่าเป็นกระเบื้องชายคา ทั้งยังสัมผัสได้ถึงความสงบร่มเย็นที่หมู่บ้านแห่งนี้เคยมีได้รางๆ
แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้กลับเป็นเหมือนฝันร้าย
แม่ทัพโฮ้วจัดสรรกำลังพลให้ไปค้นหาในเรือนแต่ละหลังทันทีว่ามียังมีใครรอดชีวิตอยู่ภายใต้บ้านเรือนเหล่านั้นบ้างหรือไม่
เฉินเสียนกับซูเจ๋อและเฮ่อโยวเองก็เข้าร่วมด้วย พวกเขาขุดดินโคลนและนำเศษกระเบื้องกับไม้คานออกไป พยายามค้นหาลมหายใจแห่งชีวิต
อย่างไรก็ตาม เธอเห็นศพที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้ถูกขุดออกมาทีละคนๆ ใบหน้าเหล่านั้นขาวซีดอยู่ท่ามกลางสายฝน บางคนมีเลือดไหลนอง และใบหน้าของเฉินเสียนก็ค่อยๆ ซีดเผือดลงเช่นกัน
ในหมู่บ้านเล็กๆ เช่นนี้มีผู้คนอยู่หลายสิบชีวิต ทุกคนค้นหาจนทั่วอยู่เป็นเวลานาน ทว่ากลับพบเพียงแต่ซากศพเท่านั้น ไม่มีผู้รอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียว
ขาของเฉินเสียนอ่อนแรงเล็กน้อย
เมื่อไม่กี่วันก่อนซูเจ๋อยังบอกกับเธออยู่เลยว่า ตราบใดที่เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยประชาชนจากฤดูน้ำหลาก รวมถึงช่วยให้พวกเขาได้ตั้งหลักแหล่ง เมื่อนั้นเธอจะรวบรวมหัวใจของผู้คนได้ และชื่อเสียงของเธอจะเพิ่มขึ้น
แต่เมื่อเฉินเสียนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เธอจึงสัมผัสได้ถึงความไร้อำนาจของตัวเอง
ไม่ต้องพูดถึงผู้ประสบภัยมากมายที่ต้องพลัดถิ่นจากภัยน้ำท่วม แม้แต่หมู่บ้านเล็กๆ ตรงหน้าเธอก็ยังทำอะไรไม่ได้
ฝนหยุดตกในช่วงบ่าย
แม่ทัพโฮ้วทนเห็นศพของชาวบ้านนอนตากแดดตากลมอยู่ในเช่นนี้ไม่ได้ จึงเอ่ยว่า “องค์หญิง กระหม่อมขอสั่งให้คนนำศพชาวบ้านไปฝังได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนตอบไปแค่คำเดียวว่า “ได้”
หลังจากนั้นเหล่าทหารจึงหาที่ว่างใกล้ๆ และเริ่มขุดหลุมฝังศพของชาวบ้านทั้งหมดไว้ในนั้น
ซูเจ๋อกล่าวว่า “อาเสียน ความตายเป็นสัจธรรมของชีวิต”
เฮ่อโยวเสริมขึ้นมาว่า “ใช่ ท่านอย่าเศร้าไปเลย”
เฉินเสียนไม่พูดอะไร หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ตื่นตะลึง “ฟังสิ พวกท่านได้ยินเสียงที่ใต้พื้นดินไหม”
เฮ่อโยวได้ยินไม่ชัด ดังนั้นเขาจึงตั้งใจฟังอีกครั้ง ส่วนซูเจ๋อได้ยินแล้ว และเขาก็เดินตามเสียงนั้นไป
เฉินเสียนกับเขาออกแรงดึงของทุกอย่างที่กีดขวางอยู่ออกไป ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยมาหาดูที่นี่แล้วแต่ไม่พบอะไร ทว่าตอนนี้กลับมีเสียงดังมาจากด้านล่าง
เฉินเสียนใช้มือขุดโคลนออก หลังจากขุดไปได้ไม่กี่ฟุตก็พบว่ายังมีช่องว่างขนาดเล็กอยู่ข้างล่าง และแทบจะไม่มีไม้คานคอยรองรับน้ำหนักไว้
ทั้งสามคนร่วมมือกันอย่างพร้อมใจขุดช่องว่างนั้นให้กว้างออก เฉินเสียนปิดไม้คานออกมา เธอมองลงไปและเห็นเด็กน้อยคนหนึ่งนอนอยู่ที่ข้างใต้ ทั้งยังมีสุนัขสีเหลืองตัวหนึ่งที่กำลังจะตาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...