แต่ฉินหรูเหลียงจะมาที่สวนสระวสันตฤดูทำไมหากไม่มีธุระสำคัญ
หลังจากที่หลิ่วเหมยอู่กลับไป นางก็เฝ้ารอฉินหรูเหลียงอย่างกระวนกระวายใจตลอดทั้งบ่าย
ในที่สุดฉินหรูเหลียงก็กลับมา เมื่อมาถึงเขาก็เข้าไปหานางในเรือนทันที
หลิ่วเหมยอู่ช่วยถอดเสื้อคลุมให้เขาอย่างคล่องแคล่วตามแบบอย่างของภรรยาที่ดี แต่ในใจยังคงคิดวนเวียนอยู่กับสิ่งที่เฉินเสียนพูดเมื่อเช้า ดังนั้นนางจึงต้องลองหยั่งเชิงฉินหรูเหลียงเพื่อความสบายใจ
หลิ่วเหมยอู่พูดวกไปวนมาและสุดท้ายก็วกเข้าเรื่องบาดแผลของนาง นางกล่าวว่า “เหมยอู่จำได้ว่าเมื่อครั้งก่อนท่านแม่ทัพบอกว่าจะทายาที่หลังให้เหมยอู่ แต่พอมานึกดูแล้วเหมยอู่ยังคงไม่หายผวา ในตอนนั้นโชคดีที่เซียงซั่นเข้ามาปกป้องไว้และหลังของเหมยอู่ก็อยู่ชิดติดกับผนัง ที่หลังจึงรอดพ้นจากการทำร้ายขององค์หญิง”
ความจริงฉินหรูเหลียงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่เมื่อหลิ่วเหมยอู่พูดขึ้นมาอีกครั้งเขาจึงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ราวกับว่านางพยายามปิดบังบางอย่างอย่างร้อนรน
การที่เพิ่งมาหยั่งเชิงในตอนนี้ก่อให้เกิดความตะขิดตะขวงขึ้นภายในใจของฉินหรูเหลียงโดยไม่รู้ตัว
ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้วแปลกๆ เขาจับมือหลิ่วเหมยอู่และกล่าวว่า “ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไม่ว่านางจะพูดอะไรข้าก็จะไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว ต่อจากนี้เจ้าพยายามอยู่ให้ห่างนางไว้นะ จะได้ไม่เจ็บตัวอีก”
“เหมยอู่เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
แม้ปากของหลิ่วเหมยอู่จะตอบรับอย่างดิบดี แต่ภายในใจของนางจะยอมง่ายๆ ได้อย่างไรกัน
ดูเหมือนฉินหรูเหลียงไม่คิดจะยุ่งกับเด็กในท้องของเฉินเสียนอีก แต่นางจะทนมองท้องของเฉินเสียนโตขึ้นทุกวันๆ ได้อย่างไร อยากให้ไอ้เวรนั่นมันเกิดมากเลยสินะ!
ไม่ได้ นางจะต้องหาวิธีจัดการมันให้เร็วที่สุด
นางทำอะไรแบบโจ่งแจ้งไม่ได้ เป็นการดีที่สุดที่จะทำให้ทุกคนคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ
ด้วยเหตุนี้หลิ่วเหมยอู่จึงใช้สมองครุ่นคิดเรื่องนี้ทุกวันจนใบหน้าซูบเซียวและเต็มไปด้วยความฉุนเฉียว
เซียงซั่นเป็นคนหูไวตาไวเรื่องหาข่าว นางโน้มตัวมากระซิบว่า “บ่าวมีแผนแล้วเจ้าค่ะ บ่าวได้ยินมาว่าสระน้ำตื้นๆ ตรงมุมสวนดอกไม้ด้านหลังไม่ได้ทำความสะอาดมานานแล้ว เห็นว่าช่วงนี้ในสระมีปลิงเยอะจึงไม่มีใครกล้าลงไป ตอนนี้พ่อบ้านกำลังคิดจะหาคนนอกมาทำความสะอาด ถ้าทำให้นางสารเลวตกลงไปในสระนั่นได้ ไม่ต้องพูดถึงเด็กในท้องนั่น เพราะแม้แต่ชีวิตของตัวเองก็ยังยากที่จะรักษาไว้”
ดวงตาของหลิ่วเหมยอู่เป็นประกาย แววแห่งความโหดเหี้ยมฉายอยู่บนใบหน้าของนาง ถ้าเฉินเสียนตกลงไปในสระและคนไปพบช้าสักหน่อย นางคงจะถูกปลิงสูบเลือดจนตัวแห้งเป็นแน่
หลิ่วเหมยอู่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อกำจัดเฉินเสียน แต่เฉินเสียนกลับไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย
เฉินเสียนใช้โอกาสช่วงที่กำลังตั้งครรภ์ซึ่งเธอว่างมากถึงมากที่สุดในการวาดการ์ตูนโดยใช้ถ่าน เรื่องราวสั้นๆ ภาพแล้วภาพเล่าถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน
ที่มาของแรงบันดาลใจน่ะหรือ แน่นอนว่ามาจากเรื่องสองสามเรื่องของท่านแม่ทัพใหญ่และเมียน้อยนั่นเอง
เฉินเสียนวานให้อวี้เยี่ยนนำต้นฉบับภาพเขียนปึกนี้ส่งไปให้เหลียนชิงโจวเพื่อรวมเล่มและวางแผนขายเป็นหนังสือการ์ตูน สิ่งนี้ไม่เคยปรากฏในต้าฉู่มาก่อนจึงน่าจะตีตลาดได้ดีไม่น้อย
ตอนที่เหลียนชิงโจวรับภาพเขียนมาไว้ในมือ เขาถึงกับหน้าชาไปชั่วขณะ “องค์หญิงวาดภาพเหล่านี้เองหรือ”
อวี้เยี่ยนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “บ่าวเห็นองค์หญิงวาดกับตาเลยเจ้าค่ะ”
“น่าสนใจจริงๆ” เหลียนชิงโจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ตอนเห็นครั้งแรกเขารู้สึกว่ารูปแบบการวาดตัวละครดูแปลกตาไปหน่อย แต่ยิ่งมองไปเรื่อยๆ กลับยิ่งสะดุดตา และการเล่าเรื่องโดยใช้ภาพแบบนี้ยิ่งทำให้รู้สึกถึงชีวิตชีวามากขึ้น
ในฐานะพ่อค้า เหลียนชิงโจวจะไม่ละทิ้งโอกาสทางการค้าใดๆ ทั้งสิ้น
เหลียนชิงโจวกล่าวว่า "กลับไปทูลองค์หญิงว่าข้าได้รับภาพเขียนคนตัวน้อยเหล่านี้แล้ว หลังจากนี้ข้าจะช่วยให้องค์หญิงได้รับชื่อเสียงเงินทองที่พระองค์สมควรได้รับเอง”
จากนั้นเหลียนชิงโจวจึงถามถึงชีวิตความเป็นไปของเฉินเสียน อวี้เยี่ยนเล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟังอย่างละเอียด พอได้ฟังแล้วเหลียนชิงโจวถึงกับครางเสียงต่ำ ความชื่นชมฉายชัดบนใบหน้าของเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือหงส์พันปี
ชอบมากเรื่องนี้...