หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำกำลังตำหนิทหารคุ้มกันเมืองที่พาคนเข้ามาโดยพลการ แต่ก็ถูกเฉินเสียนห้ามไว้
พอเฉินเสียนได้ถามอย่างละเอียดถึงได้รู้ ที่แท้นอกเมืองจิงยังมีหมู่บ้านอีกหนึ่งแห่ง ทั้งหมู่บ้านต่างก็ติดเชื้อจากโรคระบาด ในตอนที่หมดสิ้นหนทางนั้น ชาวบ้านคิดอยากจะเข้าเมืองมาขอความช่วยเหลืออยู่หลายครั้งแต่ก็ถูกกั้นไว้นอกเมือง
แต่วันนี้โรคระบาดในเมืองถูกกำจัดไปแล้ว ทหารคุ้มกันเมืองถึงพาเข้ามา
เฉินเสียนเดินไปเอาเครื่องปรุงยาบรรจุใส่ในกล่องยา แล้วพูดกับหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำ:“อีกเดี๋ยวเจ้าไปบอกคุณชายเฮ่อกับใต้เท้าซู ให้พวกเขาช่วยดูแลราษฎรเหล่านี้ ข้าจะไปหมู่บ้านพวกเขากับชาวบ้านก่อน”
หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำรีบคุกเข่าลง:“องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ นอกเมืองอากาศชื้นแถมถนนลื่น เดินไม่ง่ายนัก ในเวลานี้ก็หายารักษาโรคระบาดได้แล้ว กระหม่อมขอร้ององค์หญิงโปรดอย่าไปเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะส่งหมอในเมืองไปดูให้เองพ่ะย่ะค่ะ”
“หมอรับมือกับสถานการณ์ในเมืองยังพอไหว ถ้าหากโรคระบาดในหมู่บ้านนั่นรุนแรงจริงๆเล่า พวกเขาไปก็คงยุ่งยากเหมือนเดิม อีกอย่างในเมืองมีคนต้องดูแลเยอะขนาดนี้ พวกเขาคงยุ่งไม่น้อยเลย” เฉินเสียนสะพายกล่องยา พูดอย่างอย่างไม่ใส่ใจมากนัก:“ไม่เป็นไร ข้าไปดูก่อนค่อยว่ากัน ถ้าหากข้าคนเดียวไม่สามารถจัดการได้ ค่อยให้ใต้เท้าส่งกำลังคนไปเพิ่ม”
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเฉินเสียนจะเบา แต่ก็แฝงไปด้วยความน่าเกรงขามที่มิอาจโต้แย้งได้
ชาวบ้านก็นิ่งอึ้งไปเช่นกัน เขาแค่อยากมาขอความช่วยเหลือ ขอแค่หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำส่งหมอไปช่วยชาวบ้านในหมู่บ้านสักคน เขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว
แต่เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าองค์หญิงจะทรงกลับไปพร้อมเขาด้วยพระองค์เอง
หลังจากนั้นเฉินเสียนก็พาทหารติดตามไปสองคน แล้วเรียกชาวบ้านที่นิ่งอึ้งอยู่นั้นกลับไปพร้อมกัน
หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำยืนอยู่หน้าที่ทำการปกครองเมืองอย่างใจลอย สติไม่กลับมาครู่ใหญ่
หลังจากที่เขาได้สติกลับมา ก็พบว่านี่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจริงจังพอสมควร ถ้าหากองค์หญิงเจออันตรายเข้าที่นอกเมือง เขาจะรับผิดชอบไหวได้อย่างไร
หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำก็เลยรีบส่งทหารคุ้มกันเมืองสองสามคนตามไปเพิ่ม ส่วนตัวเขาเองนั้นรีบกลับไปที่เรือนของซูเจ๋อ รายงานสถานการณ์ให้ทราบ
แต่ระหว่างทางนั้นมีเหตุให้ล่าช้าอยู่สักพัก ขณะที่รอให้เขารายงานสถานการณ์นั้น เดาว่าเฉินเสียนคงออกจากเมืองไปแล้ว
หลังจากที่เฮ่อโยวรู้เรื่องแล้ว ก็ร้อนใจขึ้นมา:“ทำไมเจ้าถึงให้พระองค์ไปคนเดียวเล่า?”
“พระองค์ พระองค์พาทหารไปด้วยสองคน ข้าน้อยก็ส่งตามไปอีกสองคนด้วย......”
“ข้าหมายถึงทำไมเจ้าไม่ขวางไว้!”
หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำยิ้มแห้ง:“ข้าน้อยขวางไว้ไม่ไหว......”
หลังจากนั้นเฮ่อโยวก็รีบตามออกจากเมืองไป
ซูเจ๋อมาได้จังหวะพอดี:“ข้าไปเองดีกว่า เจ้าอยู่ที่นี่ดูแลสถานการณ์ในเมืองกับหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำ” ซูเจ๋อหันกลับมามองห้องของฉินหรูเหลียง “แล้วก็แม่ทัพฉินด้วย”
ฉินหรูเหลียงที่อยู่ในห้องก็ได้ยินเสียงพูดคุยเช่นกัน เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เลยเดินออกมาจากในห้อง สีหน้ายังไม่ดีขึ้นนัก เขายืนอยู่หน้าประตูแล้วพูด:“ให้ใต้เท้าซูไปเถอะ”
ถึงแม้ว่าในใจเฮ่อโยวจะร้อนใจ แต่กลับรู้ดี ซูเจ๋อมีศิลปะการต่อสู้ติดตัว วิชาการแพทย์ก็มี เขาไปย่อมดีกว่า
เฮ่อโยว:“เช่นนั้นท่านต้องพาเฉินเสียนกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้นะ”
ซูเจ๋อไม่ได้หยุดพักอยู่นาน รีบออกจากเรือน ถึงแม้ว่าภาพที่เห็นจากด้านหลังของเขา ดูแล้วจะไม่สะทกสะท้าน แต่เพียงพริบตาก็หายไปจากนอกเรือน
ฉินหรูเหลียงมองด้านหลังของเขาจากไป ทุกครั้งในเวลาแบบนี้มักจะเกลียดตัวเองว่าทำไมไม่แข็งแรงขึ้นสักหน่อย สภาพของเขาในตอนนี้ ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทำได้แค่มองคนอื่นไปทำในสิ่งที่เขาอยากทำด้วยตาปริบๆ
ถึงแม้ว่าฝนจะหยุดตกแล้ว แต่ท้องฟ้ากลับไม่ได้สดใสเลยแม้แต่นิด ท้องฟ้าสีเทามักจะมีฝนตกปรอยๆลงมา ความชื้นในอากาศก็ยังคงอยู่
หลังจากที่เฉินเสียนออกจากเมืองไปกับชาวบ้าน เส้นทางนอกเมืองนั้นเดินไม่ง่ายจริงๆ ผ่านไปไม่นานชายกระโปรงก็เต็มไปด้วยโคลน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...