เฉินเสียนใจสั่นสะท้าน หลุบเปลือกตาลง เทียบกับแสงอาทิตย์ที่สาดส่องใบแปะก้วยเหลืองทองอร่ามกับสารทฤดูเข้าสู่เหมันตฤดูนี้ลักษณะท่าทางของเธอยังอ่อนโยนสว่างไสวงดงามกว่าเลย
เพียงแต่เธอแน่วแน่ไม่เงยหน้าขึ้นมา ให้ซูเจ๋อมองเห็น
นิ้วมือของซูเจ๋อทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นพาดผ่านปัดเส้นผมที่อยู่ข้างไหล่ของเฉินเสียน นิ้วมือนุ่มละมุนยกขึ้นเอื้อมเข้าใกล้บริเวณหูของเธอ ราวกับต้องการนำผมที่หล่นอยู่ข้างหูทัดไว้รวมกัน
เฉินเสียนเอียงศีรษะ เก็บกลั้นอารมณ์ไว้ในใจแล้วกล่าวขึ้นว่า “ ทำแค่พอเหมาะพอควรก็หยุดเถอะ มีคนมาแล้ว”
เข้ามาภายในจวนเป็นสาวใช้สองคนก่อนหน้านี้ พวกนางกะเวลาประมาณดู เวลานี้เฉินเสียนน่าจะอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นเลยพากันมาดู วางแผนไว้ว่าจะหวีผมแต่งหน้าแต่งตัวให้กับเฉินเสียน
การอาบน้ำไม่ต้องการพวกนางปรนนิบัติ การแต่งตัวยังไงก็ต้องการแหละ
。
พอพวกนางเข้ามาภายในเรือน ได้มองเห็นเฉินเสียนกับซูเจ๋อยืนอยู่ภายในเรือน
บนผมดำขลับของเฉินเสียนใช้ดอกปิ่นหยกม้วนขึ้น ประณีตงดงาม กลับกันชัดเจนเลยว่าสิ่งของเครื่องประดับปิ่นปักผมสีเงินสีทองเหล่านั้นที่หน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำส่งมาไร้รสนิยมอยู่บ้างเล็กน้อย
ซูเจ๋อไม่ได้สัมผัสหูของเฉินเสียน และไม่ได้ทัดผมที่หล่นมารวมไว้ด้วยกัน มองอย่างนี้แล้วอาจจะใกล้ชิดไปหน่อย ไม่เหมาะสมตามประเพณีเลย
แต่ทว่าสาวใช้มองอย่างตกตะลึง มือของซูเจ๋อพันรอบชุดโปร่งสบายของเฉินเสียนอยู่ และดึงลากบริเวณตรงกลาง พยายามที่จะปกคลุมทิวทัศน์มากมายของเฉินเสียนไว้
เช่นนี้ยิ่งเพิ่มความไม่เหมาะสบตามประเพณี
ในสายตาผู้คนมากมาย ซูเจ๋อเป็นขุนนาง จะดึงลากชุดขององค์หญิงตามอำเภอใจได้อย่างไรกันเล่า
แต่ซูเจ๋อกล่าวกับสาวใช้ที่ชะงักงันอยู่นั้นว่า“ชุดขององค์หญิงขาดแล้ว พวกเจ้ามีเข็มกับด้ายหรือไม่?”
สาวใช้ดึงสติกลับมา พิจารณาเงียบๆ ที่แท้ก็ชุดขาด เช่นนั้นใต้เท้าซูท่านนี้พันชุดขององค์หญิงถึงแม้จะไม่เหมาะสมตามประเพณี แต่ทว่ามีเหตุผลที่อภัยให้ได้
ด้วยเหตุนี้สาวใช้เลยเก็บอาการ ตอบกลับว่า “มีเจ้าค่ะ บ่าวจะไปเอามาให้นะเจ้าคะ”
สาวใช้ไม่กล้าชักช้า หากว่าล่าช้าเสียเวลางานเลี้ยงตอนเย็น ใต้เท้าหน่วยคุ้มกันเมืองและทางน้ำจะโมโหไม่มีความสุขได้
ไม่นานสาวใช้ก็ได้เอาเข็มกับด้ายมา
สรุปว่าชุดของตัวเองขาดหรือไม่นั้น แน่นอนว่าเฉินเสียนเข้าใจอย่างชัดเจนดี
ซูเจ๋อบอกว่าขาด หากให้สาวใช้มาเย็บซ่อมให้ แล้วพบว่าไม่ได้ขาด ก็ไม่ใช่ว่าแฉโพยแล้วหรือ
ครั้นแล้วเฉินเสียนเลยรับเข็มกับด้ายจากสาวใช้มา กล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าออกไปเถิด ข้าทำเอง”
“แต่ว่า.......”สาวใช้กล่าว“มีเหตุผลที่ไหนกันเล่าที่จะให้องค์หญิงเย็บซ่อมชุดเอง ให้บ่าวทำให้เถิดเพคะ”
เฉินเสียนไม่ได้โกรธแต่มีความเคร่งขรึมกล่าวขึ้นว่า “ข้าไม่คุ้นชินที่มีคนมาปรนนิบัติ เรื่องเหล่านี้ข้าทำเองได้ ออกไป”
สาวใช้สองคนถูกทำให้ตื่นตระหนก จำใจต้องตอบรับว่า“เพคะ ”จึงถอยออกไปอย่างว่าง่ายตามระเบียบ มารออยู่ด้านนอกเรือน ทั้งสองคนต่างใช้แววตาที่รู้เป็นนัยกัน คนหนึ่งในนั้นก็ออกไปจากตรงนั้นก่อนอย่างเงียบเชียบ
หลังจากที่สาวใช้ไปแล้ว แต่ทว่าไม่เห็นซูเจ๋อปล่อยมือออก เฉินเสียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า“ตอนนี้ปล่อยมือได้แล้ว”
ซูเจ๋อกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เย็บชุดเป็นหรือไม่?”
เฉินเสียนกล่าวว่า “เอาเข็มกับด้ายมาเพียงแต่ทำไปอย่างนั้นแหละ ไม่มีชุดขาดข้าจะเย็บได้อย่างไรกันเล่า?”
ซูเจ๋อเปิดเปลือกตาขึ้น มองเธออย่างลึกซึ้ง ใจเธอเอื่อยเฉื่อยราวกับถูกสิ่งของยัดเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด ลมหายใจก็หยุดไปพักหนึ่งทันที
ฟังเขาพูดอย่างตั้งใจว่า“อย่างไรก็ยังต้องเย็บ นำชุดทั้งสองด้านเย็บเข้ากัน จะสามารถปกปิดได้มากหน่อย ข้าเป็นคนใจแคบ ครึ่งหนึ่งก็ไม่สามารถให้บุคคลอื่นมองเห็นได้”
เฉินเสียนชะงักงัน
ซูเจ๋อหยิบเข็มกับด้ายจากมือของเธอ แล้วกล่าวอีกว่า“ข้าทำเอง”
เฉินเสียนหัวเราะแล้วกล่าวขึ้นว่า“ท่านทำได้หรือ?”
ซูเจ๋อพยักหน้าเล็กน้อย เข็มกับด้ายที่อยู่ในมือแทงทะลวงเข้าไประหว่างชุดของเธอแล้ว กล่าวขึ้นว่า“ข้าน่าจะคล่องมือทำราบรื่นกว่าท่านนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...