ไม่รู้ว่าที่นี่คือเทือกเขาอะไร มีบ้านไม้หลังเล็กปลูกอยู่ตีนเขา ค่อนข้างลึกลับ ดูจากสภาพแล้วคงจะมีอายุหลายสิบปี
ซูเจ๋อมีความคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดี เขาผูกม้าไว้กับต้นไม้ในป่าหลังบ้าน จากนั้นก็เปิดบานประตูที่ค่อนข้างเก่าแก่ แล้วจึงเดินเข้าไปข้างใน
เขาพูดขึ้นว่า : "เจ้าของบ้านคงจะย้ายบ้านไปแล้ว คืนนี้ค้างแรมที่นี่ก็แล้วกัน"
เฉินเสียนมองดูเขาจุดไฟด้วยความคุ้นชิน แสงจากเปลวไฟส่องกระทบลงบนใบหน้าของเขาเป็นประกายสั่นไหว เธอจึงถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่า : "เมื่อก่อนท่านเคยมาที่นี่หรือ?"
แสงที่เคลื่อนไหวไปมาของเปลวไฟปรากฏอยู่ในดวงตาที่ลุ่มลึกของซูเจ๋อ เขาพูดขึ้นว่า : "เหมือนกับบ้านอาจารย์นายช่างไม้ เมื่อก่อนข้าเคยรักษาตัวอยู่ที่นี่ คนที่คอยดูแลข้าคือนายพรานของที่นี่"
"สรุปแล้วสาเหตุของการบาดเจ็บคืออะไร? ทำไมถึงหลบหนีจากทางตอนใต้เข้ามายังเมืองหลวง?" เฉินเสียนเคยถามไปครั้งหนึ่งแล้วตอนอยู่ที่บ้านอาจารย์นายช่างไม้ แต่ซูเจ๋อไม่เคยตอบอย่างละเอียดเลยสักครั้ง
ซูเจ๋อเพิ่มฟืนลงไปในกองไฟ และไม่ได้ตอบอะไรออกมา
ฉินหรูเหลียงเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า : "กษัตริย์ไหวหนานถูกคนทรยศฆ่าในระหว่างการพิชิตและทรงเสียชีวิตในสนามรบ หลังจากนั้นผู้สืบทอดของกษัตริย์ไหวหนานจึงถูกเปลี่ยนใหม่ ก็ได้มีนักฆ่าลักลอบเข้าไปในค่ายทหารเพื่อลอบสังหารองค์รัชทายาท จากนั้นบังเอิญถูกพบเห็นเสียก่อนจึงได้หลบหนีไป"
หยุดไปครู่หนึ่ง ฉินหรูเหลียงก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เข้มขรึมว่า : องค์รัชทายาทในตอนนั้นก็คือองค์จักรพรรดิในปัจจุบัน และท่านก็คือนักฆ่าที่พยายามจะลอบสังหารคนนั้นหรือ?"
นิ้วมือที่เรียวยาวของซูเจ๋อจับกิ่งไม้อยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉินหรูเหลียง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : "เรื่องราวเก่าแก่ในอดีต ท่านแม่ทัพฉินก็ยังคงจำได้"
"เป็นท่านจริงๆ ด้วย" ฉินหรูเหลียงพูดขึ้นด้วยอารมณ์ที่พลุกพล่านว่า : "ตอนนั้นฝ่าบาททรงได้รับบาดเจ็บไม่น้อย หากไม่ใช่เพราะบาดแผลคลาดเคลื่อนจากหัวใจที่เฉียดฉิวเพียงครึ่งนิ้ว เกรงว่าคงจะไม่สามารถผ่านพ้นมาได้"
ซูเจ๋อพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า : "นี่คงจะเป็นมติสวรรค์"
ในครั้งนั้นเขาได้ทำมันพลาดไป ราชวงศ์ต้าฉู่จึงถูกโค่นล้มและถูกแทนที่โดยจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน หากว่าตอนนั้นเขาไม่ได้ทำมันพลาดไปละก็ เรื่องราวก็คงจะไม่เป็นแบบนี้
ฉินหรูเหลียงเหลือบตามองเขาด้วยสายตาที่เย็นชา แล้วจึงพูดขึ้นว่า : "ท่านบัณฑิตซ่อนตัวตนเก่งเสียจริง ความอดทนก็สูงมาก ในตอนนั้นคนขององค์รัชทายาทตามมาฆ่าติดๆ แต่ท่านกลับยังรอดชีวิตมาได้"
ซูเจ๋อฉีกยิ้มที่มุมปากอย่างมีเงื่อนงำ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ก็คงจะเป็นมติสวรรค์กระมัง"
เฉินเสียนฟังแล้วรู้สึกอึ้งไปหมด ถึงแม้ว่ามือเธอจะกำลังผิงไฟ แต่กลับไม่รู้สึกถึงความอุ่นเลยแม้แต่นิดเดียว
ตอนนั้นซูเจ๋อหนีออกจากวงล้อเก้าตายหนึ่งรอดได้อย่างไรกัน? เขาคงได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสแน่ๆ ไม่รู้ว่าในตอนนั้นเขาใช้เจตจำนงอะไรในการกลั้นใจรอดพ้นจากความตายนั้นมาได้
ตอนนั้นอาณาจักรต้าฉู่โกลาหลวุ่นวาย เขาหลบหนีในขณะที่บ้านเมืองโกลาหลวุ่นวายที่สุด เขาที่โดดเดี่ยวเดียวดายและไร้ที่พึ่งพิง เฉินเสียนไม่กล้าที่จะนึกเลย
จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปล๊บขึ้นมา
เมื่อเฉินเสียนได้สติ ก็รีบดึงมือกลับอย่างไม่รู้ตัว แต่ซูเจ๋อกลับเร็วกว่าเธอหนึ่งเก้า เขารีบดึงมือของเธอให้ออกห่างจากกองไฟอย่างรวดเร็ว เขาจับมือของเธอแน่น
ซูเจ๋อลูบคลึงนิ้วมือของเธอพร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ลวกโดนหรือเปล่า"
เฉินเสียนรีบส่ายหน้าทันควัน
"ตอนผิงไฟไม่ควรเหม่อลอยสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้" ซูเจ๋อเตือนเธอด้วยความอ่อนโยน
ที่แท้แล้วเฉินเสียนที่เหม่อลอยสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นิ้วมือจึงโดนเปลวไฟเข้า
ในตอนนั้นฉินหรูเหลียงเองก็ได้ยื่นมือออกไปดึงมือของเฉินเสียนด้วยเหมือนกัน เพียงแต่ว่าเขาที่นั่งอยู่อีกข้างของเฉินเสียน ไม่ได้โชคดีเหมือนซูเจ๋อ เพราะเขาเองช้าไปหนึ่งเก้า
ฉินหรูเหลียงก้มมองดูฝ่ามือที่ว่างเปล่าของตัวเอง จากนั้นก็เก็บมือกลับอย่างเงียบงัน
สายตาของเฮ่อโยวและฉินหรูเหลียงพากันจ้องมองซูเจ๋อที่กำลังจับมือของเฉินเสียนอยู่
เฉินเสียนจึงดึงมือกลับ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : "ข้าไม่เป็นไร"
"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว" ซูเจ๋อจึงปล่อยมือของเฉินเสียนด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย
ฉินหรูเหลียงกลั้นลมหายใจไว้ในอก
เมื่อความจริงในอดีตถูกเปิดเผยออกมา เขาและซูเจ๋อต้องเผชิญหน้ากัน ย้อนกลับไปยังเรื่องราวในอดีตที่เคยเกิดขึ้นและบุคคลที่จากโลกนี้ไปในราชวงศ์ก่อนหน้าอย่างละเอียด
เฮ่อโยวที่ฟังด้วยความตะลึงงุนงง แม้ว่าตอนนี้เขาจะรู้แล้วว่าซูเจ๋อเป็นคนแบบไหน แต่ก็จินตนาการภาพไม่ออก ว่าท่านบัณฑิตที่สูงส่งไร้ซึ่งความขัดแย้งใดๆ กับผู้คนนี้ จะสามารถทำเรื่องพวกนี้ออกมาได้
เฉินเสียนกอดเข่าแน่น และฟังอย่างตั้งใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...