สมญานามขององค์หญิงจิ้งเสียนดังขึ้นในกลุ่มของผู้ลี้ภัย ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ได้รับความทรมานและรอดชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วม และยังมีส่วนหนึ่งที่เป็นเพราะสงครามการสู้รบทำให้อพยพจากบ้านเกิดมาอยู่สถานที่นี้
เจียงหนานเป็นแหล่งอุดมสมบูรณ์ สามารถจุรับได้หลายชีวิต พวกเขามีคนที่อยากจะตั้งหลักตั้งตัวอยู่ที่นี่ และมีคนที่อยากจะผ่านเจียงหนานไปอยู่สถานที่อื่นด้วย
แต่ตอนนี้หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำสั่งปิดประตูเมืองแน่นสนิท ทุกคนล้วนแล้วไม่สามารถเข้าไปได้ ทุกวันมีคนหนาวและหิวโซล้มตาย
เฉินเสียนสั่งทหารใหม่ที่มีหม้อกระทะเหล็ก ไปบริเวณใกล้เคียงหาผักป่าทุกชนิดมา ต้มน้ำซุปเข้มข้นให้กับผู้ลี้ภัยรองท้อง
แต่ผู้ลี้ภัยมีจำนวนมาก คนจำนวนมากแต่ของน้อย น้ำซุปผักป่าเพิ่งจะต้มออกมาก็เกิดแย่งกันเสียงดังมาก จนกระทั่งมีผู้ลี้ภัยถูกน้ำซุปลวกได้รับบาดเจ็บ
เฉินเสียนโมโหเป็นอย่างมาก นำเหล่าผู้ลี้ภัยที่ริเริ่มส่งเสียงดังแย่งกันออกมาจัดการรับโทษต่อหน้าผู้คนมากมาย แล้วกล่าวขึ้นว่า“ทุกคนล้วนอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ล้วนอยากเข้าเมือง จำเป็นต้องเคารพกฎเกณฑ์ ช่วงเวลานี้ หากมีผู้ใดก่อความวุ่นวาย จะไม่ยกโทษให้!”
ช่วงเวลาเช่นนี้ เหล่าผู้ลี้ภัยจำเป็นต้องมีคนหนึ่งมาบัญชาการพวกเขา อีกทั้งคนคนนี้ก็คือองค์หญิงจิ้งเสียน เป็นความหวังเดียวของพวกเขาตอนนี้ที่จะเข้าเมืองได้
หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำไม่ปล่อยพวกเขาเข้าไป ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถนำองค์หญิงจิ้งเสียนปิดกั้นไว้นอกประตูเมืองไม่ให้เข้าไปหรอกนะ
ด้วยเหตุนี้เหล่าผู้ลี้ภัยที่ก่อความวุ่นวายขึ้นมาเลยสงบลง เชื่อฟังเฉินเสียนแยกย้ายกันไปทำงานของแต่ละคน
ก่อนที่ประตูเมืองยังไม่ได้เปิด ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่สามารถหิวและหนาวตายอยู่ที่นี่หรอก ต้องรองท้องทำตัวให้อบอุ่นถึงจะถูก
เวลาต่อมาผู้ลี้ภัยส่วนหนึ่งไปหาผักป่า อีกส่วนหนึ่งไปหาฟืนติดไฟ และยังมีอีกส่วนหนึ่งหาแหล่งน้ำ หลังจากนั้นทุกคนช่วยกันแบ่งเบาภาระงานอีก
เพียงแค่ไม่แย่งชิง ทุกคนล้วนมีส่วนได้
ตกเย็น อากาศเหน็บหนาว ทุกคนอยู่บริเวณโดยรอบไฟที่กำลังสุมอิงแอบซึ่งกันและกันทำตัวให้อบอุ่น ไม่ต้องใช้เสื้อผ้าบางขาดรุ่งริ่งพันรอบๆแล้วหนาวสั่นสะท้านอยู่ในลมหนาวเหมือนเดิมแล้ว
ฉินหรูเหลียงกับเฮ่อโยวไม่ได้อยู่ว่างๆ พยายามจัดสรรงานกลุ่มผู้ลี้ภัยให้เรียบร้อย
ซูเจ๋อก็ลงมาจากรถม้ามา เมื่อมีผู้ป่วยติดเชื้อไข้รากสาดน้อย ล้วนต่างพากันมาให้เขาตรวจรักษาที่นี่
เขาสวมใส่ชุดสีดำ สะอาดหมดจด เวลารักษาใจจดใจจ่อตรวจอย่างละเอียด ราวกับทัศนียภาพที่สวยงาม
เฉินเสียนค่อยๆพบว่า คนไปตรวจรักษากับซูเจ๋อทางด้านนั้นเป็นผู้ลี้ภัยที่เป็นหญิงสาวโดยส่วนใหญ่
เธอมองกลุ่มผู้ลี้ภัยผู้หญิงที่เข้ารับการรักษาอยู่ด้านหลังค่อยๆต่อคิวยาวเหยียด และยังเริ่มให้ความสำคัญกับรูปโฉมภายนอกของตัวเอง ปัดเช็ดหน้าลูบผม ดวงตาทั้งสองข้างยังเหลือบมองไปที่ซูเจ๋ออย่างมุ่งมาด แววตาเปล่งประกายวาววับ ราวกับแทบอยากจะแนบชิดเข้าไปหา
ความอดอยากก็ไม่สามารถขวางกั้นความบ้าชายหนุ่มของพวกนางได้เลย!
ผู้ลี้ภัยที่เป็นหญิงสาวในค่ายก็ค่อยๆหมุนเวียนมาพูดคุยแต่ละวัน วันละหนึ่งประโยคและชำเลืองมองท่านหมอซู ก็สามารถรักษาได้ทุกโรคแล้ว
เฉินเสียนหันกลับมองซูเจ๋ออีกครั้ง เห็นชุดสีดำของเขาสง่างดงาม กำลังถามอาการโรคของผู้ลี้ภัย
เฮ่อโยวปรากฏตัวอยู่ข้างกายเฉินเสียน แล้วสะกิดไหล่ของเธอ กล่าวขึ้นว่า“ผู้หญิงเหล่านี้ ข้ามองดูแล้วพวกนาง มีชีวิตชีวาดี ดูไม่ออกว่ามีโรคอะไร น่าจะสมองมีปัญหาโรคภัยแล้วแหละ”
เฉินเสียนก็รู้สึกเช่นนั้น
เฮ่อโยวกล่าวอีกว่า“ใช่หรือไม่ว่าพวกท่านที่เป็นหญิงล้วนชื่นชอบชายหนุ่มแบบบัณฑิต?”
เฉินเสียนท่าทีไม่ดีกล่าวขึ้นว่า“บางสิ่งบางอย่างใช้ได้แค่กับบางคนใช้ไม่ได้กับทุกคนเสมอไป ข้าเป็นหญิงผู้หนึ่งจะไปเป็นตัวแทนเหล่าหญิงมากมายได้อย่างไรกัน”
“เช่นนั้นท่านรู้สึกว่าเขาหล่อหรือไม่?”
“ธรรมดา”
เฮ่อโยวชำเลืองมองเฉินเสียน แล้วกล่าวขึ้นว่า“ข้าพูดคุยแบบปกติกับท่าน ท่านต้องโกรธเคืองเช่นนี้หรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...